ถอดคำปราศรัยของ อ.ธิดา ประธาน นปช.เวที “สุภาพชนคนรักประชาธิปไตย” รร.สุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ เขตบึงกุ่ม




ทีมข่าว นปช.
4 พฤศจิกายน 2556

ถอดคำปราศรัยของ อ.ธิดา  ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
เวที “สุภาพชนคนรักประชาธิปไตย”
ณ รร.สุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ
วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2556


สวัสดีค่ะ...พี่น้องที่นี่และทางบ้านทุกคน  พี่น้องทางบ้านโทรศัพท์มาว่อนไปหมดว่าสัญญาณในต่างจังหวัดนั้นไม่ดีเลยและก็จอมืดไปนาน  ขณะนี้ไม่ทราบว่าดีแล้วหรือยัง  ก็ไม่เป็นไร  ท่ามกลางวิกฤตเราก็มักจะมีปัญหาขัดข้องกันอยู่เสมออย่างนี้แหละค่ะ  ปรบมือให้กำลังใจสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดท  เพราะว่าป่านนี้ถูกด่ายับเยินหมดแล้ว  ให้กำลังใจหน่อย  ปัญหาทางเทคนิคนะคะมันก็ขัดข้องกันได้อยู่เสมอนะ  คงไม่ได้ตั้งใจอะไรหรอกนะคะ

เอาเป็นว่าวันนี้พี่น้อง  ขณะนี้สถานการณ์ในประเทศนั้นอยู่ในช่วงที่ท้าทายสังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง  ท้าทายประชาชนไทยว่าจะก้าวข้ามปัญหาต่าง ๆ ไปได้หรือไม่  ท้าทายพรรคการเมือง  ท้าทายระบอบอำมาตย์  และก็ท้าทายฝ่ายประชาชน  ช่วงเวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาการทดสอบว่าจะก้าวข้ามอุปสรรคและผ่านการทดสอบหรือไม่  ก่อนอื่นพี่น้องที่บ้านจำนวนหนึ่งนอกจากจะสับสนกับข้อมูลที่ถูกใส่  บางอย่างก็ตรง  บางอย่างก็บิดเบือน  ยังมีปัญหาคำพูดที่พูดอยู่บนเวทีกับตัววิ่งที่หน้าจอบางทีก็ขัดแย้งกัน  ก็ขอร้องพี่น้องประชาชนทั้งหลายว่าให้ตั้งสติให้มั่นว่าอะไร  เพราะขณะนี้เราผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ตั้งแต่หลังการทำรัฐประหาร 49 เป็นต้นมาจนถึงปี 56 ขณะนี้ก็ร่วม 7 ปี

7 ปีนี้ไม่ใช่เวลาที่น้อยเลย  7 ปีนี้ให้มองในแง่ดีว่าฝ่ายประชาชนนั้นได้พัฒนามาเป็นลำดับ  เราทำให้สถานการณ์ที่จะเป็นสงครามกลางเมืองนั้นยุติ  เปลี่ยนมาเป็นสนามเลือกตั้งและก็ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง  แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถลบรอยประวัติศาสตร์ของการต่อสู้ของประชาชนได้  การต่อสู้ของประชาชนนั้นมีมายาวนานในประวัติศาสตร์ไทย  ไม่ว่าคุณจะปกครองแบบไหน  จะปกครองโดยพระมหากษัตริย์ในฐานะที่เป็นองค์อธิปัตย์  เป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์  เป็นจักรพรรดิราช  หรือเป็นองค์พระประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ  มันมีการต่อสู้ของประชาชนซึ่งอยู่ในฐานะผู้ถูกปกครองต่อสู้กับผู้ปกครองมาเป็นลำดับ

