ทีมข่าว นปช.
6 พฤศจิกายน 2556
วันนี้เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 5 กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) ได้แถลงข่าวประจำวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2556 นำโดยอ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. น.พ.เหวง โตจิราการ และแกนนำส่วนกลางท่านอื่นอีกหลายท่านพร้อมกับพี่น้องคนเสื้อแดงที่มาคอยให้กำลังใจ ซึ่งสามารถรับชมได้ทางทางช่องP&P channelและช่องSHTVทางอินเตอร์เน็ต http://speedhorsetv.blogspot.com/
ชมคลิป
อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ
คุณจตุพร พรหมพันธุ์
นพ.เหวง โตจิราการ
อ.ธิดา ถาวรเศรฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า
กราบสวัสดีพี่น้องที่มากันอย่างมากมาย ในสถานการณ์นี้ วันเวลาที่ผ่านมาไม่กี่วันมันได้แสดงออกว่าการประเมินความเป็นจริงในสถานการณ์ฝั่งระบอบอำมาตย์และฝั่งประชาชนนั้นใครประเมินถูกหรือผิดอย่างไร เพราะว่าสถานการณ์มันคลี่คลายภายในสองสามวันนี้ หลายส่วนที่เป็นผีไปแล้วอยู่ในรูและอยู่ในหลุม พากันลุกขึ้นมาฟ้อนรำกันมากมาย เราไม่ได้พูดถึงพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ออกมาแต่เราพูดถึงตัวเอ๊ะๆของระบอบอำมาตย์ ซึ่งเป็นผีมุดอยู่ในรูตอนนี้มาชูไม้ชูมือ มิหนำซ้ำยังไปพนมมืออยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเสียด้วย ถามว่าเหตุการณ์เหล่านี้มันไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ เหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้นซึ่งมีการดำเนินการ ไม่น่าจะมีการประเมินที่ถูกต้อง ดังที่เราได้แถลงจุดยืนวิเคราะห์สถานการณ์ แสดงความคิดเห็นทั้งในที่ลับและที่แจ้งอย่างตลอดมาด้วยความจริงใจ ในฐานะผู้ที่ร่วมกอดคอต่อสู้เพื่อให้ได้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ที่สำคัญ เป้าหมายของนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ไม่ได้มีเพียงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเดียว แต่เราต้องการให้ประเทศนี้ก้าวหน้าต่อไปเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง
ในช่วงเวลานี้วันนี้เรามีแถลงการณ์ซึ่งเป็นสิ่งที่อ.ธิดาจะพูดในวันนี้ ซึ่งแจกกับผู้สื่อข่าวพี่น้องท่านใดต้องการก็ไปรับได้ เราถือเป็นแถลงการณ์ฉบับที่2 ในสถานการณ์พรบ.นิรโทษกรรม เราต้องการความเด่นชัดในแถลงการณ์ฉบับแรกเราพูดถึงจุดยืน เราพูดถึงมิตรศัตรู มาในฉบับนี้จากเหตุการณ์ที่มีการต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับของนายประยุทธ์หัวเขียงเป็นอันมากในประเทศไทยนี้ นปช.