เปิดร่าง คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องสภาปฏิรูปประเทศ


 

 หมายเหตุ : ร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ส่งถึงตัวแทนฝ่ายต่างๆ ที่จะเข้ามาร่วมเป็นกรรมการคัดเลือกบุคคลจากสาขาวิชาชีพต่างๆ เข้าเป็นสมาชิกสภาปฏิรูป เพื่อให้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม หรือตัดทอน ก่อนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จะได้ออกคำสั่งต่อไป

 โดยที่การพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีการขับเคลื่อนมาโดยตลอดเป็นระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ ซึ่งมีทั้งที่เริ่มจากภาคประชาชน ภาคการเมือง ภาคธุรกิจ ข้าราชการ หรือนักวิชาการ แล้วแต่เรื่องหรือประเด็นที่พัฒนาหรือปรับปรุงและสภาพการณ์ต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้น ๆ และในห้วงเวลาย้อนหลังประมาณยี่สิบปีมานี้ การขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาระบอบการปกครองดังกล่าวมีความชัดเจนและมีมากขึ้น

 ทั้งจากภาคประชาชนและส่วนอื่น ๆ เช่น มีการออกมาแสดงความเห็นต่อสาธารณะโดยการชุมนุมเดินขบวน มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญและได้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ หรือมีการทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนเพื่อการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

 เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นไป
อย่างต่อเนื่อง รัฐบาลที่ผ่านมาและรัฐบาลในปัจจุบันก็ได้มีการดำเนินการจัดให้มีเวทีในการรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากบรรดาภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ภาคการเมือง และนักวิชาการต่าง ๆ อาทิเช่น คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมือง

 และศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการปฏิรูปการเมือง คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศ ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวได้ให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ที่มุ่งประสงค์ให้มีการปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริงเช่นกัน

 อย่างไรก็ดี ด้วยในขณะนี้ได้มีประชาชนจำนวนหนึ่งได้ชุมนุมและเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมืองต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานาน และปรากฏจากเวทีเสวนา เวทีสัมมนา และความคิดเห็นที่แสดงผ่านสื่อมวลชนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาก็สามารถประมวลได้ว่า มีข้อเรียกร้องประการหนึ่งที่เห็นพ้องต้องกันคือประสงค์ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ การสร้างความเข้มแข็งในทางการเมือง การพัฒนาการเมืองและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขซึ่งเป็นหลักการที่สอดคล้องกับความคิดเห็นทางวิชาการและความเห็นของคณะกรรมการที่กล่าวมาในการที่จะให้มีการปฏิรูปประเทศ

 และผลจากการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ เช่น รัฐบาล พรรคการเมือง สมาชิกรัฐสภา กองบัญชาการกองทัพไทย องค์กรธุรกิจภาคเอกชน กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผู้ชุมนุมที่ได้จัดให้มีขึ้น หรือแม้แต่ความคิดเห็นที่ปรากฏทางสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ก็มีความมุ่งประสงค์ในแนวทางสอดคล้องต้องกันที่จะให้มีการจัดตั้งสภาเพื่อทำหน้าที่ปฏิรูปประเทศ แต่เนื่องด้วยมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรตามพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ จึงมีความจำเป็นต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตามพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๑๐๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
การดำเนินการใด ๆ โดยจะไม่ให้มีการเลือกตั้งทั่วไปตามมาตรา ๑๐๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไม่อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลจะดำเนินการได้ 

 อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเจตนารมณ์จากกลุ่มบุคคลหลายฝ่ายที่เห็นควรให้มีการปฏิรูปประเทศ ซึ่งรัฐบาลก็เห็นชอบให้มีการปฏิรูปประเทศในทุกด้าน โดยการเลือกตั้งและการปฏิรูปประเทศนั้นสามารถดำเนินการไปพร้อมกันได้เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และผลักดันให้บังเกิดผลการปฏิรูปอันเป็นรูปธรรมตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไปอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๖) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ประกอบกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ส่งเสริมให้บุคคลมีเสรีภาพในการรวมกลุ่มและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