อย่างไรก็ตามสังคมมันได้พัฒนามาเป็นลำดับ  แต่มันไม่ได้พัฒนาอย่างราบรื่น  มันพัฒนาอยู่บนซากศพ  อยู่บนการถูกจำกัดอิสรภาพและน้ำตาของประชาชน  บางครั้งมีความขัดแย้งในฝ่ายปกครองด้วยกันเอง  ความขัดแย้งในสังคมนั้นเรามี 2 แบบ  แบบหนึ่งเราเรียกว่าความขัดแย้งหลัก  อีกแบบหนึ่งเราเรียกว่าความขัดแย้งรอง  วันนี้ต้องพูดทฤษฎีนิดหน่อยเพราะเพื่อให้พี่น้องได้มองปัญหาและปรากฏการณ์ที่ดูเหมือนยุ่งแล้วจับมันให้เข้าใส่กล่องอย่างเป็นระบบ  ปรากฏการณ์มันดูเหมือนยุ่งแต่ถ้าเราเป็นคนมีระบบเราก็จับใส่ปิ่นโต  จับใส่กล่อง  ให้มันรู้ว่ามันอยู่เถาไหน  กล่องไหน  แล้วเราก็ค่อยแกะกล่องเอามาดูจะกินมันหรือจะเอาไปล้างก็จะได้รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ในกล่องไหน

ความขัดแย้งหลักก็คือความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองกับผู้ถูกปกครองหรือประชาชน  ความขัดแย้งรองคือความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองต่อผู้ปกครองกันเอง  บางครั้งเขาชิงอำนาจกัน  นั่นเป็นความขัดแย้งรองประเภทหนึ่ง  และความขัดแย้งรองประเภทที่สองก็คือความขัดแย้งรองในฝ่ายประชาชนด้วยกันเอง  แบบที่พี่น้องเห็นหน้าจอมีตัววิ่ง  หรือว่าท่ามกลางการพูดคุย  เพราะฉะนั้นเราต้องจำแนกความขัดแย้งออกให้ได้  อย่างเช่นในอดีตที่ผ่านมานั้น  บางครั้งความขัดแย้งรองก็คือความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองด้วยกันมันขึ้นเป็นความขัดแย้งหลักก็ได้  นั่นก็คือผู้มีอำนาจแย่งชิงอำนาจกัน  ที่ชัด ๆ ก็คือ ที่แล้วมาเขาก็มองว่าคุณทักษิณในฐานะเป็นทุนยุคใหม่  ขัดแย้งกับระบอบอำมาตย์ซึ่งเรียกกันว่าเป็นทุนยุคเก่าหรือผู้ปกครองเก่า  แล้วพอมันขึ้นมาเป็นกระแสหลักจัดการไม่ได้เขาก็ใช้การทำรัฐประหาร  แต่หลังจากนั้นเมื่อคุณทักษิณออกไปนอกประเทศแล้ว  ผู้ปกครองที่เหลืออยู่ก็เป็นระบอบอำมาตย์ล้วน ๆ  ถูกไหมคะพี่น้อง  ระบอบอำมาตย์ล้วน ๆ นี้คุมอำนาจเบ็ดเสร็จแล้วก็เขียนรัฐธรรมนูญ 50 แล้ววางกติกาเพื่อไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญนี้  วางคนไว้หมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรอิสระทั้งหลาย  และมีการแต่งตั้งคนไม่ว่าจะเป็นวุฒิสมาชิก  ไม่ว่าจะเป็นองค์กรต่าง ๆ ดังที่พวกเรารู้อยู่แล้ว 

