นปช.แดงทั้งแผ่นดินแถลงข่าวกรณี "ในสถานการณ์ฉุกเฉินและสู้รบทางการเมือง" 7 ธ.ค.56



ทีมข่าว นปช.

7 ธันาวคม 2556



วันนี้ (7 ธ.ค.)เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ชั้น 5 อิมพีเรียลลาดพร้าว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)นำโดย อ.ธิดา ถาวรเศรษฐประธานนปช.คุณจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการและแกนนำนปช.ส่วนกลาง  นปช.แดงทั้งแผ่นดินแถลงข่าวกรณี "ในสถานการณ์ฉุกเฉินและสู้รบทางการเมือง" 7 ธ.ค.56  ทามกลางพี่น้องคนเสื้อแดงจำนวนมากที่มารอคอยฟังการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน

ชมคลิป







อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.กล่าวว่า จุดประสงค์การแถลงข่าวของเรานั้น ไม่ได้หมายความว่าเราแจ้งข้อมูลข่าวสารเฉพาะพี่น้องคนเสื้อแดง แต่การแถลงข่าวของเรามุ่งเน้นไปที่การสื่อสารถึงพี่น้องประชาชนทั้งประเทศรวมทั้งสังคมโลก บัดนี้มีความยินดีที่จะแจ้งว่า สื่อมวลชนโดยเฉพาะสื่อต่างประเทศ สำนักข่าวต่างประเทศ และรวมทั้งสถานฑูตของประเทศต่างๆ ในประเทศไทย มีความเข้าใจค่อนข้างดีในการต่อสู้ของประชาชนไทย ด้วยเหตุผลที่ว่าประเทศเหล่านี้เขาเป็นประเทศที่ได้ผ่านยุคดำยุคมืดและยุคล้าหลัง มาสู่ยุคที่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกข้าง ไม่ใช่เลือกข้างเพราะเป็นรัฐบาลนี้หรือเป็นการต่อสู้ของคนเสื้อแดง หมายความว่าสังคมโลกและอารยะชนเขาเลือกสนับสนุนพลังประชาธิปไตยในทุกประเทศ และโดยเฉพาะประเทศไทยที่มีการต่อสู้อย่างเข้มข้นระหว่างพลังล้าหลังที่ต้องการหมุนประเทศถอยหลัง สิ่งต่างๆที่เราเรียกว่าอนาธิปไตย

อ.ธิดากล่าวต่อว่า อยากจะแจ้งกับประชาชนไทยว่า ที่เราได้สัมผัสกับสำนักข่าวต่างประเทศ และการเผยแพร่ข่าวในสื่อโลกร่วมทั้ง เอกอัครราชฑูต อัครราชฑูตและฝ่ายการฑูตของประเทศต่างๆ ก็แจ้งให้พี่น้องสบายใจว่า ประเทศเหล่านี้สนับสนุนพลังประชาธิปไตยทั้งสิ้นค่ะ ในทำนองเดียวกันก็ต้องการที่จะให้กลุ่มที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นหัวหน้า และพลังล้าหลังทั้งหลายว่าไม่ว่าท่านจะใช้ภาษาที่ดูเหมือนจะก้าวหน้าเป็นภาษาฝ่ายซ้ายเช่น สภาประชาชน รัฐบาลประชาชน เป็นต้น มันไม่สามารถปิดบัง อำพรางธาตุแท้สิ่งที่ท่านนั้นคือสภาอภิสิทธิ์ชน หรือสภาอภิชน เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้รับการสนับสนุน สถานการณ์ในประเทศข้อที่ 1 ที่ต้องการแจ้งให้พี่น้องทราบว่า เราต้องถือว่ารัฐบาลยังอยู่ รัฐสภายังอยู่ ความชอบธรรมของรัฐบาลก็ยังอยู่และที่ต้องการบอกแล้วว่าการสนับสนุนของต่างประเทศ แสดงออกโดยทูตานุฑูตและผู้สื่อข่าวต่างประเทศ สนับสนุนการดำรงค์อยู่ของรัฐไทยภายใต้การนำโดยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรทุกประการ ข้อที่2 เพื่อที่จะโต้ประเด็นที่เราแลกเปลี่ยนกับทูตานุฑูตข้องใจในประเด็นหนึ่ง ในประเด็นที่เราพยายามหลีกเลี่ยงในความรุนแรง และเราไม่ใช่กองกำลังที่สร้างความรุนแรงนั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดของสายตาชาวโลก และได้รับการยกย่อง รักษาความสงบและชีวิตคน หลีกเลี่ยงความรุนแรง อีกอย่างหนึ่งที่เขาสงสัยว่าการที่เราไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ อันนั้นโดยปกติของสังคมต่างประเทศนั้นเขาจะยอมรับศาล เราจึงต้องมีคำอธิบายว่า ในประเด็นนี้เราปฏิเสธคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เราได้อธิบายให้เห็นว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาที่บอกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้วุฒิสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามมาตรา 68 นั้น มันเป็นสิ่งที่เกินกว่ารัฐธรรมนูญเขียนไว้ ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและยังขัดหลักการระบอบประชาธิปไตย ข้อนี้คนต่างประเทศและผู้สื่อข่าวทั้งหมดเห็นด้วยกับเราทุกประการในเนื้อหา