ได้ประเมินมาแล้วว่ามันจะมีสถานการณ์ของการต่อต้าน แต่นี่หัวใจของเราที่ต้องการที่จะให้พี่น้องประชาชนคนเล็กคนน้อยได้อานิสงส์จากการนิรโทษกรรม เพราะเรายอมรับความจริงว่าในแผ่นดินนี้ในสังคมไทยขณะนี้เรายังไม่มีนิติธรรมที่แท้จริงไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริง เราจึงต้องนิรโทษกรรมให้กับประชาชนคนเล็กคนน้อยก่อนค่ะ ไม่ใช่เอาคนใหญ่คนโตทั้งกี่ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้สั่งฆ่าหรือเป็นผู้ต่อต้านทั้งหลายรวมทั้งแกนนำที่นั่งอยู่จำนวนหนึ่ง ไม่ต้องเอามาใส่เข่ง ในเข่งขอให้มีประชาชนตัวเล็กตัวน้อยพอ นี่เป็นจุดยืนนปช.แต่ไหนแต่ไร และเรามีพระราชกำหนดที่เราเคยนำเสนอเอาไว้นานแล้วตั้งแต่ปลายปี55 ที่หน้าเรือนจำหลักสี่ สำหรับวันนี้ก็จะพูดย่อๆจากแถลงการณ์ว่า
กลุ่มที่มาต่อต้านเราไม่สามารถมองข้ามได้ แม้ว่าจะมีการนำของพรรคประชาธิปัตย์อย่างเข้มแข็งกลุ่มหนึ่ง การนำของกลุ่มที่กลายร่างจากพันธมิตรอยู่ที่อุรุพงษ์อีกกลุ่มหนึ่ง ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นการนำแท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือกลุ่มคนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นตุลาการ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการระดับสูงต่างๆ ที่พากันออกมา เรียกว่ามีการขยายตัวทั้งปริมาณและคุณภาพในการต่อต้าน พูดกันตรงนะ "หาเรื่องแท้ๆเลย" ในการต่อต้านให้พี่น้องเข้าใจว่ามีอยู่3กลุ่ม กลุ่มที่1ก็คือกลุ่มของพรรคประชาธิปัตย์ จะต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมทุกฉบับเลย ไม่ว่าจะเป็นฉบับหัวเขียง ฉบับวรชัย เหมะ เพราะต่อให้มีแต่ของวรชัยฉบับเดียว มันก็ไม่ทำให้เรียกแขกได้ขนาดนี้ แต่พอมีฉบับหัวเขียงเรียกคนมาเป็นแถวเลยค่ะ กลุ่มนี้เจตนาที่จะล้มรัฐบาลด้วยยังหวังว่าจะได้อานิสงส์ มีคนบอกว่าค้านได้ก็เป็นพระเอกกลับมา แต่ถ้าต้านไม่ได้ก็ยังได้นิรโทษกรรมด้วย นั่นคือสุเทพ เทือกสุบรรณกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ส่วนกลุ่มที่2ก็จะไปไกลกว่ากลุ่มนี้สักหน่อยอันได้แก่ตั้งทับอยู่ที่อุรุพงษ์ ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างประเทศไทย หมุนกงล้อประวัติศาสตร์ประเทศไทยกลับ ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างไทยให้เป็นระบอบอำมาตยาธิปไตยถาวรเลย นี่คือกลุ่มที่สอง กลุ่มแรกขอเป็นรัฐบาลก็พอ กลุ่มที่สองก็จะมีแนวร่วมเป็นนักวิชาการกลุ่มอนุรักษ์นิยม และมีแนวร่วมมีทั้งกลุ่มชนชั้นนำและชนชั้นสูงเป็นจำนวนมาก อันนี้อยากจะก้าวไปถึงสิ่งที่เรียกว่าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศไทย
แต่สำหรับนปช.และพี่น้องเสื้อแดงเราไม่ใช่คนทั้งสองพวก เราคัดค้านพรบ.ฉบับหัวเขียง เหตุผลก็เพราะเรารู้ว่าจะเรียกแขกและจะเป็นอุปสรรค จะทำให้พี่น้องตัวเล็กตัวน้อยไม่สามารถได้รับการนิรโทษกรรม นั่นคือประการที่หนึ่ง ประการที่สองเราไม่ต้องการให้การปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนฆาตกรลอยนวล ไม่ต้องการให้มีการฆ่าประชาชนซ้ำแล้วซ้ำอีก อีกต่อไป นี่คือจุดยืนของนปช.แต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่10เมษา 19พฤษภา มาจนถึงปัจจุบัน เพราะนักต่อสู้นั้นเปลี่ยนแปลงกลับกลอกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่ได้ค่ะ ต้องยืนปักหลักให้มั่นคง เราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วยปัญหาผลประโยชน์เฉพาะหน้า แต่เราจะเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นเป็นประโยชน์กับประชาชนระยะยาวแน่นอนต่อไป เราจึงคัดค้านฉบับนี้และสนับสนุนฉบับของวรชัย เหมะ นี่คือจุดยืนเดิมของนปช. เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น เราเสียใจที่ความชอบธรรมของการต่อสู้ของพี่น้องเสื้อแดงและการถูกกระทำตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันได้ถูกทำให้เลอะเลือนด้วยความคิด อาจจะเรียกว่าหูเบาไม่เข้าใจสถานการณ์ หรือว่าชั้นเชิงทางการเมืองนั้นยังไม่แข็งแรงพอ และเมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดผลต่อการต่อสู้ของประชาชนไปด้วย เราจึงต้องรับชะตากรรมทำให้การต่อสู้ของเราที่ทำมาทั้งหมดกำลังถูกทำลายความชอบธรรมไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องขอร้องต่อพรรคเพื่อไทยและต่อรัฐบาลว่าต้องรับผิดชอบ และการแก้ปัญหานี้วิธีที่เราจะขอนำเสนอก็คือ ออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมปลดปล่อยประชาชนธรรมดาโดยเร็วที่สุดค่ะ และอย่าทำลายความชอบธรรมของประชาชนที่ต่อสู้ ซึ่งจะทำให้ผู้คนฝั่งระบอบอำมาตย์นำไปบิดเบือนว่า ที่ต่อสู้นั้นเพื่อผลประโยชน์หรือเพื่อคนๆเดียว คนเสื้อแดงต่อสู้เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศไม่ใช่คนๆเดียวและไม่ใช่เฉพาะคนเสื้อแดงด้วยค่ะ นี่คือข้อเสนอของเรา อย่าทำลายความชอบธรรม และอย่าผลักมิตรไปเป็นศัตรู ในขณะเดียวกันในการต่อสู้นั้นศัตรูความหมายก็คือปฏิปักษ์ต่อการคืนอำนาจให้กับประชาชน การปฏิปักษ์ต่อประชาชนนั้นมันไม่อาจที่จะมาแทนที่มิตรได้ เพราะว่ามันมีแต่ความหลอกลวงเท่านั้น ของจริงก็คือมิตรแท้กอดคอและร่วมต่อสู้กันมา เพื่อนตายก็คือเพื่อนที่ตายไปแล้ว เพื่อนที่ยังไม่ได้ตายจะตายร่วมกันหรือจะถีบกันวันไหน
กราบสวัสดีพี่น้องที่มากันอย่างมากมาย ในสถานการณ์นี้ วันเวลาที่ผ่านมาไม่กี่วันมันได้แสดงออกว่าการประเมินความเป็นจริงในสถานการณ์ฝั่งระบอบอำมาตย์และฝั่งประชาชนนั้นใครประเมินถูกหรือผิดอย่างไร เพราะว่าสถานการณ์มันคลี่คลายภายในสองสามวันนี้ หลายส่วนที่เป็นผีไปแล้วอยู่ในรูและอยู่ในหลุม พากันลุกขึ้นมาฟ้อนรำกันมากมาย เราไม่ได้พูดถึงพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ออกมาแต่เราพูดถึงตัวเอ๊ะๆของระบอบอำมาตย์ ซึ่งเป็นผีมุดอยู่ในรูตอนนี้มาชูไม้ชูมือ มิหนำซ้ำยังไปพนมมืออยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเสียด้วย