ทั้งหมดนี่เพื่อจะให้พี่น้องเข้าใจว่ามันมีความขัดแย้งระหว่างผู้แย่งชิงกันเป็นผู้ปกครองกลายเป็นความขัดแย้งหลักชั่วระยะหนึ่ง  แต่หลังจากนั้นเมื่อประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดของคนเสื้อแดง  การเกิดของคนเสื้อแดงไม่ใช่ความริเริ่มของพรรคไทยรักไทย  การเกิดขึ้นของคนเสื้อแดง  การเกิดขึ้นขององค์กร นปก. แต่ต้นก็คือการต่อต้านรัฐประหาร  ซึ่งเป็นวิธีการที่รุนแรงของฝ่ายระบอบอำมาตย์  การเกิดขึ้นนี้เป็นการเกิดขึ้นโดยที่มีคนส่วนหนึ่งคือสามเกลอ คุณวีระกานต์, คุณณัฐวุฒิ, คุณจตุพร เป็นตัวหลัก  ปรบมือให้สามคนนี้หน่อย (พี่น้องปรบมือพร้อมกัน)  ถามว่าพรรคไทยรักไทยตอนนั้นไปไหนหมด  มีสามคนนี้แหละลุกขึ้นมา  และไม่ใช่แต่เฉพาะสามคนนี้  ยังมีแนวร่วมมากมาย  อย่างเช่น คุณสมบัติ  บุญงามอนงค์ เป็นต้น  และรวมทั้งสมาพันธ์ประชาธิปไตยของคุณหมอเหวง  ของคุณครูประทีปแล้วก็คุณหมอสันต์เป็นต้น  แล้วก็มีกลุ่มคนวันเสาร์เป็นต้น  แล้วก็กลุ่ม 24 มิถุนาเป็นต้น  ยังมีอีกหลายกลุ่ม  แต่นี่คือการเกิดของประชาชน  นี่คือที่มาและพัฒนามาจนเป็น นปช. เป็นองค์กรการต่อสู้ของคนเสื้อแดงในปัจจุบัน

ที่มาของ นปช. ไม่ได้มาจากพรรคไทยรักไทย  ไม่ได้มาจากคณะยุทธศาสตร์หรือกรรมการบริหารของไทยรักไทย  แต่เกิดจากการต่อสู้การรวมตัวของประชาชนที่มีบุคคลสามคนเข้ามาเป็นส่วนสำคัญขององค์กรนี้  ที่มามาจากประชาชน  ที่ไปเราก็ต้องไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน  และเมื่อผู้ปกครองเกิดการชิงอำนาจแล้วถูกจัดการโดยรัฐประหาร  ทั้งไม่ว่าจะเป็นรถถังหรือจะเป็นตุลาการภิวัฒน์ก็ตาม  บทบาทของประชาชนในฐานะที่ต่อต้านการรัฐประหาร  ต่อต้านระบอบอำมาตย์จึงเติบโตขึ้นมา  และบัดนี้ความขัดแย้งหลักมันอยู่ที่ระหว่างระบอบอำมาตย์กับประชาชนต่างหาก  เพราะฉะนั้น มันมีคนเข้าใจผิดอยู่ทั้งสองฝ่าย  ฝ่ายหนึ่งก็มองว่าคุณทักษิณคือตัวปัญหาทั้งหมดเอาคุณทักษิณเป็นคู่ขัดแย้ง  และฝั่งคนบางส่วนในพรรคเพื่อไทยก็มองว่าถ้ามีการเจรจาคุยกันระหว่างคณะนำ/ผู้นำในพรรคเพื่อไทยกับการยินยอมของระบอบอำมาตย์ก็จะจัดการปัญหาในประเทศไทยนี้ได้เบ็ดเสร็จ 