เพราะฉะนั้นจึงของสั่งเสียไปยังพวกกบฏทั้งหลาย ข้อวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในข้อนี้ ประชาชนและรัฐสภามีสิทธิ อีกกระบวนการหนึ่งมีกระบวนการของรัฐสภาที่ศาลรัฐธรรมนูญอ้างปฏิเสธว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เราก็ได้ชี้แจงว่านี่เป็นอำนาจของประธานรัฐสภาและระเบียบกฏหมายในการที่จะควบคุมการประชุม จึงเป็นฝ่ายอำนาจนิติบัญญัติไม่ใช่อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด และได้อธิบายเพิ่มเติมว่าศาลตุลาการรัฐธรรมนูญนี้มีที่มาจากไหน ความไม่ชอบธรรมในฐานะที่เป็นผู้เขียนและมาเป็นผู้ใช้และอีกหลายประเด็น ฉะนั้นกล่าวได้ว่า เราได้โต้แย้งสิ่งที่เขาอาจจะมีข้อสงสัยในการที่เราปฏิเสธคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะข้อนี้กลายเป็นข้ออ้างทั้งหลายของพวกกบฏว่า เพราะเราปฏิเสธศาลรัฐธรรมนูญ เขาจึงมีสิทธิ์ปฏิเสธอำนาจบริหารของรัฐบาล แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่สุเทพ เทือกสุบรรณพูดนั้นมันเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น เพราะเห็นผลของเรานั้นมีอยู่เต็มที่ว่าเราปฏิเสธคำวินิจฉัย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราปฏิเสธทั้งหมด ซึ่งมีเหตุผลและเราก็จะได้อธิบายต่อไป

อ.ธิดากล่าวต่อว่าทั้งหมดเป็นการวิเคราะห์ในสถานการณ์วันสองวันนี้เป็นเหมือนกับเมื่อวานนี้ที่เราได้พูดเอาไว้ตอน 10.30 น. นั่นก็คือเขาจะต้องยกระดับความรุนแรงขึ้นมาในระดับที่4 นั่นก็คือใช้ความรุนแรงขั้นสูงสุด โดยประกาศปิดกรุงเทพมหานครและเรียกร้องให้ข้าราชการ ประชาชนทั้งหลายมาร่วมกับสุเทพ เทือกสุบรรณ เขาใช้ในภาษาอังกฤษว่า Do or Die คือมาทำหรือไม่ก็ตายหมด เราก็น่าจะเป็นประการหลังมากกว่า อย่างที่บอกไปแล้วว่า หลังจากที่ล้มเหลวในระดับที่1 ที่2 ที่3 จึงเหลือระดับที่4ก็คือ การยกระดับความรุนแรงไปถึงขั้นสูงสุด จึงเป็นกบฏที่พัฒนายกระดับเพื่อที่จะทำให้เกิดความเสียหายในขั้นสูงสุดไม่ใช่ขั้นเริ่มต้นด้วยซ้ำ สิ่งที่สำคัญก็คืออยากจะแจ้งกับพี่น้องว่า ขอให้หลีกเลี่ยงการปะทะกันระหว่างประชาชนต่อประชาชนเพราะว่าคนอย่างสุเทพ เทือกสุบรรณจะไม่เคยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศและประชาชน สามารถก่อการที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ระหว่างคนที่มีความเชื่อแตกต่างกัน ปลุกระดมความเกลียดในขั้นสูงสุด และนำความจำนวนมากมาต่อสู้เพื่อตัวเองจะได้รอดพ้นจากความผิดอาญาแผ่นดิน การทำให้เกิดความขัดแย้งโดยประชาชนต่อประชาชน มีการยุแหย่ให้กลุ่มหนึ่งทำร้ายอีกกลุ่มหนึ่ง และอีกกลุ่มหนึ่งก็จะต้องโกรธแค้น ก็จะต้องเอาคืนและนี่เป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้ประเทศในโลกนี้เป็นรัฐล้มเหลว ก็คือประชาชนสองฝ่ายลุกมาฆ่ากัน

