ทีมข่าว นปช.
28 ธันวาคม 2556
วันนี้ (28 ธ.ค.)เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการณ์แห่งชาติ (นปช.)นำโดย อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานปช. คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. คุณจตุพร พรหมพันธุ์ และแกนนำนปช.ส่วนกลาง ร่วมกันแถลงข่าว
โดย คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. กล่าวว่า กระบวนการเลือกตั้งเกิดขึ้นชัดเจนแล้ว ไม่มีอะไรจะมายับยั้งได้ เพราะเป็นการดำเนินการภายใต้ตัวบทกฎหมาย ทั้งนี้การให้สัมภาษณ์และท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มีบางประเด็นที่นำสู่การวิพากษ์วิจารณ์และวิตกกังวลในหมู่ประชาชนทั่วไปใน เรื่องคำถามเกี่ยวกับการรัฐประหาร ตนเรียนว่าจนถึงนาทีนี้ตนยังเชื่อมั่นความเป็นสุภาพบุรุษของ พล.อ.ประยุทธ์ว่าการรัฐประหารไม่ใช่ทางออกของปัญหา กองทัพบกภายใต้การนำของท่านและผู้นำเหล่าทัพหลายท่านยืนยันเช่นนี้ต่อ ประชาชนต่างกรรมต่างวาระ เราถือว่าชายชาติทหารต้องรักษาสัจจะเท่าชีวิต จึงถือว่าสัจจะนี้ประชาชนยังรับฟังและให้ความเชื่อถือ
“ อย่างไรก็ตามคำพูดที่ว่าท่านไม่มีปิด และไม่มีเปิดประตูรัฐประหาร ขอเรียนว่าไม่ว่าท่านจะให้สัมภาษณ์ด้วยบรรยากาศเช่นใด ในฐานะประชาชนคนไทยเราได้ปิดประตูรัฐประหารทั้งสิ้นแล้ว และจะไม่ยอมให้มันเกิดไม่ว่าจะกรณีใด ๆ สำหรับประชาชนหากมีการรัฐประหาร ทันทีที่มีการขับเคลื่อนกำลังประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ ก็จะแสดงการต่อต้านในฐานะผู้รักประชาธิปไตยทันทีท่ามกลางความสับสนของสังคม ผมเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ และแม่ทัพนายกองทั้งหลาย ท่านยังเป็นหลักของบ้านเมืองและต้องเชื่อมั่นในสิ่งนี้ แต่ขอประกาศวันนี้และก่อนถึงสิ้นปี ทุกวันทุกเดือน ทุกวินาที จะเป็นช่วงเวลาต่อต้านรัฐประหารของคนไทยทั้งประเทศ ในฐานะแกนนำ นปช.แม้ว่ายังไม่มีการนัดหมายชุมนุมแสดงพลัง เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมท่ามกลางบรรยากาศที่บุกปั่น ให้เกิดความเกียดชังแต่เราขอประกาศในนาม นปช.ในนามประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศ ณ บัดนี้ว่า แม้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่การต่อสู้เพื่อการต่อต้านรัฐประหารได้เริ่มขึ้นแล้วและขอให้ทุกคนได้ยึด ถือเป็นหน้าที่ตั้งแต่วินาทีนี้ เราไม่ประสงค์ความรุนแรงใดๆเราไม่ประสงค์การเผชิญหน้า และตนหวังว่าความขัดแย้งในสถานการณ์ต่างๆในขณะนี้จะมีช่องทาง คลี่คลายตามวิถีทางประชาธิปไตย”
คุณณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนเห็นด้วยกับ พล.อ. ประยุทธ์ที่ว่าถ้าเกิดการรัฐประหารแล้วจะฟังกันหรือไม่ ฝ่ายรัฐประหารจะเจอกับมวลชนสองกลุ่ม สองด้าน ตนอยากจะเสนอแนวทางว่าท่านไม่มีความจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับคนสองกลุ่มหรือกี่กลุ่มก็ ตาม ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจเพียงท่านเดินทางรักษากติกา รักษากฎหมายของบ้านเมือง ที่ตามระบอบประชาธิปไตย ท่านไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับใครทั้งสิ้น กับการตัดสินใจหันไปทางนายสุเทพ แล้วกระซิบข้างกกหูว่าหยุดและกลับบ้านได้แล้ว นำพาประเทศไปสู่การเลือกตั้ง ตนว่าทำอย่างหลังง่ายกว่าหลายเท่าตัว ไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับประชาชน ข้าราชการ พ่อค้า นักเรียนนักศึกษา ผู้นำท้องถิ่นที่เขารักประชาธิปไตยมาต่อต้าน ท่านเพียงหันไปบอกกำนันตัวดำ ๆ ตาโตๆเพียงคนเดียว ว่าแสดงออกมาเพียงพอแล้ว หยุดผลักดันคนทั้งประเทศให้เผชิญหน้ากันในซอยแคบๆ ได้แล้ว บ้านเมืองนี้ไม่จำเป็นต้องยุติหลังสงครามกลางเมือง แต่หาข้อยุติได้หลังการเลือกตั้ง กระบวนการปฏิรูปประเทศก็ยังอยู่ สันติภาพก็ยังรักษาไว้ได้ กฎกติกาประชาธิปไตย ก็ยังรักษาไว้ได้ ความภาคภูมิใจของประชาชนต่อบทบาทของกองทัพก็รักษาไว้ได้ แต่ถ้าไม่มีการเลือกตั้งแล้วเกิดสิ่งที่มาประหัตประหารระบอบประชาธิปไตย เราจะสูญเสียความเชื่อมั่นในสายตานานาชาติ เราจะสูญเสียโอกาสสันติภาพ สูญเสียความสงบ สามัคคีในสังคม และโอกาสในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศไปข้างหน้า และที่สำคัญเราจะสูญเสียความสามัคคี ซึ่งวันนี้ก็แทบจะไม่เหลืออยู่แล้วทั้งนี้ เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนในการต่อต้านรัฐประหาร ขอให้เตรียมพร้อมสูงสุดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทางด้าน อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.กล่าวว่า ท่ามกลางการคุกคามระบอบประชาธิปไตย สร้างสถานการณ์ยกระดับความรุนแรง ความมุ่งมั่นของประชาชนไทยและพลังประชาธิปไตย ที่จะให้ประเทศนี้เดินหน้า โดยวันนี้กกต.รายงานว่า ภาพรวมการรับสมัครสส.แบบแบ่งเขตทั่วประเทศ มี 375 เขต พบว่ามีบางเขตที่ยังไม่เรียบร้อย สามารถดำเนินการเปิดรับสมัครได้แล้ว 343 เขต มี 6 จังหวัดรวม 32 เขตที่อาจต้องเปลี่ยนสถานที่รับสมัครใหม่ และเริ่มเปิดรับสมัครใหม่ในวันพรุ่งนี้ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์จาก 375 เขตจัดการเรียบร้อย 91.5% จังหวัดที่มีการเปิดล้อมได้แก่ ชุมพร 3 เขต นครศรีธรรมราช 9 เขต กระบี่3 เขต สงขลา 8 เขต สุราษฏธานี 6 เขต และพัทลุง 3 เขต ในขณะที่มีบางเขต กกต.ลาออก ได้หาผู้มาทำหน้าที่แทนเรียบร้อย
เพราะฉะนั้นสถานการณ์นี้เป็นการบ่งชี้ว่า ความมุ่งมั่นของประชาชนทั้งประเทศ ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การนำของสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังมองว่าอนาคตประเทศไทย พลังประชาธิปไตย พลังที่ถูกต้อง พลังที่ก้าวหน้าและเป็นอารยธรรมสากล ต้องชนะแน่นอน
ขณะนี้สิ่งที่ม็อบนายสุเทพ ได้พูดอย่างก้าวร้าว รุนแรงก็คือ “จะยึดกรุงเทพให้เบ็ดเสร็จ เด็ดขาดในปีใหม่นี้ และจะต้องทำการปฏิวัติโดยประชาชน ยึดอำนาจมาเป็นของประชาชนให้ได้” เส้นทางของประเทศไทยนั้นยังมีเส้นทางที่แจ่มใสแม้จะมีขลุขละ แต่ก็เป็นเส้นทางที่เราต้องเดิน
อ.ธิดากล่าวต่อ ที่ผบ.ทบ.พูดเมื่อวานนี้ ก็คือ “ผมคิดว่าประเทศไทย จะต้องปฏิรูปทุกเรื่องทุกด้าน ทั้งกระบวนการเมือง เพื่อนำไปสู่ทันสมัยแบบสากล หากเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆคงไปลำบาก” แต่สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ พูดต่อวันนั้นขัดแย้งนั่นคือ “รัฐประหารไม่มีทั้งเปิดทั้งปิด สถานการณ์ทุกสถานการณ์เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สถานการณ์เป็นตัวกำหนด” เป็นคำตอบของพล.อ.ประยุทธ์ เพราะประชาธิปไตยแบบสากลที่จะเกิดขึ้นได้คือการไม่ทำรัฐประหารอีกต่อไป เพราะฉะนั้นประเทศต้องเดินหน้า มีการปฏิรูปทุกด้าน รวมทั้งปฏิรูปกองทัพให้เป็นเหมือนสากลด้วย