มันไม่ใช่เรื่องจริง!!!  เฉพาะสองกลุ่มนี้แก้ปัญหาถ้าประชาชนไม่รู้เรื่องด้วยจะไม่มีวันแก้ปัญหาในประเทศนี้ได้สำเร็จ  เพราะความขัดแย้งที่แท้จริงคือความขัดแย้งระหว่างระบอบอำมาตย์กับประชาชนไทยที่ก้าวหน้า  ดังนั้นพัฒนาการที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้  บางครั้งกลุ่มที่เป็นผู้ปกครองก็อาจจะขัดแย้งขึ้นมาเป็นด้านหลัก  แต่ในขณะนี้ความเชื่อของเราก็คือขัดแย้งกับประชาชนเป็นด้านหลัก  ดังนั้น  ถ้าเราเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันเราจะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาลก็เริ่มเป็นส่วนหนึ่งของผู้ปกครอง  แต่ว่ามีนักเลงใหญ่  ใหญ่มาก ๆ  ยืนตระหง่านคุมพื้นที่ของผู้ปกครองประเทศไทยอยู่แล้ว  พรรคเพื่อไทยก็ไปบอกว่าขอพื้นที่หน่อยได้ไหม  ก็คงเป็นการเจรจากัน  คำถามก็คือว่าในการการเจรจาระหว่างชนชั้นนำไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเก่าหรือกลุ่มใหม่ก็ล้วนเป็นชนชั้นนำในสังคม  แน่นอนพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่เราสนับสนุนมาและต้องการให้เป็นรัฐบาลให้นานที่สุด  และเรายินดีที่จะช่วยปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ถูกต้องนี้  เพราะนั่นหมายถึงเราได้ปกป้องวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย

แต่ถามว่าที่มาขององค์กร นปช. มาจากการต่อสู้ของประชาชน  เกิดมาเอง  ขณะนั้นพรรคไทยรักไทยมีเสียง 19 ล้านเสียง  เวลามีรัฐประหารมีคนลุกขึ้นมาต่อสู้ไหม?  ไม่มี!!  มีสมาชิกพรรคมากมายที่สุด  มีใครลุกขึ้นมาต่อสู้ไหม?  ไม่มี!!  ดังนั้นการเกิดขึ้นของประชาชนและคนเสื้อแดงมันเป็นการเกิดขึ้นของนักต่อสู้โดยแท้  และนี่คือชัยชนะที่เราควรจะภาคภูมิใจว่าคนเสื้อแดงได้เติบใหญ่เป็นกำลังที่สำคัญ  และกลายเป็นสิ่งที่ระบอบอำมาตย์ไม่สามารถที่จะมองข้ามได้  และเราได้ปฏิญาณกันว่าถ้ามีรัฐประหารไม่ว่าจะรูปแบบไหน  ไม่ว่าจะมาด้วยรถถัง  ไม่ว่าจะมาด้วยตุลาการภิวัฒน์  คนเสื้อแดงต้องต่อต้านแน่นอน!!! 

เพราะฉะนั้น  เมื่อเราแยกกลุ่มเราจะพบว่าขณะนี้เรามีความขัดแย้งในเรื่องพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม  รายละเอียดอ.ธิดาคงพูดตรงนี้ไม่ได้แล้วเพราะมีคนพูดเยอะ  แล้วอีกอย่างหนึ่งประเดี๋ยวก็จะต้องมีเวลาให้คุณณัฐวุฒิขึ้นมาพูด  สิ่งที่ต้องการจะเน้นให้กับพวกเราก็คือว่า  นี่เป็นความขัดแย้งในฝ่ายประชาชนด้วยกัน  แต่ในขณะที่ฝั่งที่เป็นเครือข่ายระบอบอำมาตย์ก็ตั้งม๊อบอยู่ 3 ที่  รวมทั้งองค์กรอย่างเช่น องค์กร ปปช., องค์กร กกต.  องค์กรสารพัดองค์กรที่สำคัญคือศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะเชือดรัฐบาลชุดนี้อยู่  นั่นคือแน่นอนว่าเป็นเครือข่ายอำมาตย์แน่นอน  เราจึงต้องแยกมิตรแยกศัตรูให้ชัด  อ.ธิดาจึงขอร้องทั้งสองปีกนั่นก็คือฝั่งของพวกเราคนเสื้อแดง  แกนนำ นปช. มีความเชื่อโดยบริสุทธิ์ว่าคนเสื้อแดงส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด  แน่นนอนเขาก็รักคุณทักษิณ  เขาต้องการให้คุณทักษิณกลับ  และเขาต้องการปลดปล่อยผู้ต้องขังและผู้ต้องคดีไม่ว่าจะถูกคำพิพากษาหรือยังอยู่ในเรือนจำ  สองอย่างนี้คนเสื้อแดงทั่วประเทศต้องการเหมือนกันหมด  แต่อย่าไปบิดเบือนเพราะคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ยังต้องการอีกคำหนึ่งก็คือ  ต้องเอาฆาตกรที่ฆ่าคนมือเปล่ามาลงโทษให้ได้  ถามว่าคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ตรงไปตรงมาเป็นเช่นนี้  แต่อย่าบิดเบือนให้ร้ายว่าคนพวกนี้ไม่ต้องการปลดปล่อยคนจากเรือนจำ  คนพวกนี้ไม่ต้องการให้คุณทักษิณกลับ  ไอ้นี่เป็นการบิดเบือน  และในขณะเดียวกันบอกว่าต้องทำเช่นนี้เพราะจะได้ไปฟ้องศาลโลก  คนที่พูดแบบนี้มันใช้ไม่ได้เลย  คือคุณทำอะไร?  คุณเชื่ออะไร?  คุณก็พูด  แต่คุณอย่ามาหลอกพี่น้องเสื้อแดงและประชาชน  อันนี้มันเลว!!!  ใช้ไม่ได้!!! 

