ทีมข่าว นปช.
4 พฤศจิกายน 2556
ถอดคำปราศรัยของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
เวที “สุภาพชนคนรักประชาธิปไตย”
ณ รร.สุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ
วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2556
สวัสดีค่ะ...พี่น้องที่นี่และทางบ้านทุกคน พี่น้องทางบ้านโทรศัพท์มาว่อนไปหมดว่าสัญญาณในต่างจังหวัดนั้นไม่ดีเลยและก็จอมืดไปนาน ขณะนี้ไม่ทราบว่าดีแล้วหรือยัง ก็ไม่เป็นไร ท่ามกลางวิกฤตเราก็มักจะมีปัญหาขัดข้องกันอยู่เสมออย่างนี้แหละค่ะ ปรบมือให้กำลังใจสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดท เพราะว่าป่านนี้ถูกด่ายับเยินหมดแล้ว ให้กำลังใจหน่อย ปัญหาทางเทคนิคนะคะมันก็ขัดข้องกันได้อยู่เสมอนะ คงไม่ได้ตั้งใจอะไรหรอกนะคะ
เอาเป็นว่าวันนี้พี่น้อง ขณะนี้สถานการณ์ในประเทศนั้นอยู่ในช่วงที่ท้าทายสังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง ท้าทายประชาชนไทยว่าจะก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ ไปได้หรือไม่ ท้าทายพรรคการเมือง ท้าทายระบอบอำมาตย์ และก็ท้าทายฝ่ายประชาชน ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาการทดสอบว่าจะก้าวข้ามอุปสรรคและผ่านการทดสอบหรือไม่ ก่อนอื่นพี่น้องที่บ้านจำนวนหนึ่งนอกจากจะสับสนกับข้อมูลที่ถูกใส่ บางอย่างก็ตรง บางอย่างก็บิดเบือน ยังมีปัญหาคำพูดที่พูดอยู่บนเวทีกับตัววิ่งที่หน้าจอบางทีก็ขัดแย้งกัน ก็ขอร้องพี่น้องประชาชนทั้งหลายว่าให้ตั้งสติให้มั่นว่าอะไร เพราะขณะนี้เราผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ตั้งแต่หลังการทำรัฐประหาร 49 เป็นต้นมาจนถึงปี 56 ขณะนี้ก็ร่วม 7 ปี
7 ปีนี้ไม่ใช่เวลาที่น้อยเลย 7 ปีนี้ให้มองในแง่ดีว่าฝ่ายประชาชนนั้นได้พัฒนามาเป็นลำดับ เราทำให้สถานการณ์ที่จะเป็นสงครามกลางเมืองนั้นยุติ เปลี่ยนมาเป็นสนามเลือกตั้งและก็ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถลบรอยประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ของประชาชนได้ การต่อสู้ของประชาชนนั้นมีมายาวนานในประวัติศาสตร์ไทย ไม่ว่าคุณจะปกครองแบบไหน จะปกครองโดยพระมหากษัตริย์ในฐานะที่เป็นองค์อธิปัตย์ เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นจักรพรรดิราช หรือเป็นองค์พระประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ มันมีการต่อสู้ของประชาชนซึ่งอยู่ในฐานะผู้ถูกปกครองต่อสู้กับผู้ปกครองมาเป็นลำดับ
อย่างไรก็ตามสังคมมันได้พัฒนามาเป็นลำดับ แต่มันไม่ได้พัฒนาอย่างราบรื่น มันพัฒนาอยู่บนซากศพ อยู่บนการถูกจำกัดอิสรภาพและน้ำตาของประชาชน บางครั้งมีความขัดแย้งในฝ่ายปกครองด้วยกันเอง ความขัดแย้งในสังคมนั้นเรามี 2 แบบ แบบหนึ่งเราเรียกว่าความขัดแย้งหลัก อีกแบบหนึ่งเราเรียกว่าความขัดแย้งรอง วันนี้ต้องพูดทฤษฎีนิดหน่อยเพราะเพื่อให้พี่น้องได้มองปัญหาและปรากฏการณ์ที่ดูเหมือนยุ่งแล้วจับมันให้เข้าใส่กล่องอย่างเป็นระบบ ปรากฏการณ์มันดูเหมือนยุ่งแต่ถ้าเราเป็นคนมีระบบเราก็จับใส่ปิ่นโต จับใส่กล่อง ให้มันรู้ว่ามันอยู่เถาไหน กล่องไหน แล้วเราก็ค่อยแกะกล่องเอามาดูจะกินมันหรือจะเอาไปล้างก็จะได้รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ในกล่องไหน