ถามว่าเหตุการณ์เหล่านี้มันไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ เหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้นซึ่งมีการดำเนินการ ไม่น่าจะมีการประเมินที่ถูกต้อง ดังที่เราได้แถลงจุดยืนวิเคราะห์สถานการณ์ แสดงความคิดเห็นทั้งในที่ลับและที่แจ้งอย่างตลอดมาด้วยความจริงใจ ในฐานะผู้ที่ร่วมกอดคอต่อสู้เพื่อให้ได้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ที่สำคัญ เป้าหมายของนปช.แดงทั้งแผ่นดิน ไม่ได้มีเพียงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเดียว แต่เราต้องการให้ประเทศนี้ก้าวหน้าต่อไปเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง
ในช่วงเวลานี้วันนี้เรามีแถลงการณ์ซึ่งเป็นสิ่งที่อ.ธิดาจะพูดในวันนี้ ซึ่งแจกกับผู้สื่อข่าวพี่น้องท่านใดต้องการก็ไปรับได้ เราถือเป็นแถลงการณ์ฉบับที่2 ในสถานการณ์พรบ.นิรโทษกรรม เราต้องการความเด่นชัดในแถลงการณ์ฉบับแรกเราพูดถึงจุดยืน เราพูดถึงมิตรศัตรู มาในฉบับนี้จากเหตุการณ์ที่มีการต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับของนายประยุทธ์หัวเขียงเป็นอันมากในประเทศไทยนี้ นปช.ได้ประเมินมาแล้วว่ามันจะมีสถานการณ์ของการต่อต้าน แต่นี่หัวใจของเราที่ต้องการที่จะให้พี่น้องประชาชนคนเล็กคนน้อยได้อานิสงส์จากการนิรโทษกรรม เพราะเรายอมรับความจริงว่าในแผ่นดินนี้ในสังคมไทยขณะนี้เรายังไม่มีนิติธรรมที่แท้จริงไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริง เราจึงต้องนิรโทษกรรมให้กับประชาชนคนเล็กคนน้อยก่อนค่ะ ไม่ใช่เอาคนใหญ่คนโตทั้งกี่ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้สั่งฆ่าหรือเป็นผู้ต่อต้านทั้งหลายรวมทั้งแกนนำที่นั่งอยู่จำนวนหนึ่ง ไม่ต้องเอามาใส่เข่ง ในเข่งขอให้มีประชาชนตัวเล็กตัวน้อยพอ นี่เป็นจุดยืนนปช.แต่ไหนแต่ไร และเรามีพระราชกำหนดที่เราเคยนำเสนอเอาไว้นานแล้วตั้งแต่ปลายปี55 ที่หน้าเรือนจำหลักสี่ สำหรับวันนี้ก็จะพูดย่อๆจากแถลงการณ์ว่า
กลุ่มที่มาต่อต้านเราไม่สามารถมองข้ามได้ แม้ว่าจะมีการนำของพรรคประชาธิปัตย์อย่างเข้มแข็งกลุ่มหนึ่ง การนำของกลุ่มที่กลายร่างจากพันธมิตรอยู่ที่อุรุพงษ์อีกกลุ่มหนึ่ง ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นการนำแท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ที่น่าสนใจมากกว่าคือกลุ่มคนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นตุลาการ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการระดับสูงต่างๆ ที่พากันออกมา เรียกว่ามีการขยายตัวทั้งปริมาณและคุณภาพในการต่อต้าน พูดกันตรงนะ "หาเรื่องแท้ๆเลย" ในการต่อต้านให้พี่น้องเข้าใจว่ามีอยู่3กลุ่ม กลุ่มที่1ก็คือกลุ่มของพรรคประชาธิปัตย์ จะต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมทุกฉบับเลย ไม่ว่าจะเป็นฉบับหัวเขียง