อย่ามาหลอกเลยว่าจะไปฟ้องศาลโลก  ไอ้คนพูดที่รู้เรื่องดี  มันเป็นไปได้อย่างไร  เซ็นให้เขายอมรับเขตอำนาจศาลยังไม่ยอมเซ็นแล้วจะฟ้องศาลโลกอย่างไร  อันนี้มันเป็นการบิดเบือนและโกหก  เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะมีความเชื่ออะไรก็ตาม  แม้กระทั่งพวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่  มีอยู่อย่างหนึ่งคือพูดจริง  ถ้าคุณเป็นนักต่อสู้คุณต้องสู้ด้วยความจริง  พวกนักต่อสู้เทียมเท่านั้นที่ใช้คำโกหก บิดเบือน ใส่ร้ายเพื่อน  และก็ไม่ต้องมากรองหน้าจอ  ให้มันเป็นธรรมชาติซิ  ให้มันเป็นธรรมชาติว่าพี่น้องประชาชนเขาคิดอย่างไร  กรองแต่คำหยาบก็พอ  อย่าลืมว่าใครที่บิดเบือนประชาชนอยู่ไม่ได้นาน  และอีกอย่างหนึ่งสำหรับนักต่อสู้แล้วเขาให้อภัยไม่ได้เลยถ้าหากว่าผู้นำของเขา  แกนนำของเขา  พูดจาสับปลับไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้วใส่ร้ายคนอื่นอันนี้เขารับไม่ได้  ไม่มีภาวะการนำ

เพราะฉะนั้น นปช. ยืนอยู่เมื่อวันที่ 10 เมษา ทั้งเลือดท่วมและน้ำตาท่วม  เราบอกว่าจะต้องเอาคนที่ปราบปราบเข่นฆ่าประชาชนมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้  วันนั้นพูดอย่างไรวันนี้ก็ต้องพูดเหมือนเดิม  จะไม่มีอามิสสินจ้าง  จะไม่มีผลประโยชน์ใดมาบิดเบือนได้  เพราะนี่คือความถูกต้องชอบธรรม  ประเด็น (เรื่องนิรโทษกรรม) นี้มีทั้งความถูกต้องชอบธรรมและประเด็นกฎหมาย  เพราะฉะนั้น  สำหรับนักต่อสู้แล้วเราไม่สามารถจะเป็นคนที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้  เรายืนอยู่ต้องปักหลักอย่างเด็ดเดี่ยว  นักการเมือง  นักธุรกิจ  ไม่มีมิตรแท้  ไม่มีศัตรูถาวร  แต่นักต่อสู้มีมิตรแท้และศัตรูถาวรแน่นอน  นักต่อสู้จะไม่ทำให้มิตรกลายไปเป็นศัตรู  และนักต่อสู้จะไม่เอาศัตรูมาเป็นมิตรแล้วผลักมิตรของเราออกไปเป็นอันขาด  เพราะอะไร?  ศัตรูของประชาชนมันก็ยืนอยู่ตรงนั้น  เราไม่เอาผลประโยชน์ส่วนตัวเราเป็นที่ตั้ง  ถ้าเอาผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้งคุณจะไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร  เพราะว่าก็มีคนอื่นมาให้ผลประโยชน์คุณมากกว่าเดิมคนอื่นก็มาเป็นมิตร  แต่ถ้าคุณเอาผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง  เป็นไปไม่ได้  ศัตรูก็ต้องเป็นศัตรู  มิตรก็ต้องเป็นมิตร  คุณจะมาเป็นมิตรได้คุณจะต้องเปลี่ยนแปลง  คุณจะต้องก้าวข้ามเส้นแบ่ง  คุณจะไปสนับสนุนรัฐประหาร  คุณจะไปสนับสนุนระบอบอำมาตย์ไม่ได้    ถ้าว่ามันเปลี่ยนได้ไหม?  พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนได้ไหม?  เสื้อเหลืองเปลี่ยนได้ไหม?  ถ้ามันเปลี่ยนไม่ได้มันอยู่อย่างนั้น  ก็เป็นศัตรูกับเราแน่นอน