ความขัดแย้งหลักก็คือความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครองหรือประชาชน ความขัดแย้งรองคือความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองต่อผู้ปกครองกันเอง บางครั้งเขาชิงอำนาจกัน นั่นเป็นความขัดแย้งรองประเภทหนึ่ง และความขัดแย้งรองประเภทที่สองก็คือความขัดแย้งรองในฝ่ายประชาชนด้วยกันเอง แบบที่พี่น้องเห็นหน้าจอมีตัววิ่ง หรือว่าท่ามกลางการพูดคุย เพราะฉะนั้นเราต้องจำแนกความขัดแย้งออกให้ได้ อย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมานั้น บางครั้งความขัดแย้งรองก็คือความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองด้วยกันมันขึ้นเป็นความขัดแย้งหลักก็ได้ นั่นก็คือผู้มีอำนาจแย่งชิงอำนาจกัน ที่ชัด ๆ ก็คือ ที่แล้วมาเขาก็มองว่าคุณทักษิณในฐานะเป็นทุนยุคใหม่ ขัดแย้งกับระบอบอำมาตย์ซึ่งเรียกกันว่าเป็นทุนยุคเก่าหรือผู้ปกครองเก่า แล้วพอมันขึ้นมาเป็นกระแสหลักจัดการไม่ได้เขาก็ใช้การทำรัฐประหาร แต่หลังจากนั้นเมื่อคุณทักษิณออกไปนอกประเทศแล้ว ผู้ปกครองที่เหลืออยู่ก็เป็นระบอบอำมาตย์ล้วน ๆ ถูกไหมคะพี่น้อง ระบอบอำมาตย์ล้วน ๆ นี้คุมอำนาจเบ็ดเสร็จแล้วก็เขียนรัฐธรรมนูญ 50 แล้ววางกติกาเพื่อไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญนี้ วางคนไว้หมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรอิสระทั้งหลาย และมีการแต่งตั้งคนไม่ว่าจะเป็นวุฒิสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นองค์กรต่าง ๆ ดังที่พวกเรารู้อยู่แล้ว
ทั้งหมดนี่เพื่อจะให้พี่น้องเข้าใจว่ามันมีความขัดแย้งระหว่างผู้แย่งชิงกันเป็นผู้ปกครองกลายเป็นความขัดแย้งหลักชั่วระยะหนึ่ง แต่หลังจากนั้นเมื่อประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดของคนเสื้อแดง การเกิดของคนเสื้อแดงไม่ใช่ความริเริ่มของพรรคไทยรักไทย การเกิดขึ้นของคนเสื้อแดง การเกิดขึ้นขององค์กร นปก. แต่ต้นก็คือการต่อต้านรัฐประหาร ซึ่งเป็นวิธีการที่รุนแรงของฝ่ายระบอบอำมาตย์ การเกิดขึ้นนี้เป็นการเกิดขึ้นโดยที่มีคนส่วนหนึ่งคือสามเกลอ คุณวีระกานต์, คุณณัฐวุฒิ, คุณจตุพร เป็นตัวหลัก ปรบมือให้สามคนนี้หน่อย (พี่น้องปรบมือพร้อมกัน) ถามว่าพรรคไทยรักไทยตอนนั้นไปไหนหมด มีสามคนนี้แหละลุกขึ้นมา และไม่ใช่แต่เฉพาะสามคนนี้ ยังมีแนวร่วมมากมาย อย่างเช่น คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นต้น และรวมทั้งสมาพันธ์ประชาธิปไตยของคุณหมอเหวง ของคุณครูประทีปแล้วก็คุณหมอสันต์เป็นต้น แล้วก็มีกลุ่มคนวันเสาร์เป็นต้น แล้วก็กลุ่ม 24 มิถุนาเป็นต้น ยังมีอีกหลายกลุ่ม แต่นี่คือการเกิดของประชาชน นี่คือที่มาและพัฒนามาจนเป็น นปช. เป็นองค์กรการต่อสู้ของคนเสื้อแดงในปัจจุบัน
