จตุพร - ณัฐวุฒิ ทอล์กโชว์ "ถลกหนังเทือก" วันที่ 17 ม.ค. (ชมคลิป)







ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.30 น. วันที่ 17 ม.ค. มีการจัดแถลงข่าว "ถลกหนังเทือก" โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. กล่าวว่า เมื่อคืนนายสุเทพบอกให้ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ออกมาพูดผ่านโทรทัศน์เหมือนกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.ว่า ถ้าเป็นนายกฯสมชาย ลาออกไปแล้ว ซึ่งจะให้เปลี่ยนเป็นนายกฯยิ่งลักษณ์ และให้ประกาศว่าจะยืนเคียงข้างประชาชน เท่านี้การต่อสู้ของเราก็จะสำเร็จ แต่จนบัดนี้ก็ยัีงไม่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ จะออกมาพูด ประกอบกับสถานการณ์ที่มีการปาระเบิดหรือประทัดนั้น ทำให้นายสุเทพมีความพยายามเรียกร้องให้ทำรัฐประหาร เพราะเป็นทางเดียวที่ตัวเองจะรอดพ้นจากความผิดได้ แต่การรัฐประหารจะสร้างความชิงชังให้กับประชาชนมากขึ้น ฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องเลือกความถูกต้อง คืออยู่ข้างประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

 นายจตุพร กล่าวอีกว่า ส่วนนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ที่ควรจะทำหน้าที่เป็นกลาง กลับเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเข้าข่ายสนับสนุนนายสุเทพ อีกทั้งนายสมชัยยังเคยเป็นพิธีกรช่องบลูสกาย อยากถามว่ายังมีความเป็นกลางอยู่หรือไม่ หากคิดว่าตัวเองทำถูกต้องเรื่องการเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้ง ก็ควรเอาข้อกฎหมายมาชี้แจงให้ประชาชนทราบ และแก้ไขปัญหาให้จัดการเลือกตั้งได้ แต่ไม่ใช่พยายามชี้ช่องให้เกิดปัญหา

 นายจตุพร กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในรัฐบาลของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ออกมาเรียกร้องให้นายกฯลาออกจากรักษาการ ทั้งที่รู้ว่าตามกฎหมาย นายกฯลาออกไม่ได้ เพราะหากเกิดสูญญากาศทางการเมือง ก็จะเป็นช่องทางให้นายสุเทพเสนอนายกฯ และแต่งตั้งสภาประชาชนขึ้นมา นายธีรภัทร์คงจะลืมหลักสำคัญของนักรัฐศาสตร์ไปว่า ต้องไม่ขัดต่อหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทั้งที่เข้าร่วมประชุมกับนายกฯ แทนที่จะเสนอทางออกให้ประเทศ แต่กลับเสนอข้อเรียกร้องสนับสนุนนายสุเทพ

 ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รักษาการ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. กล่าวว่า จากเมื่อวานที่ตนนำข้อมูลเรื่องบัญชีทรัพย์สินเกี่ยวกับที่ดินของนายสุเทพมาเปิดเผย แล้วนายสุเทพชี้แจงบนเวทีว่า ไม่ได้ขายที่ดิน แต่นำของลูกไปขาย ส่วนที่ดินของตัวเองที่เกาะสมุยได้นำไปจำนอง 25 ล้านบาท ตนอยากถามว่า ที่ดินที่เกาะสมุยมีอยู่ 2 ไร่ ซึ่งนายสุเทพแจ้งต่อ ป.ป.ช.ไว้ว่า มีมูลค่า 4 ล้านบาท แล้วจะเป็นไปได้อย่างไร ที่นายสุเทพจะนำไปจำนองได้ถึง 25 ล้านบาท หากนายสุเทพนำที่ดินของลูกไปขายและจำนองที่ดินของตัวเองจริง ก็ให้นำหลักฐานมาแสดงด้วย

 นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายสุเทพบอกว่า ตอนเป็นกำนันมีที่ดินเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่นายสุเทพเป็น ส.ส.สมัยแรก เมื่อปี 2522 ซึ่งในบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งไว้ระบุว่า เมื่อปี 2541 มีที่ดิน 1 แปลง เมื่อปี 2545 มีที่ดินเพิ่มอีก 2 แปลง และหลังจากนั้นก็มีเพิ่มขึ้นเป็น 149 แปลง ในจำนวนนี้มี 83 แปลง ที่ได้มาในวันที่ 30 เม.ย.2555 ตนอยากถามว่า นายสุเทพประกอบอาชีพอะไรถึงซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นได้มากมายขนาดนี้ ส่วนบริษัทศรีสุบรรณฟาร์มของลูกชายก็มียอดขายต่อปีกว่า 1 พันล้านบาท ตนคิดว่า หากนายสุเทพจะกำจัดการคอรัปชั่นให้หมดไป ควรจะตรวจสอบความร่ำรวยของตัวเองก่อน เชื่อว่าการคอรัปชั่นในประเทศไทยจะหายไปในทันที

 นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า หากนายสุเทพทำสำเร็จก็เท่ากับได้ยึดอำนาจเสมือนการทำรัฐประหาร แล้วสามารถแต่งตั้งนายกฯ และสภาประชาชนได้ แต่ึพรรคประชาธิปัตย์คงจะปฏิเสธความเกี่ยวข้องไม่ได้ เพราะแกนนำ กปปส. 8 คน ที่เคยเป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก็แสดงว่า หากยึดอำนาจสำเร็จ คนของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการแต่งตั้งและมีตำแหน่งต่างๆ ด้วย

 รักษาการ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องต่ออดีต ส.ส. 8 คน ให้ประกาศจุดยืน 3 ข้อ ว่า 1.ให้ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข 2.ให้ประกาศว่าจะไม่ไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. เพราะพวกคุณเป็นคนที่ขัดขวางการเลือกตั้งและการรับสมัครเลือกตั้ง เพราะตามกฎหมาย หากใครไม่ไปใช้สิทธิ์ก็จะขาดสิทธิ์ในการลงรับสมัครเลือกตั้ง และ 3.ชักชวนนักวิชาการ และกลุ่มคนที่ขึ้นเวทีปราศรัย เรียกร้องการปฏิวัติประชาชนและปฏิรูป ให้ประกาศสัตยาบันว่า ถ้าทำสำเร็จ จะไม่ยอมรับตำแหน่งใดๆ จากสภาประชาชน และจะไม่รับตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง ติดต่อกัน 5 ปี

 รักษาการ รมช.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ขอประกาศว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มนายสุเทพ และจะต่อต้านการรัฐประหาร พร้อมต่อสู้กับการทำลายประชาธิปไตย แต่ไม่ประสงค์ความรุนแรง และขอต่อต้านการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทุกกรณี และทุกกลุ่ม โดยทุกคนต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และกฎหมายจะต้องคุ้มครองทุกคนและทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ขอความกรุณาจากแม่ทัพนายกองทั้งหลายให้พิจารณาโดยรอบคอบในการหาความจริงและเอาคนผิดมาลงโทษ และขออย่าให้มีการรัฐประหารเป็นอันขาด

 "สถานการณ์ของประเทศในเวลานี้ เราจะต้องหาทางออกร่วมกัน คือ เดินหน้าไปตามกระบวนการและกติกาของระบอบประชาธิปไตย เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. โดยใช้กฎหมายและกติกาในการแก้ไขปัญหา แต่อย่าทำลายกฎหมายและกติกา เพราะจะเป็นการสร้างปัญหาและความเสียหายมากกว่าเดิม" นายณัฐวุฒิกล่าว


ที่มา ข่าวสด