เรารักประเทศไทยและรักประชาชนไทยทุกสีเสื้อ จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนทุกสีเสื้อว่า อย่าได้หลงเชื่อคำยุยงของคนที่เอาคนอื่นมาสังเวยเพื่อที่จะให้ตัวเองรอดพ้นความผิดทางอาญา อย่าเชื่อคนอย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งกำลังเอาประเทศให้เข้าสู่หายนะ มหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่ จึงขอให้พี่น้องในที่ที่สุ่มเสี่ยง หลีกเลี่ยงการใช้สัญลักษณ์ สีเสื้อ หลีกเลี่ยงการปะทะระหว่างประชาชน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนเลวอย่างไรก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องไปเลวแบบเขา เพราะว่าคนเสื้อแดงนั้นเป้าหมายคือ ประเทศชาติและประชาชน



ด้านคุณจตุพร พรหมพันธุ์แกนนำนปช. กล่าวว่า กรณีที่สุเทพ เทือกสุบรรณได้ประกาศนัดหมายกลุ่มของตัวเองในวันที่ 9 ธันวาคม ในเวลา9.39 น. เคยมีหลังเรื่องหนึ่งที่ฉายมาก่อนเรื่องนี้ คือปิดกรุงเทพปล้น 9 ธันวาคม 56ปิดกรุงเทพปล้น ถามว่าโดยข้อเท็จนั้น ตนเข้าใจว่า คงจะเป็นการดำเนินการทุกรูปแบบ อย่างเต็มที่เพื่อที่จะตีพ่าย หรือจะมีอำนาจเสียเอง แต่อย่างไรก็ตามนั้นจะต้องขับไล่รัฐบาลชุดนี้ออกไปให้ได้ ความจริงนายสุเทพก็ได้นัดประกาศชัยชนะอยู่หลายครั้งหลายคราวและก็เลื่อนมาตลอด ตนเองก็ไม่แน่ใจว่า วันที่9 ธันวาคม  จะปิดท้ายจริงๆหรือไม่ เพราะฉะนั้นวันที่ 9 ก็เป็นการระดม ตนเองก็มั่นใจว่าจะระดมอย่างไรก็ไม่เกินวันที่ 24 พฤศจิกายน  ที่ผ่านมา

คุณจตุพรยังกล่าวอีกว่า ฉะนั้นภารกิจที่จะปิดกรุงเทพฯและก็ให้มุ่งสู่รัฐบาล  ปัญหาที่เกิดขึ้นถ้ายึดทำเนียบรัฐบาลแล้ว นายสุเทพจะทำอย่างไรต่อ ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยให้มีการยึดโดยไม่มีการสกัดกั้น ปล่อยให้มีการยึดทำเนียบรัฐบาล ถามว่านายสุเทพจะสภาปนาตัวเองเป็นรัฐถาธิปัตย์หรือเปล่า  เพราะว่าสมัยนายสมัคร พันธมิตรยึดทำเนียมและปลูกข้าวจนเกี่ยวข้าวเสร็จนายสมัครก็ยังอยู่ จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญเปิดพจนานุกรมจัดการนายสมัคร เพราะฉะนั้นการยึดทำเนียบรัฐบาลก็มิได้หมายความว่า ความเป็นอำนาจรัฐของการรัฐบาลยิงลักษณ์ นั้นจะหมดไป หรือจะให้ถนนทุกสายเกิดการประทะหรือเรียกว่า การนองเลือดเกิดขึ้น แล้วหลังจากนั้นจะโดนอำนาจใดออกมาจัดการก็แล้วแต่ กรณี ท้ายที่สุดวันที่ 10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ จะนัดหมายชุมนุมกันนั้นก็จะเป็นวันประกาศชัยชนะของเขา
เพราะฉะนั้นในสถานการณ์นี้ถึงอย่างไรก็ตามก็ประมาทไม่ได้ เพราะสุเทพนั้นรู้ว่าหลังจากวันที่ 9 สามวันอย่างไรก็ต้องคดีฐานฆ่าคนตาย ซึ่งเวลานี้ สำนวน 54 ศพไต่สวนในชั้นศาล 10 กว่าศพ ระบุการตายนั้นเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตามศอฉ.ที่มีนายสุเทพเป็นผู้อำนายการทั้งสิ้น

คุณจตุพรกล่าวอีกว่า การดิ้นรนของนายสุเทพ ในปัจจุบันนั้นเขาต้องทำทุกวิถีทาง แต่ที่ต้องประณามและวิจาณกันนั้นคืออธิบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งได้โพสต์วันนัดหมายของนายสุเทพเทือกสุบรรณล่วงหน้า คือก่อนนายสุเทพประกาศ นายไพฑูรย์ได้โพสต์ข้อความ อยู่ในเพสบุคของตัวเอง ทำนายที่เป็นโฆษกให้นายสุเทพ  ฉะนั้นประชาคมธรรมศาสตร์ จะต้องมีการทบทวนเช่นเดียวกัน คำว่าธรรมศาสตร์ทุกพื้นที่ทุกตารางนิ้วเป็นประชาธิปไตยนั้น แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้บริหารมหาลัยธรรมศาสตร์ตั้งแต่คนที่แล้วจนปัจจุปันต่างรัฐใช้อำมาตย์ทั้งสิ้น ไม่มีพื้นที่ประชาธิปไตยเหลืออยู่ในธรรมศาสตร์ แม้จะกล่าวอ้างว่าแชร์ต่อๆกันมา ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะฉะนั้นข้อเสนอในที่ประชุมอธิการบดีพูดง่ายคือสมคบคิดกับนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  มาตั้งแต่ต้น ซึ่งตนเองเหตุว่าขณะนี้พี่น้องคนไทยทั้งหเลายที่มีความรู้สึกว่า ขณะนี้ประเทศไทยของเราดำลังจะเจออะไรกันแน่ คำว่า “มวลมหาประชาชน” ของนายสุเทพที่ชวนมาเรื่องนิรโทษกรรมจนกระทั่งมาปิดที่มาตรา 7 คือนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ถ้านายสุเทพอ้างว่ามวลมหาประชาชนของตัวเองมีเป็นจำนวนมากกว่ารัฐบาลชุดนี้ นายสุเทพจะกลัวอะไรกับการเลือกตั้ง ซึ่งถ้ามากจริงนายสุเทพ ก็จะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งที่จริงแล้วนายสุเทพรู้ว่ามวลมหาประชาชนของตนน้อยไม่สามารถที่จะชนะการเลือกตั้งได้ และการกล่าวอ้างว่าชัยชนะของพรรคเพื่อไทยมาจากการซื้อเสียง  ทุจริตการเลือกตั้ง วันนั้นใครครองอำนาจรัฐอยู่ กกต.ที่แล้วก็ระบุชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์ใช้เงินในการเลือกตั้งมากกว่าพรรคเพื่อไทย เสียอีก ซึ่งกรณีของนายสุเทพศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษาให้กกต.ดำเนินคดีอาญากับนายสุเทพ ในข้อหาทุจริตการเลือกตั้ง  แล้วยังมีหน้าไปชี้หน้าหาว่าคนอื่นทุจริตได้อย่างไร แม้กระทั่งเรื่องแก๊สน้ำตาซึ่งสมัยตัวเองเป็นศอฉ.เปิดกระสุนจริงมา 6 แสนนัดยิงพวกเราเกือบ2แสนนัด มีเขตใช้กระสุนจริง เราตายร้อยศพ บาดเจ็บร่วม 2พัน ฉะนั้นแค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันยกตัวอย่างชัดเจนของกรณีรามคำแหงที่พยายามหยิบยกมา หนึ่งชีวิตน้องนักศึกษาราม แต่สามชีวิตเป็นคนเสื้อแดง  นายสุเทพ นายอภิสิทธิ์ไม่พูดถึง 3 ชีวิตนี้เลย และไม่มีปรากฎภาพใดไม่ว่าภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหว ว่าคนเสื้อแดงไปทำร้ายนักศึกษารามแต่ภาพที่ปรากฏนั้นเป็นคนเสื้อแดงถูกทำร้ายทั้งสิ้น โดยบางคดีตำรวจออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย กรณีจับเสื้อแดงแก้ผ้าแล้วทำร้ายก็เหมือนกัน หรือภาพทุบรถเมล์ ลากคนมาทำร้าย ไม่ว่าผู้หญิงคนแก่ ไม่มีความปราณีใดๆทั้งสิ้น 