ที่มาของ นปช. ไม่ได้มาจากพรรคไทยรักไทย ไม่ได้มาจากคณะยุทธศาสตร์หรือกรรมการบริหารของไทยรักไทย แต่เกิดจากการต่อสู้การรวมตัวของประชาชนที่มีบุคคลสามคนเข้ามาเป็นส่วนสำคัญขององค์กรนี้ ที่มามาจากประชาชน ที่ไปเราก็ต้องไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และเมื่อผู้ปกครองเกิดการชิงอำนาจแล้วถูกจัดการโดยรัฐประหาร ทั้งไม่ว่าจะเป็นรถถังหรือจะเป็นตุลาการภิวัฒน์ก็ตาม บทบาทของประชาชนในฐานะที่ต่อต้านการรัฐประหาร ต่อต้านระบอบอำมาตย์จึงเติบโตขึ้นมา และบัดนี้ความขัดแย้งหลักมันอยู่ที่ระหว่างระบอบอำมาตย์กับประชาชนต่างหาก เพราะฉะนั้น มันมีคนเข้าใจผิดอยู่ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็มองว่าคุณทักษิณคือตัวปัญหาทั้งหมดเอาคุณทักษิณเป็นคู่ขัดแย้ง และฝั่งคนบางส่วนในพรรคเพื่อไทยก็มองว่าถ้ามีการเจรจาคุยกันระหว่างคณะนำ/ผู้นำในพรรคเพื่อไทยกับการยินยอมของระบอบอำมาตย์ก็จะจัดการปัญหาในประเทศไทยนี้ได้เบ็ดเสร็จ
มันไม่ใช่เรื่องจริง!!! เฉพาะสองกลุ่มนี้แก้ปัญหาถ้าประชาชนไม่รู้เรื่องด้วยจะไม่มีวันแก้ปัญหาในประเทศนี้ได้สำเร็จ เพราะความขัดแย้งที่แท้จริงคือความขัดแย้งระหว่างระบอบอำมาตย์กับประชาชนไทยที่ก้าวหน้า ดังนั้นพัฒนาการที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้ บางครั้งกลุ่มที่เป็นผู้ปกครองก็อาจจะขัดแย้งขึ้นมาเป็นด้านหลัก แต่ในขณะนี้ความเชื่อของเราก็คือขัดแย้งกับประชาชนเป็นด้านหลัก ดังนั้น ถ้าเราเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันเราจะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลก็เริ่มเป็นส่วนหนึ่งของผู้ปกครอง แต่ว่ามีนักเลงใหญ่ ใหญ่มาก ๆ ยืนตระหง่านคุมพื้นที่ของผู้ปกครองประเทศไทยอยู่แล้ว พรรคเพื่อไทยก็ไปบอกว่าขอพื้นที่หน่อยได้ไหม ก็คงเป็นการเจรจากัน คำถามก็คือว่าในการการเจรจาระหว่างชนชั้นนำไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเก่าหรือกลุ่มใหม่ก็ล้วนเป็นชนชั้นนำในสังคม แน่นอนพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่เราสนับสนุนมาและต้องการให้เป็นรัฐบาลให้นานที่สุด และเรายินดีที่จะช่วยปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ถูกต้องนี้ เพราะนั่นหมายถึงเราได้ปกป้องวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย
แต่ถามว่าที่มาขององค์กร นปช. มาจากการต่อสู้ของประชาชน เกิดมาเอง ขณะนั้นพรรคไทยรักไทยมีเสียง 19 ล้านเสียง เวลามีรัฐประหารมีคนลุกขึ้นมาต่อสู้ไหม? ไม่มี!! มีสมาชิกพรรคมากมายที่สุด มีใครลุกขึ้นมาต่อสู้ไหม? ไม่มี!! ดังนั้นการเกิดขึ้นของประชาชนและคนเสื้อแดงมันเป็นการเกิดขึ้นของนักต่อสู้โดยแท้ และนี่คือชัยชนะที่เราควรจะภาคภูมิใจว่าคนเสื้อแดงได้เติบใหญ่เป็นกำลังที่สำคัญ และกลายเป็นสิ่งที่ระบอบอำมาตย์ไม่สามารถที่จะมองข้ามได้ และเราได้ปฏิญาณกันว่าถ้ามีรัฐประหารไม่ว่าจะรูปแบบไหน ไม่ว่าจะมาด้วยรถถัง ไม่ว่าจะมาด้วยตุลาการภิวัฒน์ คนเสื้อแดงต้องต่อต้านแน่นอน!!!