ฉบับวรชัย เหมะ เพราะต่อให้มีแต่ของวรชัยฉบับเดียว มันก็ไม่ทำให้เรียกแขกได้ขนาดนี้ แต่พอมีฉบับหัวเขียงเรียกคนมาเป็นแถวเลยค่ะ กลุ่มนี้เจตนาที่จะล้มรัฐบาลด้วยยังหวังว่าจะได้อานิสงส์ มีคนบอกว่าค้านได้ก็เป็นพระเอกกลับมา แต่ถ้าต้านไม่ได้ก็ยังได้นิรโทษกรรมด้วย นั่นคือสุเทพ เทือกสุบรรณกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ส่วนกลุ่มที่2ก็จะไปไกลกว่ากลุ่มนี้สักหน่อยอันได้แก่ตั้งทับอยู่ที่อุรุพงษ์ ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างประเทศไทย หมุนกงล้อประวัติศาสตร์ประเทศไทยกลับ ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างไทยให้เป็นระบอบอำมาตยาธิปไตยถาวรเลย นี่คือกลุ่มที่สอง กลุ่มแรกขอเป็นรัฐบาลก็พอ กลุ่มที่สองก็จะมีแนวร่วมเป็นนักวิชาการกลุ่มอนุรักษ์นิยม และมีแนวร่วมมีทั้งกลุ่มชนชั้นนำและชนชั้นสูงเป็นจำนวนมาก อันนี้อยากจะก้าวไปถึงสิ่งที่เรียกว่าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศไทย
แต่สำหรับนปช.และพี่น้องเสื้อแดงเราไม่ใช่คนทั้งสองพวก เราคัดค้านพรบ.ฉบับหัวเขียง เหตุผลก็เพราะเรารู้ว่าจะเรียกแขกและจะเป็นอุปสรรค จะทำให้พี่น้องตัวเล็กตัวน้อยไม่สามารถได้รับการนิรโทษกรรม นั่นคือประการที่หนึ่ง ประการที่สองเราไม่ต้องการให้การปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนฆาตกรลอยนวล ไม่ต้องการให้มีการฆ่าประชาชนซ้ำแล้วซ้ำอีก อีกต่อไป นี่คือจุดยืนของนปช.แต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่10เมษา 19พฤษภา มาจนถึงปัจจุบัน เพราะนักต่อสู้นั้นเปลี่ยนแปลงกลับกลอกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่ได้ค่ะ ต้องยืนปักหลักให้มั่นคง เราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วยปัญหาผลประโยชน์เฉพาะหน้า แต่เราจะเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นเป็นประโยชน์กับประชาชนระยะยาวแน่นอนต่อไป เราจึงคัดค้านฉบับนี้และสนับสนุนฉบับของวรชัย เหมะ นี่คือจุดยืนเดิมของนปช. เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น เราเสียใจที่ความชอบธรรมของการต่อสู้ของพี่น้องเสื้อแดงและการถูกกระทำตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันได้ถูกทำให้เลอะเลือนด้วยความคิด อาจจะเรียกว่าหูเบาไม่เข้าใจสถานการณ์ หรือว่าชั้นเชิงทางการเมืองนั้นยังไม่แข็งแรงพอ และเมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดผลต่อการต่อสู้ของประชาชนไปด้วย เราจึงต้องรับชะตากรรมทำให้การต่อสู้ของเราที่ทำมาทั้งหมดกำลังถูกทำลายความชอบธรรมไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องขอร้องต่อพรรคเพื่อไทยและต่อรัฐบาลว่าต้องรับผิดชอบ และการแก้ปัญหานี้วิธีที่เราจะขอนำเสนอก็คือ ออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมปลดปล่อยประชาชนธรรมดาโดยเร็วที่สุดค่ะ และอย่าทำลายความชอบธรรมของประชาชนที่ต่อสู้ ซึ่งจะทำให้ผู้คนฝั่งระบอบอำมาตย์นำไปบิดเบือนว่า ที่ต่อสู้นั้นเพื่อผลประโยชน์หรือเพื่อคนๆเดียว คนเสื้อแดงต่อสู้เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศไม่ใช่คนๆเดียวและไม่ใช่เฉพาะคนเสื้อแดงด้วยค่ะ นี่คือข้อเสนอของเรา อย่าทำลายความชอบธรรม และอย่าผลักมิตรไปเป็นศัตรู ในขณะเดียวกันในการต่อสู้นั้นศัตรูความหมายก็คือปฏิปักษ์ต่อการคืนอำนาจให้กับประชาชน การปฏิปักษ์ต่อประชาชนนั้นมันไม่อาจที่จะมาแทนที่มิตรได้ เพราะว่ามันมีแต่ความหลอกลวงเท่านั้น ของจริงก็คือมิตรแท้กอดคอและร่วมต่อสู้กันมา เพื่อนตายก็คือเพื่อนที่ตายไปแล้ว เพื่อนที่ยังไม่ได้ตายจะตายร่วมกันหรือจะถีบกันวันไหน
เพราะฉะนั้นก็ขอวิงวอนอีกครั้งหนึ่งว่า ในฐานะที่อยู่ในกระบวนแถวของการต่อสู้ ท่านอาจจะเป็นพรรคการเมือง ท่านอาจจะเป็นรัฐบาลโปรดรำลึกไว้ด้วยว่า "ถ้าท่านพลาด ถ้าท่านประเมินสถานการณ์ผิด ชะตากรรมของการต่อสู้ประชาชนและพี่น้องที่ร่วมกันมาก็ต้องรับชะตากรรมที่เขาไม่ได้เต็มใจจะรับไปด้วย" ดังนั้นโปรดใช้ความรอบคอบ ความระมัดระวังแล้วฟังเสียงพี่น้องเราด้วย และโปรดเข้าใจว่าคนเสื้อแดงนั่นก็คือตัวแทนของประชาชน ถือเป็นพลเมืองที่ก้าวหน้าและจะเป็นเพื่อนแท้ไม่หักหลังใครที่อยู่ฝ่ายประชาชนเป็นอันขาด ขอบคุณค่ะ
ด้านคุณจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) กล่าวว่า
ด้านคุณจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) กล่าวว่า
ผมขอเรียนกับพี่น้องในทามกลางบรรยากาศ ที่ฝ่ายประชาธิปไตยกำลังจะถูกฝ่ายอำมาตย์นั้นช่วงชิงอำนาจหน้ากลับคืนไป บรรยากาศในขณะนี้ผลลับไม่ได้แตกต่างไปจาก 6 ตุลา 19 เพราะว่า เหตุการณ์ 14 ตุลา16 นักศึกษาเข้าใจว่า ตัวเองได้ชนะเครือข่ายอำมาตย์แล้ว เพียงแค่ระยะเวลา 3 ปี เขาก็เอาคืน วันนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมไม่รู้ว่ารัฐบาลชุดนี้ จะรักษาอำนาจไว้ได้อีกกี่วัน
เพราะผมเองได้แถลงข่าว และได้นั่งอธิบายในรายการชูธง ตลอดเวลาว่า อย่าไปทำฟืนให้แห้ง และผลลับก็จะเกิดผลดังเช่นในปัจจุบันนี้ ก่อนหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์ เครือข่ายอำมาตยาธิปไตยจึงไม่อาจระดมมวลชนได้ ตอบได้เลยว่า “เพราะเขาไม่มีความชอบธรรม” คนที่มอบความชอบธรรมให้พรรคประชาธิปัตย์และเครือข่ายอำมาตยาธิปไตยและต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ คือพรรคเพื่อไทยและฝ่ายรัฐบาล ผมเองอยู่ทามกลางสภาพความรู้สึก อเนต อนาถ กับชีวิตต่อสู้ถูกจับ ถูกถอนประกัน แต่ผมต้องบอกกับพี่น้องว่า เราพึ่งไปเปิดอนุสาวรีย์ลุงนวมทอง ไพรวันย์ คำว่า “ฆ่าได้หยามไม่ได้”ผมเองก็เหมืองลุงนวมทองเหมือนกัน ผมเองเพราะพรรคพวกผมที่นั่งอยู่ในขณะนี้จะไม่กลับไปจัดรายการในเอเชียอัพเดต อีกต่อไป และเพื่อบอกว่าเส้นทางของประชาชนในถนนใหญ่นั้น จะไม่เหมือนซอยตัน วันที่ 1 ธันวาคม เราจะเปิดช่องของคนเสื้อแดง ถ่ายทอดการชุมนุม ก็จะไม่ยิงตัดสัญญานตัวเอง นั่งจัดรายการ รักษาจุดยืนขบวนการต่อสู้ของคนเสื้อแดง แต่ไม่ตรงใจกับผู้มีอำนาจ เราก็จะไม่ถอดรายการออก จะสร้างช่องใหม่ให้มีชีวิต มีอิสรภาพ ผมเรียนกับพี่น้องว่า อยากดังหรืออยากมีชื่อเสียง แต่พวกผมและพรรคเพื่อไทยของรัฐบาลนั้น เราเห็นต่างเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพราะพวกเรา ประกาศกันชัดเจนว่า เราจะไม่ทรยศกับวีรชนที่ตายกับขบวนการคนเสื้อแดงที่ร่วมขบวนการต่อสู้ แล้วเราจะไม่มีวันปล่อยฆาตกรให้ลอยนวล
ผมบอกมาตั้งแต่ต้น ว่าการเป็นสื่อมวลชนหรือการจัดรายการโทรทัศน์ เราจะพูดความจริงครึ่งเดียวไม่ได้ ความจริงก็คือว่า เราพูดไว้ 2 ครึ่ง ครึ่งแรกเอาทักษิณกลับบ้าน ครึ่งที่สองเอาฆาตกรเข้าคุก เพราะฉะนั้นแวดล้อมรัฐบาล หลายคนที่มีอำนาจเขาไม่เคยเห็นแม้กระทั่งตีนตบที่ผมบอก เขาไม่เคยไปงานศพ ได้ยินได้เห็นจากภาพ ไม่เข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ว่าเขามีความเจ็บปวดขนาดไหนกับการที่ไปบอกกับเขาเห็นต่างก็ไม่ได้ ให้ไปสนับสนุนอย่าขัดขวางในการปลดปล่อยฆาตกร 100 ศพและสร้างความบาดเจ็บอีก 2,000 ไล่ล่าข่มเหงประชาชนคนเสื้อแดง
ผมบอกมาตั้งแต่ต้นว่า คุณูปการในการต่อสู้จะไม่รักษาคำพูดกระผมอย่างไงกี่ครั้ง นั่นผมนายจตุพร ชีวิตเดียว แต่จะบังคับให้นายจตุพร และพวกไปสนับสนุนกับการปลดปล่อยคนเข็นฆ่าพวกของนายจตุพร ไม่มีทาง
ผมได้เตือนแล้วว่า อย่าได้ทำอย่างนี้เด็ดขาด แล้วท้ายที่สุดเมื่อไปพบซอยตัน และก็ออกมาและก็บอกว่าถอย พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอยแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งไม่เคยมีความชอบธรรมเลยในชีวิตนี้ มันก็ยกระดับว่ามันไม่เชื่อต้องเอาพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยออกให้พ้นสภาก่อน ซึ่งในทางปฏิบัติ ส.ว.เขาจะโหวดคว่ำในวันที่ 11 พ.ย.ซึ่งตรงกับวันที่พิพากษาศาลโลกในคดีประวัติศาสตร์เขาพระวิหารซึ่งผลลับมันมีกับเจ้งกับเจ๊าและที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ถ้าคว่ำจะต้องถูกส่งกลับมาสภาผู้แทนราษฎร ทิ้งไว้ 180 วัน 6 เดือนจึงจะหยิบยกเข้ามาพิจารณาได้ สุเทพเขาก็รู้ข้อกฎหมายข้อนี้ บอกว่า ถ้าตาบใดยังไม่เอาพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยออกจากสภา เขาไม่มีวันจะเชื่อ ซึ่งแม้ว่านายกรัฐมนตรีจะแถลงถอน ก็เอาออกจากสภาไม่ได้ มันเข้าปากจรเข้ไปแล้ว และจำไว้เลยว่า ที่ผมบอกมาตั้งแต่ต้นว่า เขาจะยกระดับไปขับไล่รัฐบาลและต้องจำคำพูดผมต่อว่า หลังจากนั้นเขาจะไล่ตระกูล ชินวัตร นี่ผมเตือนไว้ก่อน เราเตือนอย่างฉันมิตร ผมไม่เห็นด้วยกับเรื่องสุดซอยแต่ผมไม่มีวันไปฆ่ารัฐบาลชุดนี้ แต่ฝ่ายที่เขาอยู่ถนนราฎร์ดำเนิน อุรุพงษ์และทุกที่ เขาต้องการฆ่ารัฐบาลชุดนี้ แต่ผลก็คือว่า คุณไม่โกรธพวกนั้นแต่โกรธผมและพวก ปรากฏว่า ความเจ็บแค้นทั้งหมดมาลงที่พวกผม ซึ่งได้เอาชีวิตไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายให้พวกคุณเป็นรัฐบาล ปรากฏว่า พอพรรคประชาธิปัตย์และเครือข่ายระบอบอำมาตยาธิปไตย ยกทัพประชิดเมืองท้ายที่สุดก็รู้ว่าถึงยังไงก็ตามผมก็ต้องไปยื่นแอบหลบปกป้องรัฐบาล ปรากฏว่า มาตบผมโชว์ศัตรูซะอีก
เพราะฉะนั้นผมเองก็เห็นว่า สถานการณ์ในขณะนี้ ที่ทำกันทั้งหมดนั้น วันนี้ ซีกรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยคุณตาสว่างบ้างหรือยัง ที่น่ามืดตามัวจำมิตรที่ซื่อสัตย์ที่ไม่เคยทรยศแม้แต่เพียงครั้งเดียวนั้นคุณได้ปฏิบัติต่อผมอย่างไร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมยังไม่เคยโกรธเลย แม้กระทั่งความเห็นต่างเรื่องสุดซอย ผมยังไม่เคยคิดไล่คุณเลย ผมคิดจะปกป้องคุณเสียด้วยซ้ำจากคนที่มาขับไล่รัฐบาล แต่ปรากฏว่า ความหวังดีทั้งหมดนั้น ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ ทั้งที่เวลานี้ คนเราถ้าไม่โง่จริงจะคิดไม่ได้ คณะที่พรรคประชาธิปัตย์เครือข่ายอำมาตย์กระทืบอยู่เต็มๆนั้น ปรากฏว่า เอานักรบของตัวเองที่คนเสื้อแดงเขาจะมาดู ออกจากจอ แล้วถามว่าคนเขาจะไปดูอะไร ก็ไปดู บลูสกายหมด ไปดูว่าเขาเคลื่อนอะไร
ท้ายที่สุดเวลานี้จะเห็นได้ชัดเจนว่า การออกมาขับเคลื่อนของทุกกลุ่มทุกองค์กรนั้น มากกว่าปี 2548 และ2549 เสียอีก มันกลายเป็นแฟชั่น ว่าถ้าใครไม่ต้านนิรโทษกรรม เป็นเรื่องที่ผิด เวลานี้ฆาตกรซึ่งเป็นผู้ร้ายตลอดเวลา แต่ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยดันไปมอยตำแหน่งพระเอกให้กับฆาตกรแล้วตัวเองกลับไปแย้งบทผู้ร้ายมาแทน สุเทพ อภิสิทธิ์อย่างกะฮีโร่ของประเทศไทย ผมบอกแล้วไงว่า ไอ้พ.ร.บ.ยกเข่งนั้นมันเป็นฉบับล้างเลือดให้ฆาตกร แล้ววันนี้ได้ร้านไปเกลี้ยงแล้วในเวลานี้และเขาพร้อมจะกลับมา และคนที่เดือดร้อนที่สุดคือคนเสื้อแดง
เพราะฉะนั้น ผมต้องเรียนกับพี่น้องคนเสื้อแดงว่า ภาระหน้าที่ของเรา ผมยังไม่พูดว่าเราจะไม่ปกป้องรัฐบาล เพราะเขาไม่ให้ปกป้องและเราเองก็ไม่หน้าด้านพอที่จะปกป้อง เดี๋ยวผังแล้วมาโทษผมอีก แต่พวกเรามีหน้าที่ต้องปกป้องระบอบประชาธิปไตยที่ไม่ได้มีพรรคมีบุคคลหรือมีใครทั้งนั้น นั่นคือระบอบประชาธิปไตยที่เป็นภาระหน้าที่ของคนเสื้อแดง ผมไม่ต้องการผิดหวังกับคนอีกแล้ว ขอต่อสู้ด้วยสิ่งที่ดีงามคือคำว่า “ระบอบประชาธิปไตย” ที่จะเป็นเส้นทางที่ถูกต้องที่สุด
ทั้งนี้่ในเวลาที่พร้อม นปช. จะแสดงจุดยืนครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยวันนี้ไม่ฝากความหวังไว้กับใครนอกจากคนเสื้อแดง และในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ขอเชิญชวนมาฟังการปราศรัยที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ในเวลา 09.00 น.