แต่สำหรับคนที่เป็นมิตรเราจึงต้องใช้ท่วงทำนองแบบมิตร  เรารู้....  แต่มิตรมันมีทั้งชิดใกล้และออกห่าง  แต่เราอย่าผลักมิตรเป็นศัตรู  เพราะฉะนั้นใช้ท่วงทำนองที่ถูกต้องในการที่จะพูดคุยกับมิตรที่มีความคิดแตกต่างกัน  อ.ธิดาขอก็คืออย่างใส่ร้ายป้ายสี  อย่าโกหก  เพราะเรากำลังสร้างประชาชนที่ก้าวหน้า  ประชาชนที่ก้าวหน้านี้เป็นประชาชนที่คิดอ่านเป็นเขาใช้สมองของเขาได้  คุณมาหลอกเขาได้ชั่วคราวแต่หลังจากนั้นเขาจะไม่เชื่อคุณอีกเลยตลอดชีวิต 

เพราะฉะนั้นความชอบธรรมทางการเมืองสำคัญที่สุด  ในครั้งนี้มันทดสอบเราว่าเราจะผ่านก้าวข้ามนี้  ก้าวข้ามอุปสรรคครั้งนี้ไปได้หรือไม่  อ.ธิดาเห็นใจจตุพรและณัฐวุฒิมาก  เพราะว่าสองคนนี้แบกความรับผิดชอบไว้บนบ่ามากกว่าคนอื่นทั้งหมด  อ.ธิดาเรียกร้องว่ามิตรอย่างพรรคเพื่อไทยต้องเข้าใจนักต่อสู้แบบแกนนำ นปช. ด้วยว่าเขาไม่สามารถเปลี่ยนจิตวิญญาณให้เปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตรเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้า  นักต่อสู้ทำไม่ได้  และกลับไปกลับมาก็ไม่ได้ 