เพราะฉะนั้น เมื่อเราแยกกลุ่มเราจะพบว่าขณะนี้เรามีความขัดแย้งในเรื่องพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม รายละเอียดอ.ธิดาคงพูดตรงนี้ไม่ได้แล้วเพราะมีคนพูดเยอะ แล้วอีกอย่างหนึ่งประเดี๋ยวก็จะต้องมีเวลาให้คุณณัฐวุฒิขึ้นมาพูด สิ่งที่ต้องการจะเน้นให้กับพวกเราก็คือว่า นี่เป็นความขัดแย้งในฝ่ายประชาชนด้วยกัน แต่ในขณะที่ฝั่งที่เป็นเครือข่ายระบอบอำมาตย์ก็ตั้งม๊อบอยู่ 3 ที่ รวมทั้งองค์กรอย่างเช่น องค์กร ปปช., องค์กร กกต. องค์กรสารพัดองค์กรที่สำคัญคือศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะเชือดรัฐบาลชุดนี้อยู่ นั่นคือแน่นอนว่าเป็นเครือข่ายอำมาตย์แน่นอน เราจึงต้องแยกมิตรแยกศัตรูให้ชัด อ.ธิดาจึงขอร้องทั้งสองปีกนั่นก็คือฝั่งของพวกเราคนเสื้อแดง แกนนำ นปช. มีความเชื่อโดยบริสุทธิ์ว่าคนเสื้อแดงส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด แน่นนอนเขาก็รักคุณทักษิณ เขาต้องการให้คุณทักษิณกลับ และเขาต้องการปลดปล่อยผู้ต้องขังและผู้ต้องคดีไม่ว่าจะถูกคำพิพากษาหรือยังอยู่ในเรือนจำ สองอย่างนี้คนเสื้อแดงทั่วประเทศต้องการเหมือนกันหมด แต่อย่าไปบิดเบือนเพราะคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ยังต้องการอีกคำหนึ่งก็คือ ต้องเอาฆาตกรที่ฆ่าคนมือเปล่ามาลงโทษให้ได้ ถามว่าคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ตรงไปตรงมาเป็นเช่นนี้ แต่อย่าบิดเบือนให้ร้ายว่าคนพวกนี้ไม่ต้องการปลดปล่อยคนจากเรือนจำ คนพวกนี้ไม่ต้องการให้คุณทักษิณกลับ ไอ้นี่เป็นการบิดเบือน และในขณะเดียวกันบอกว่าต้องทำเช่นนี้เพราะจะได้ไปฟ้องศาลโลก คนที่พูดแบบนี้มันใช้ไม่ได้เลย คือคุณทำอะไร? คุณเชื่ออะไร? คุณก็พูด แต่คุณอย่ามาหลอกพี่น้องเสื้อแดงและประชาชน อันนี้มันเลว!!! ใช้ไม่ได้!!!
อย่ามาหลอกเลยว่าจะไปฟ้องศาลโลก ไอ้คนพูดที่รู้เรื่องดี มันเป็นไปได้อย่างไร เซ็นให้เขายอมรับเขตอำนาจศาลยังไม่ยอมเซ็นแล้วจะฟ้องศาลโลกอย่างไร อันนี้มันเป็นการบิดเบือนและโกหก เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะมีความเชื่ออะไรก็ตาม แม้กระทั่งพวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่ มีอยู่อย่างหนึ่งคือพูดจริง ถ้าคุณเป็นนักต่อสู้คุณต้องสู้ด้วยความจริง พวกนักต่อสู้เทียมเท่านั้นที่ใช้คำโกหก บิดเบือน ใส่ร้ายเพื่อน และก็ไม่ต้องมากรองหน้าจอ ให้มันเป็นธรรมชาติซิ ให้มันเป็นธรรมชาติว่าพี่น้องประชาชนเขาคิดอย่างไร กรองแต่คำหยาบก็พอ อย่าลืมว่าใครที่บิดเบือนประชาชนอยู่ไม่ได้นาน และอีกอย่างหนึ่งสำหรับนักต่อสู้แล้วเขาให้อภัยไม่ได้เลยถ้าหากว่าผู้นำของเขา แกนนำของเขา พูดจาสับปลับไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้วใส่ร้ายคนอื่นอันนี้เขารับไม่ได้ ไม่มีภาวะการนำ