 ข้อ ๑  ให้จัดตั้งสภาขึ้นสภาหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ศึกษาหาแนวทางปฏิรูปประเทศ ตลอดจนเตรียมร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กฎหมาย กฎ และข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในโอกาสแรกที่มี เรียกว่า “สภาปฏิรูปประเทศ” ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้มาโดยวิธีการตามคำสั่งนี้จำนวน ๔๙๙ คน

 ข้อ ๒  การสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ ให้เริ่มโดยการสรรหาตัวแทนประชาชนจากอาชีพต่าง ๆ (ตัวแทนอาชีพ) เข้ามาเป็นจำนวน ๒,๐๐๐ คน แล้วจึงให้ตัวแทนอาชีพจำนวน ๒,๐๐๐ คนดังกล่าว เลือกผู้ที่จะเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศจำนวน ๔๙๙ คน

 ข้อ ๓  ผู้สมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศตามข้อ ๒ ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
 (๑)  มีอาชีพที่สมัครเป็นตัวแทนไม่น้อยกว่าสิบปี
 (๒)  มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด
 (๓)  มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
 (๔)  ไม่เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา หรือดำรงตำแหน่งใด ๆ ในพรรคการเมือง ในระยะสามปีก่อนได้รับแต่งตั้ง
 (๕)  ไม่เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
 (๖)  ไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
 (๗)  ไม่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ
 (๘)  ไม่อยู่ระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามมาตรา ๒๖๓
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
 (๙)  ไม่เคยถูกวุฒิสภามีมติให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งตามมาตรา ๒๗๔
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

 ข้อ ๔  การสมัครเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการตามข้อ ๘ กำหนด
ในการคัดเลือกตัวแทนอาชีพจำนวน ๒,๐๐๐ คน ให้ผู้รับผิดชอบในการคัดเลือกสำหรับแต่ละอาชีพหรือกลุ่มอาชีพตามที่คณะกรรมการกำหนดตามข้อ ๙ (๒) จัดให้ผู้สมัครมาแสดงตนและประชุมคัดเลือกกันเองตามวัน เวลา และสถานที่ที่ผู้รับผิดชอบในการคัดเลือกกำหนดการประชุมคัดเลือกให้ใช้วิธีลงคะแนนลับ ผู้สมัครแต่ละคนลงคะแนนคัดเลือก
ผู้สมัครด้วยกันได้ไม่เกิน ๕ คน และให้มีคณะเจ้าหน้าที่ตรวจนับคะแนนโดยเรียงลำดับ ให้ผู้ได้คะแนนสูงสุดสำหรับแต่ละอาชีพตามจำนวนที่กำหนดตามข้อ ๙ (๑) เป็นผู้ได้รับเลือก ในกรณีที่มีผู้ได้คะแนนเท่ากันจนทำให้เกินจำนวนที่กำหนดสำหรับแต่ละอาชีพตามข้อ ๙ (๑) ให้ประธานกรรมการตามข้อ ๘ จับสลากรายชื่อผู้ได้คะแนนลำดับสุดท้ายที่เท่ากันนั้นจนได้จำนวนครบ ส่วนผู้ได้คะแนนในลำดับถัดไปให้เป็นผู้อยู่ในบัญชีสำรอง หากผู้ได้รับเลือกรายใด
เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ให้คณะกรรมการตามข้อ ๘ เลื่อนรายชื่อผู้ได้คะแนนในบัญชีสำรองเลื่อนขึ้นมาตามลำดับจนครบจำนวนที่กำหนดตามข้อ ๙ (๑)

 เมื่อได้ตัวแทนอาชีพจำนวน ๒,๐๐๐ คนแล้ว ให้ตัวแทนอาชีพทั้ง ๒,๐๐๐ คน ประชุมคัดเลือกผู้ที่จะเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศจำนวน ๔๙๙ คน ตามหลักเกณฑ์ วิธีการคัดเลือก วัน เวลา และสถานที่ที่คณะกรรมการกำหนดตามข้อ ๙ (๓) และ (๔) การประชุมคัดเลือกให้ใช้วิธีลงคะแนนลับ ตัวแทนอาชีพแต่ละคนลงคะแนนเลือกตัวแทนอาชีพด้วยกันได้ไม่เกิน ๑๐ คน และให้มีเจ้าหน้าที่ตรวจนับคะแนนโดยเรียงลำดับ ให้ผู้ได้คะแนนสูงสุดจำนวน ๔๙๙ คน เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก ในกรณีที่มีผู้ได้คะแนนเท่ากันจนทำให้เกินจำนวน ๔๙๙ คน ให้ประธานกรรมการตามข้อ ๘ จับสลากรายชื่อผู้ได้คะแนนลำดับสุดท้ายที่เท่ากันนั้นจนได้จำนวนครบ ๔๙๙ คน