วันนี้ก็พูดได้เฉพาะสั้น ๆ ก็คือว่า  ให้เข้าใจว่านี่เป็นความขัดแย้งในฝ่ายประชาชน  แต่ประชาชนต้องปักหลักยืนให้มั่นกับผลประโยชน์ของประชาชน  ผลประโยชน์ส่วนตัวของแต่ละคนจะขัดแย้งกับผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของประชาชนไม่ได้ค่ะ  ด้านหลักคือผลประโยชน์ประชาชน นปช. ยืนอยู่ตรงนี้เพราะ นปช. มองทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต  นปช. ต้องรับผิดชอบการสูญเสียของพี่น้องทั้งหมด  ความรับผิดชอบนั้นมันต้องอยู่ในจิตสำนึก  นี่ไม่ใช่อาฆาตพยาบาท  แต่เราจะให้การตายของคนเหล่านี้เป็นการตายที่เจ๊า ๆ กันไปไม่ได้  วันที่ 5 นี้ประเทศญี่ปุ่นข้าราชการการเมืองระดับสูงและตำรวจระดับสูงเขาจะมาทวงถามคดีของฮิโรยูกิ  มูราโมโต้ แค่นี้ก็เท่ากับตบหน้าแล้ว เขาไม่ยอมหรอก  แล้วน้องสาวของฟาบีโอ โปเลงกี เขาเตรียมฟ้องร้องไปถึงไหนเพราะคดีมันกำลังดำเนินไป  แล้วใครที่โกหกประชาชนคนเสื้อแดงว่าถ้านิรโทษกรรมแล้วความจริงยังปรากฏอยู่  จะมีคนโน้นคนนี้มาไต่สวน นี่เป็นเรื่องโกหกทั้งเพเลย  เพราะทันทีที่นิรโทษกรรมเหมาเข่งเกิดขึ้นคดีต่าง ๆ ทั้งหลายหยุดหมดโดยสิ้นเชิง  นี่เป็นคนสูงอายุที่ผ่าน 6 ตุลามาแล้ว ผ่าน 14 ตุลามาแล้ว  ทันทีที่มีนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งมา 3 รอบ 4 รอบ จบหมด...ทุกคดี  และครั้งนี้นี่เป็นครั้งแรกที่ประชาชนเข้มแข็งและยิ่งใหญ่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยและแม้กระทั่งประวัติศาสตร์โลก  เราจะให้ความตกต่ำ  ความเลวทรามป่าเถื่อนมันถูกกระทำ  ประเทศไทย  ประชาชนไทย  ถูกทำร้าย  ถูกข่มขืน  ซ้ำแล้ว  ซ้ำอีก  เราจะยอมอย่างนั้นได้หรือไม่?    ถ้าเราเข้มแข็งขนาดนี้เรายังยอมให้ฝ่ายผู้ปกครองในระบอบอำมาตย์ย่ำยีประชาชนไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า  แล้วปล่อยให้ชนชั้นนำไปเจรจาต้าอวยแบ่งพื้นที่มาเป็นผู้ปกครอง  ถามว่าเราจะรับอย่างไร?  แล้วมันถูกต้องหรือเปล่า? 

นั่นก็คือสิ่งที่เราต้องทำ  ประชาชนต้องเข้มแข็ง  ยืนหยัดบนหลักการและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องสูงสุด  แล้วจัดการปัญหาอย่างถูกต้อง  ต้องแยกมิตร  แยกศัตรูให้ได้  ใช้คำอธิบายแล้วก็ใช้การโน้มน้าวจูงใจ  แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องยอมรับความจริงว่า  ความหลากหลายในพรรคเพื่อไทยและความหลากหลายในคนเสื้อแดงมันก็ต้องมีวิธีคิดที่แตกต่างและมีผลประโยชน์ที่แตกต่างกันแน่นอน  แต่ว่าขอให้พี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงทั่วประเทศได้ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์การต่อสู้  และขอให้รักษาความเข้มแข็งและวิถีทางที่ถูกต้องเพราะเราจะต้องเดินหน้าไป...เอาชัยชนะมา...เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้มีความยุติธรรม...ให้มีประชาธิปไตยที่แท้จริงให้ได้ 

สำหรับพรรคการเมืองที่คิดแต่เพียงให้เป็นรัฐบาลอย่างเดียว  ไม่ได้สนใจอย่างอื่น  โปรดฟังเสียงประชาชนด้วย  ประชาชนที่เลือกท่านขึ้นมา  ที่สนับสนุนท่าน  เขาไม่ต้องการแค่ให้ท่านเป็นรัฐบาล  แต่เขาต้องการให้ท่านรับใช้ประชาชนอย่างสุดจิตสุดใจค่ะ....ขอบพระคุณมากค่ะ