เพราะฉะนั้น นปช. ยืนอยู่เมื่อวันที่ 10 เมษา ทั้งเลือดท่วมและน้ำตาท่วม เราบอกว่าจะต้องเอาคนที่ปราบปราบเข่นฆ่าประชาชนมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ วันนั้นพูดอย่างไรวันนี้ก็ต้องพูดเหมือนเดิม จะไม่มีอามิสสินจ้าง จะไม่มีผลประโยชน์ใดมาบิดเบือนได้ เพราะนี่คือความถูกต้องชอบธรรม ประเด็น (เรื่องนิรโทษกรรม) นี้มีทั้งความถูกต้องชอบธรรมและประเด็นกฎหมาย เพราะฉะนั้น สำหรับนักต่อสู้แล้วเราไม่สามารถจะเป็นคนที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ เรายืนอยู่ต้องปักหลักอย่างเด็ดเดี่ยว นักการเมือง นักธุรกิจ ไม่มีมิตรแท้ ไม่มีศัตรูถาวร แต่นักต่อสู้มีมิตรแท้และศัตรูถาวรแน่นอน นักต่อสู้จะไม่ทำให้มิตรกลายไปเป็นศัตรู และนักต่อสู้จะไม่เอาศัตรูมาเป็นมิตรแล้วผลักมิตรของเราออกไปเป็นอันขาด เพราะอะไร? ศัตรูของประชาชนมันก็ยืนอยู่ตรงนั้น เราไม่เอาผลประโยชน์ส่วนตัวเราเป็นที่ตั้ง ถ้าเอาผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้งคุณจะไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร เพราะว่าก็มีคนอื่นมาให้ผลประโยชน์คุณมากกว่าเดิมคนอื่นก็มาเป็นมิตร แต่ถ้าคุณเอาผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง เป็นไปไม่ได้ ศัตรูก็ต้องเป็นศัตรู มิตรก็ต้องเป็นมิตร คุณจะมาเป็นมิตรได้คุณจะต้องเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องก้าวข้ามเส้นแบ่ง คุณจะไปสนับสนุนรัฐประหาร คุณจะไปสนับสนุนระบอบอำมาตย์ไม่ได้ ถ้าว่ามันเปลี่ยนได้ไหม? พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนได้ไหม? เสื้อเหลืองเปลี่ยนได้ไหม? ถ้ามันเปลี่ยนไม่ได้มันอยู่อย่างนั้น ก็เป็นศัตรูกับเราแน่นอน
แต่สำหรับคนที่เป็นมิตรเราจึงต้องใช้ท่วงทำนองแบบมิตร เรารู้.... แต่มิตรมันมีทั้งชิดใกล้และออกห่าง แต่เราอย่าผลักมิตรเป็นศัตรู เพราะฉะนั้นใช้ท่วงทำนองที่ถูกต้องในการที่จะพูดคุยกับมิตรที่มีความคิดแตกต่างกัน อ.ธิดาขอก็คืออย่างใส่ร้ายป้ายสี อย่าโกหก เพราะเรากำลังสร้างประชาชนที่ก้าวหน้า ประชาชนที่ก้าวหน้านี้เป็นประชาชนที่คิดอ่านเป็นเขาใช้สมองของเขาได้ คุณมาหลอกเขาได้ชั่วคราวแต่หลังจากนั้นเขาจะไม่เชื่อคุณอีกเลยตลอดชีวิต
เพราะฉะนั้นความชอบธรรมทางการเมืองสำคัญที่สุด ในครั้งนี้มันทดสอบเราว่าเราจะผ่านก้าวข้ามนี้ ก้าวข้ามอุปสรรคครั้งนี้ไปได้หรือไม่ อ.ธิดาเห็นใจจตุพรและณัฐวุฒิมาก เพราะว่าสองคนนี้แบกความรับผิดชอบไว้บนบ่ามากกว่าคนอื่นทั้งหมด อ.ธิดาเรียกร้องว่ามิตรอย่างพรรคเพื่อไทยต้องเข้าใจนักต่อสู้แบบแกนนำ นปช. ด้วยว่าเขาไม่สามารถเปลี่ยนจิตวิญญาณให้เปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตรเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้า นักต่อสู้ทำไม่ได้ และกลับไปกลับมาก็ไม่ได้