 ส่วนผู้ได้คะแนนลำดับถัดไป ให้เป็นผู้อยู่ในบัญชีสำรอง หากผู้ได้รับเลือกรายใดเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม ให้คณะกรรมการตามข้อ ๘ เลื่อนรายชื่อผู้ได้คะแนนในบัญชีสำรองเลื่อนขึ้นมาตามลำดับจนครบจำนวน ๔๙๙ คนเมื่อประธานกรรมการตามข้อ ๘ ประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศแล้ว แม้ต่อมาจะมีผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือพ้นจากตำแหน่งไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม จะไม่มีการเลื่อนรายชื่อผู้ใดขึ้นมาแทนอีก ในกรณีเช่นนี้ ให้สมาชิกสภาปฏิรูปประเทศมีจำนวนเท่าที่เหลืออยู่ให้ประธานกรรมการตามข้อ ๘ เสนอบัญชีรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก
สภาปฏิรูปประเทศตามวรรคหกต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อประกาศแต่งตั้งโดยนำลงประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา

 การดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศจำนวน ๔๙๙ คน ให้กระทำให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่มีคณะกรรมการตามข้อ ๘ หรือข้อ ๑๑ แล้วแต่กรณีข้อ ๕  สมาชิกสภาปฏิรูปประเทศพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
 (๑)  ตาย
 (๒)  ลาออก
 (๓)  ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๓
 (๔)  ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

 ข้อ ๖  สภาปฏิรูปประเทศมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
 (๑)  ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งอาจรวมถึงการจัดเตรียมร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญด้วย

 (๒)  ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงโครงสร้างรูปแบบการเมืองการปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
 (๓)  ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ
 (๔)  ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารภาครัฐ
 (๕)  ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการจัดให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือการยกเลิกกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งต่าง ๆ เพื่อให้การเลือกตั้งในทุกระดับ การสรรหา และแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ การใช้อำนาจรัฐและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม
 (๖)  ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงการราชการทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการประจำเพื่อให้การดำเนินการ
ในเรื่องนี้มีประสิทธิภาพ
 (๗)  ศึกษาและจัดทำข้อเสนอการปรับปรุงการกระจายอำนาจ การสร้างความรู้ความเข้าใจกฎหมาย การสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนและท้องถิ่น โครงสร้างการจัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินในทุกระดับ การปรับปรุงระบบและวิธีการงบประมาณ และการบริหารงานบุคคลภาครัฐ
 (๘)  ศึกษาและจัดทำข้อเสนอในประเด็นอื่น ๆ ตามที่สภาปฏิรูปประเทศเห็นสมควร
 (๙)  แต่งตั้งคณะทำงานและเจ้าหน้าที่เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งนี้เป็นไปโดยเรียบร้อย

 เมื่อสภาปฏิรูปประเทศดำเนินการข้อใดเรียบร้อยแล้ว ให้ทำรายงานเสนอนายกรัฐมนตรี และให้สภาปฏิรูปประเทศเปิดเผยรายงานดังกล่าวต่อสาธารณชน

 ข้อ ๗  การแต่งตั้งประธาน รองประธาน เลขาธิการสภาปฏิรูปประเทศ การประชุม และวิธีทำงานของสภาปฏิรูประเทศ ให้เป็นไปตามที่สภาปฏิรูปประเทศกำหนด