คุณจตุพรยังกล่าวอีกว่า การปลุกระดมนักศึกษารามคำแหงนั้น  คนที่รู้ดีทุกอย่างคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้น  และตนก็เชื่อความศักดิ์สิทธิ์ของพ่อคุณรามคำแหง ว่า ใครก็ตามที่ใช้มหาลัยรามคำแหง เป็นเครื่องมือทางการเมือง ตนของสาปแช่งและไม่เว้นไปยังอธิการบดี ที่จะต้องรับผิดชอบเต็มๆ  ซึ่งเราเองก็ชุมนุมมาหลายวัน รามก็อยู่ส่วนราม เราเองก็อยู่ที่ราชมังคลา ต่างคนต่างอยู่ไม่เห็นมีปัญหาอะไร  โดยตลอดทั้งคืนมีการยิงและปาระเบิดใส่คนเสื้อแดงตลอดเวลา  เพราะฉะนั้นเวลานี้กำลังปิดข้อเท็จจริงอันนี้ แล้วก็ปลุกระดมทุกเวที ให้ลูกพ่อขุนออกมาต่อต้านคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นที่เดี่ยวกับที่ยิงปืนใส่มัสยิดที่เพชรบุรี ซอย 5 ซอย 7 หรือเอารถแก๊สมาจอดที่ดินแดง  หรือที่จอดที่โรงพยาบาลสงฆ์ คนที่ทำแบบนี้อย่างไรสันดานมันก็ยังทำยังนั้นอยู่ ซึ่งเป็นวิธีการวิธีคิดแบบเดียวกัน  และเรื่องความตายของนักศึกษารามคำแหง ซึ่งต้นไม่ทราบว่าในมหาวิทยาลัยกล้องวงจรปิดมีกี่ตัวแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปหาหลักฐานมา ร่วมกระทั่งวิถีกระสุน ซึ่งในบริเวณสนามกีฬา ก็รู้ว่ามาจากมุมสูง  รถภรรยาของผอ.นิสิต สินธุไพรก็ถูกยิงจากมุมสูง  ศพสุดท้ายที่สนามกีฬาก็ถูกยิงจากมุมสูง ซึ่งถูกยิงตรงนั้นเพราะเป็นช่องเดียวกับที่พวกผมจะออก  ฉะนั้นอะไรก็ตามที่เป็นความจริงนั้น พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งดูเสมือนจะแยกกัน  ซึ่งต้องถามนายสุเทพว่าคุณได้ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้วหรือยัง ซึ่งไม่เคยมีข่าวว่าลาออกจากสมาชิกพรรคแล้ว แต่การเป็นพรรคประชาธิปัตย์นั้นการได้มาซึ่งอำนาจไม่จำเป็นต้องจำกัดวิธีการ และที่สำคัญที่สุดคือถ้าเราลากไปไม่ถึงวันที่ 12 ธันวาคม คดีที่ฆ่าประชาชนที่ทำสำนวนเสร็จ 54 ศพจาก100 ศพนั้นพวกนี้ก็จะลอยนวลทันที