วันนี้ก็พูดได้เฉพาะสั้น ๆ ก็คือว่า ให้เข้าใจว่านี่เป็นความขัดแย้งในฝ่ายประชาชน แต่ประชาชนต้องปักหลักยืนให้มั่นกับผลประโยชน์ของประชาชน ผลประโยชน์ส่วนตัวของแต่ละคนจะขัดแย้งกับผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของประชาชนไม่ได้ค่ะ ด้านหลักคือผลประโยชน์ประชาชน นปช. ยืนอยู่ตรงนี้เพราะ นปช. มองทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต นปช. ต้องรับผิดชอบการสูญเสียของพี่น้องทั้งหมด ความรับผิดชอบนั้นมันต้องอยู่ในจิตสำนึก นี่ไม่ใช่อาฆาตพยาบาท แต่เราจะให้การตายของคนเหล่านี้เป็นการตายที่เจ๊า ๆ กันไปไม่ได้ วันที่ 5 นี้ประเทศญี่ปุ่นข้าราชการการเมืองระดับสูงและตำรวจระดับสูงเขาจะมาทวงถามคดีของฮิโรยูกิ มูราโมโต้ แค่นี้ก็เท่ากับตบหน้าแล้ว เขาไม่ยอมหรอก แล้วน้องสาวของฟาบีโอ โปเลงกี เขาเตรียมฟ้องร้องไปถึงไหนเพราะคดีมันกำลังดำเนินไป แล้วใครที่โกหกประชาชนคนเสื้อแดงว่าถ้านิรโทษกรรมแล้วความจริงยังปรากฏอยู่ จะมีคนโน้นคนนี้มาไต่สวน นี่เป็นเรื่องโกหกทั้งเพเลย เพราะทันทีที่นิรโทษกรรมเหมาเข่งเกิดขึ้นคดีต่าง ๆ ทั้งหลายหยุดหมดโดยสิ้นเชิง นี่เป็นคนสูงอายุที่ผ่าน 6 ตุลามาแล้ว ผ่าน 14 ตุลามาแล้ว ทันทีที่มีนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งมา 3 รอบ 4 รอบ จบหมด...ทุกคดี และครั้งนี้นี่เป็นครั้งแรกที่ประชาชนเข้มแข็งและยิ่งใหญ่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยและแม้กระทั่งประวัติศาสตร์โลก เราจะให้ความตกต่ำ ความเลวทรามป่าเถื่อนมันถูกกระทำ ประเทศไทย ประชาชนไทย ถูกทำร้าย ถูกข่มขืน ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก เราจะยอมอย่างนั้นได้หรือไม่? ถ้าเราเข้มแข็งขนาดนี้เรายังยอมให้ฝ่ายผู้ปกครองในระบอบอำมาตย์ย่ำยีประชาชนไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วปล่อยให้ชนชั้นนำไปเจรจาต้าอวยแบ่งพื้นที่มาเป็นผู้ปกครอง ถามว่าเราจะรับอย่างไร? แล้วมันถูกต้องหรือเปล่า?
นั่นก็คือสิ่งที่เราต้องทำ ประชาชนต้องเข้มแข็ง ยืนหยัดบนหลักการและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องสูงสุด แล้วจัดการปัญหาอย่างถูกต้อง ต้องแยกมิตร แยกศัตรูให้ได้ ใช้คำอธิบายแล้วก็ใช้การโน้มน้าวจูงใจ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องยอมรับความจริงว่า ความหลากหลายในพรรคเพื่อไทยและความหลากหลายในคนเสื้อแดงมันก็ต้องมีวิธีคิดที่แตกต่างและมีผลประโยชน์ที่แตกต่างกันแน่นอน แต่ว่าขอให้พี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงทั่วประเทศได้ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์การต่อสู้ และขอให้รักษาความเข้มแข็งและวิถีทางที่ถูกต้องเพราะเราจะต้องเดินหน้าไป...เอาชัยชนะมา...เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้มีความยุติธรรม...ให้มีประชาธิปไตยที่แท้จริงให้ได้
สำหรับพรรคการเมืองที่คิดแต่เพียงให้เป็นรัฐบาลอย่างเดียว ไม่ได้สนใจอย่างอื่น โปรดฟังเสียงประชาชนด้วย ประชาชนที่เลือกท่านขึ้นมา ที่สนับสนุนท่าน เขาไม่ต้องการแค่ให้ท่านเป็นรัฐบาล แต่เขาต้องการให้ท่านรับใช้ประชาชนอย่างสุดจิตสุดใจค่ะ....ขอบพระคุณมากค่ะ