 ข้อ ๘  ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งประกอบด้วย
 (๑)  ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และปลัดกระทรวงกลาโหม เลือกกันเองจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ
 (๒)  หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า แต่ไม่รวมถึงปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงเลือก จำนวนสองคน เป็นกรรมการ
 (๓)  อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐซึ่งที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยเลือกจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ
 (๔)  อธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของเอกชน ซึ่งที่ประชุมอธิการบดีของสถาบันอุดมศึกษาของเอกชนทุกแห่งเลือกกันเองจำนวนหนึ่งคน เป็นกรรมการ
 (๕)  ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ประชุมเลือกกันเองจำนวนสามคน เป็นกรรมการ
 (๖) ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นซึ่งกรรมการข้างต้นเลือกจำนวนสามคน เป็นกรรมการในการเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๖) ให้คำนึงถึงความหลากหลายทางความคิดเห็นทางการเมืองด้วยให้คณะกรรมการตามวรรคหนึ่งประชุมและเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการให้คณะกรรมการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คณะหนึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการ ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นฝ่ายเลขานุการจะเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศไม่ได้ ให้นำข้อ ๓ (๒) (๓) (๔) (๕) (๖) (๗) (๘) และ (๙) และข้อ ๕ มาใช้บังคับกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้วยโดยอนุโลม

 ข้อ ๙  คณะกรรมการตามข้อ ๘ มีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
 (๑)  กำหนดสัดส่วนของสมาชิกที่เป็นตัวแทนของอาชีพต่าง ๆ ในส่วนของสมาชิกตามข้อ ๒ จำนวนรวม ๒,๐๐๐ คน โดยอาจกำหนดเป็นสัดส่วนของแต่ละอาชีพหรือสัดส่วนของกลุ่มอาชีพตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
 (๒)  กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสมัคร การคัดเลือก ตลอดจนผู้รับผิดชอบในการคัดเลือกสำหรับแต่ละอาชีพหรือกลุ่มอาชีพ เพื่อให้ได้มาซึ่งตัวแทนอาชีพจำนวน ๒,๐๐๐ คน
 (๓)  กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการคัดเลือก และการแต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศจากตัวแทนอาชีพจำนวน ๒,๐๐๐ คน ให้เหลือเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศจำนวน ๔๙๙ คน
 (๔)  กำหนดวัน เวลา และสถานที่เพื่อดำเนินการตามคำสั่งนี้
 (๕)  ออกประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกและการแต่งตั้งเป็นสมาชิก สภาปฏิรูปประเทศและเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อมีคำสั่งต่อไป
 (๖)  แต่งตั้งเจ้าหน้าที่และดำเนินการอื่น ๆ ตามที่จำเป็นเพื่อให้การจัดตั้ง สภาปฏิรูปประเทศเป็นไปโดยเรียบร้อยเมื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว ให้คณะกรรมการชุดนี้สิ้นสุดลง

 ข้อ ๑๐  เมื่อพ้นระยะเวลาสิบห้าวันนับแต่วันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ หากได้มาซึ่งกรรมการไม่ครบจำนวนตามข้อ ๘ แต่ได้กรรมการแล้วเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าเจ็ดคน ในกรณีเช่นนี้ ให้ถือว่าคณะกรรมการตามข้อ ๘ ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่ ในกรณีที่ได้มาซึ่งกรรมการครบจำนวนตามข้อ ๘ หรือตามวรรคหนึ่งแล้ว แม้ต่อมา จะมีกรรมการผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้หรือพ้นจากการเป็นกรรมการ แต่ยังมีกรรมการเหลือ ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการที่มีอยู่ ให้ถือว่าคณะกรรมการตามข้อ ๘ ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่มีอยู่

 ข้อ ๑๑  ให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับคณะกรรมการที่มีอำนาจดำเนินการพิจารณา ทางปกครองตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง มาใช้บังคับกับการประชุมของคณะกรรมการตามข้อ ๘ โดยอนุโลม

 ข้อ ๑๒  ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกันอำนวยความสะดวกแก่สมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ และจัดหาสถานที่ประชุมตลอดจนดำเนินการเพื่อเบิกจ่ายเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายอันจำเป็น แก่สมาชิกสภาปฏิรูปประเทศ

 ในกรณีมีปัญหา ให้หน่วยงานดังกล่าวหรือประธานสภาปฏิรูปประเทศเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณา เมื่อมีการเลือกตั้งและคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่เข้าบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบให้การปฏิบัติงานตามคำสั่งนี้ดำเนินต่อไปอย่างสืบเนื่องตามเจตนารมณ์และแนวทางที่ทุกฝ่ายให้ความเห็นชอบแล้ว
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

 สั่ง ณ วันที่ ... ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

 (นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร)
 นายกรัฐมนตรี

ที่มา ข่าวสด