คุณจตุพร กล่าวอีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตามที่จะมีการระดมในวันที่ 9 ธ.ค. ปิดกทม. หลายคนประเมินว่า จะมีความรุนแรง การข่าวของตนก็บอกว่า ไม่ธรรมดา ทันทีที่รัฐบาลเกิดเพลี่ยงพล้ำ นายสุเทพ สถาปนาตัวเองเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ประชาชนจะลุกฮือขั้นทั้งประเทศ วันที่ 9 ธ.ค. มีความสำคัญมาก ส่วนวันที่ 10 ธ.ค.ที่มีการนัดหมายที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ตนได้มอบหมายให้นายอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าการ์ด นปช. ไปประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่บทเรียนที่ ราชมังคลาฯ เป็นบทเรียนราคาแพง เพราะเราไม่คิดว่าจะถูกกระทำเช่นนั้น ในส่วนของประชาชน เพื่อลดการกระทำเชิญชวนให้เก็บเสื้อแดงไว้ และใส่ชุดธรรมดามาเพราะมนุษย์บางจำพวกมันเห็นเสื้อแดงไม่ได้ เห็นแล้วจะอาละวาดใส่ ถ้าสถานการณ์วันที่ 9 ธ.ค. เป็นสถานการณ์ที่เลวร้าย  วันที่ 10 ธ.ค.เราก็จะรองรับและจะแก้ไขสถานการณ์ได้ เราไปชุมนุมอยุธยา เพราะต้องการหลีกเลี่ยงเผชิญหน้าทุกรูปแบบ มีการรักษาความปลอดภัย ป้องกันการทำร้ายครบถ้วนตึกสูงทุกตึกการ์ด นปช. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะป้องกันไม่ให้มีการซุ่มยิงได้ สถานการณ์วันที่ 9 ธ.ค. หลายคนเป็นห่วงว่า จะเกิดเหตุการณ์อะไร สิ่งที่น่ากลัวกว่า คือ ประเทศจะเกิดอะไรทุกคนรักตัวกลัวตายหมด แต่สิ่งที่ใหญ่กว่า คือชาติบ้านเมือง เราจะปล่อยให้ประเทศถูกครอบครองโดยนายสุเทพ และ คนรุ่นลูกลูกหลานมารับผลพวงการกระทำของนายสุเทพไม่ได้

“ ขอให้การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ใช้แนวทางประชาธิปไตยอย่าได้ใช้แนวทางรัฐ ประหาร เพราะคนที่เดือดร้อนคือประเทศไทย เมื่อเลือกข้างประเทศไทย ต้องเลือกข้างประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วย ตนยืนยันว่า ทหารมีการจัดชุดกำลังติดตามบุคคลสำคัญ การส่งสัญญาณไป เพื่อบอกว่าอย่าได้ทำอย่างนั้น เพราะการเอาชีวิตพวกตนหรือการบล็อกแกนนำรัฐบาลไม่มีประโยชน์อะไรแม้ไม่มีพวก ตนประชาชนก็ยังต้องต่อสู้กันอยู่ ประชาชนเดินไกลมากกว่า แกนนำด้วยซ้ำเพราะเขารู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศนี้ถ้าวันที่ 9 เกิดความเพลี้ยงพล้ำ สนามวันที่ 10 ธ.ค.ก็ยังจะเป็นสิ่งยืนยัน ว่า คนเสื้อแดงยังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกันอยู่ วันที่ 10 ธ.ค. มาชุดนอกเครื่องแบบ น่ากลัวกว่า มาเสื้อแดงอีกจำปากตนไว้ ให้คนเสื้อแดงอยู่ฐานที่มั่น และเตรียมความพร้อมสูงสุดอยู่ตลอดเวลาเพราะวันที่ 9 ไม่ธรรมดา การข่าวตนบอกว่าไม่ธรรมดา แต่นายสุเทพ ก็ตองรู้ว่า คนเสื้อแดงไม่ธรราดา เหมือนกันและยังยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและ รัฐบาลประชาธิปไตยเอาไว้ ถ้าเรารักษาประชาธิปไตยไม่ได้เราจะเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ” คุณจตุพร กล่าว 

คุณจตุพร กล่าวอีกว่า ส่วนการไปจะจัดรายการความจริงวันนี้ทางช่อง11 วันนี้ก็ไม่จริงเสียแล้ว เพราะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจะให้เป็นการสัมภาษณ์ เนื่องจากวิตกกังวลกันบางอย่าง ถ้าไม่ได้จัดในรูปแบบรายการความจริงวันนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรในสถานการณ์ การสู้รบแบบนี้เรื่องนี้จึงไม่เกิดขึ้น เพราะเราไม่ใช่พวกอยากออกโทรทัศน์  เราไม่ได้ปืนใหญ่ก็เอาดาบรบเหมือนเดิมเมื่อติดขัด ก็ไม่ควรเข้าไปจัดเพราะเราสามารถสื่อสารผ่านทางอื่นได้ และในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ จะมีการเปิดช่องทีวีนปช. หรือช่องยูดีดี ซึ่งจะเป็นช่องทางหนึ่งในการสื่อสารกับประชาชน.