หลายคนฝากความหวังให้ประเทศไทยจะต้องเดินหน้าปฏิรูป อย่างไรก็ตามการทำเรื่องปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นวาระแห่งชาติเป็นเรื่องจำเป็น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา181(3) รัฐบาลรักษาการไม่สามารถทำสิ่งที่ผูกพันไปต่อยังรัฐบาลอื่นได้ ประการแรกไม่สามารถทำโครงการปฏิรูประยะยาวเพราะจะผิดรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐบาลรักษาการ ประการที่สองคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ทำออกมานั้น ทราบว่าท่านนายกยังไม่ได้เซ็นต์ ขอตั้งข้อสังเกตุองค์ประกอบคณะกรรมการเป็นชนชั้นนำในสังคม เป็นคนในยอดปิรามิต จะส่งผลสะเทือนให้การปฏิรูปนี้เป็นการปฏิรูปจากชนชั้นนำลงมา ซึ่งไม่น่าสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประชาชนตื่นตัว ประการที่สามองค์ประกอบของสมัชชา 2 พันคน ให้ใช้พื้นที่จำนวนคนแทนอาชีพ เพราะสาขาอาชีพไม่สามารถเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งประเทศได้ จึงอยากให้เพิ่มสัดส่วนสาขาอาชีพเป็นส่วนน้อยไม่ควรเกิน 20% และเป็นตัวแทนประชาชนจากพื้นที่ทั่วประเทศอีกประมาณ 70-80% นี่เป็นข้อเสนอในเชิงปรับปรุง
ด้านคุณจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องตระหนักว่าการบอยคอตไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งทำให้ มีพรรคการเมืองมาสมัครถึง 53 พรรค กกต.จังหวัดลาออกก็สามารถตั้งเข้าไปได้ทันที ไม่เว้นแม้กระทั่ง กกต.ชุดใหญ่ ถ้าจะลาออกก็ลาออกเสียตอนนี้ ไม่ต้องห่วงว่าประเทศไทยจะหา กกต.ไม่ได้ ตนอยากดู ส.ส. และ สมาชิก กปปส. ที่บอยคอตการเลือกตั้ง ว่าจะไปเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.หรือไม่ ถ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แน่จริงก็ไม่ต้องไปใช้สิทธิ์ เลือกตั้งครั้งหน้าคุณก็ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง เพราะไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ครั้งนี้ แล้วจะไปแจ้งกับ กกต.ภายหลังว่าบอยคอตการเลือกตั้งก็ไม่ได้
คุณจตุพร กล่าวอีกว่า สถานการณ์ในเรื่องการรัฐประหารเวลานี้ ไม่มีใครไปวิพากษ์วิจารณ์กองทัพ เพราะเขามีความเชื่อว่ากองทัพจะไม่มีการยึดอำนาจ แต่ถ้ายึดอำนาจเมื่อไร ก็กลายเป็นการโอละพ่อเลยว่าสมคบคิดกับนายสุเทพมาตั้งแต่ต้น การรัฐประหารในไทยถ้าเกิดขึ้นคราวนี้จะมีอานุภาพร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยเกิด ขึ้นมาก่อน และเกิดจากนายสุเทพที่แพ้การเลือกตั้งมาตลอด ต้องการได้อำนาจโดยไม้ต้องมีการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ไปแก้ปัญหาให้นายสุเทพ แต่ต้องแก้ปัญหาให้บ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ต้องรู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับนายสุเทพเป็นเสียง ข้างมากเบ็ดเสร็จของประเทศนี้ ถ้าประชาชนออกมาต่อต้านพวกท่านก็ต้องปราบปรามประชาชนเหมือนปี 53 หากรัฐประหารพวกตนก็ต้องต่อสู้ มีเพียงประตูเดียวเท่านั้น หลังจากปีใหม่เราจะได้ตัดสินใจและประเมินสถานการณ์สุดท้ายกันว่าเราจะดำเนิน การอย่างไร เวลาของสุเทพกำลังจะล่วงโรยหมดไปอยู่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ อย่าออกมาตายแทนนายสุเทพ ซึ่งทั้งหมดขึ้นกับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ.