“เต้น” เรียกร้อง 40 สว.เห็นแก่บ้านเมือง ยันเปิดเวทีเสื้อแดงอาทิตย์นี้


 

เมื่อ 8 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์และส.ว.สรรหาจำนวนหนึ่งพร้อมกลุ่มแนวร่วมซึ่งเป็นขบวรการเดิมจากที่เคยเปิดประตูให้มีการรัฐประหารเมื่อปี 2549 พยายามเต็มที่ที่จะทำให้สถานการณ์การเมืองเข้าสู่ทางตัน กดดันรัฐบาลเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยวิธีการนอกระบบ  ที่ชัดเจนล่าสุดคือกลุ่มส.ว.สรรหาและ ส.ว.เลือกตั้งจำนวนหนึ่ง ที่เชื่อมโยงกับพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลจงใจไม่เข้าร่วมประชุมที่มีการนัดหมายเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมซึ่งเป็นปัญหาทางการเมืองในขณะนี้

สรุปได้ทันทีว่าเจตนาของส.ว.กลุ่มดังกล่าว ต้องการรักษาชนวนซึ่งความขัดแย้งให้สอดรับกับเวทีถนนราชดำเนินที่ประกาศจะมีมาตรการสำคัญออกมาในเย็นวันที่ 11 พ.ย. ความจริงไม่มีเหตุผลอะไรเลยเพราะรู้ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาล พรรคเพื่อไทย สภาผู้แทนราษฎร ได้แสดงเจตนาชัดเจนและปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมว่าจจะถอดทุกชนวนที่เป็นความขัดแย้ง และสภาฯก็ได้มีมติถอนกฎหมายปรองดอง 6 ฉบับไปแล้ว  แต่แทนที่จะได้มีการลงมติในที่ประชุม ส.ว.ในวันนี้ (8 พ.ย.) เพื่อทำให้ประชาชนสบายใจ ลดความตึงเครียดของสถานการณ์  แต่ก็มี ส.ว.กลุ่มหนึ่งแสดงเจตนาเพิ่มความตึงเครียดเข้ามาใหม่ เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่ในสภาแต่ไม่ลงคะแนนเห็นชอบกับการถอดร่างกฎหมายปรองดองทั้งๆที่เรียกร้องมาตลอด ถือเป็นเจตนาเดียวกัน

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลต้องการใช้ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เร่งเร้าปลุกระดมประชาชนให้ออกมาชุมนุมจำนวนมาก และลากเข้าสู่สถานการณ์ในวันที่ 11 พ.ย.ซึ่งศาลโลกจะอ่านคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร โดยคาดหวังว่าจะต่อกระแสเพื่อขยายผลการชุมนุมต่อเนื่อง ฝากถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ว่าถ้าต้องการตรวจสอบรัฐบาลหรือทำลายความน่าเชื่อถือ ต้องการให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลขาดความชอบธรรมในทุกด้านก็ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมแบบนี้ หรือนำประชาชนออกมาเคลื่อนไหวจนเกิดบรรยากาศความขัดแย้ง ก็สามารถทำได้ทันทีโดยการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ตามกระบวนการของรัฐสภา สามารถทำได้ทันที การชุมนุมก็ยุติแล้วปสู้กันในสภาให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ทุกข้อมูลที่ชกฝ่ายเดียวมาตลอดจะได้มีคำชี้แจงจากรัฐบาล สภาเป็นสนามการต่อสู้ที่ทำให้ประชาชนลดความรู้สึการเผชิญหน้าระหว่างกัน และจะทำให้ลดความตึงเครียดทางการเมืองลงได้ รัฐบาลพร้อมแล้ว ฝ่ายค้านพร้อมหรือยัง และถ้าตั้งใจว่าจะไม่ยืนอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมนี้ แต่จะอภิปรายข้างเดียวที่ถนนดำเนินก็ขอให้บอกมาให้ชัดเจน ประชาชนจะได้เข้าใจแต่ถ้ามีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ก็ไม่ชอบธรรมที่จะมีการชุมนุมตั้งเวทีปราศรัยบนท้องถนนอีก เพาะเวทีรัฐสภาเปิดกว้างสำหรับทุกฝ่าย

แกนนำ นปช. กล่าวว่า ปัจจุนมีเรื่องแปลกที่ผู้ต้องหาที่อัยการสั่งฟ้องคดีสังหารประชาชนจากเหตุการณ์การชุมนุมปี 2553 ไปประกาศตั้งศาลประชาชนเพื่อพิพากษาคดีนายกรัฐมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี น่าจะเป็นเพียงแค่วาทะกรรมที่ประกาสเพื่อเป็นสีสันทางการเมืองเพื่อปลุกระดมผู้คนเนื่องจากไม่มีภาระผูกพันทางกฎหมาย ตัวนายอภิสิทธ์และนายสุเทพ ขณะนี้ตกเป็นผู้ต้องหาถ้าไม่มีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองต้องนำตัวส่งสาส์นและต้องยื่นประกันตัว ถ้าศาลไม่ให้ประกันก็ต้องเข้าเรือนจำ ดังนั้น หากนายสุเทพจะตั้งศาลประชาชนจริงเห็นว่าไม่ควรทำเพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่อยากแนะนำว่าควรสร้างศาลเพียงตาให้กับประชาชนที่ถุกฆ่าตายเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 และควรเกิดสำนึกว่าใครเป็นคนสั่งเจ้าหน้าที่ สั่งปืนติดลำกล้องประจำการบนตึกสูงจนเกิดความสูญเสียซึ่งคนทั้งประเทศเขารู้ดี

“สถานการณ์เรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมยุติแล้ว ไม่มีใครแม้แต่จะคิดที่จะผลักดันเดินหน้าต่อ ข้อเรียกร้องของนายสุเทพที่จะทำให้กฎหมายฉบับนี้ตายไปเลยไม่ว่าวิธีใดเกิดจริงไม่ได้เพราะมีขบวนการอยู่ วันนี้รัฐบาลไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ และสิ่งที่แปลคือพรรคประชาธิปัตย์ต้องการล้มรัฐบาลแต่ไม่ต้องการให้มีการยุบสภาเพราะไม่พร้อมเลือกตั้ง รู้ดีว่าถ้าเลือกตั้งใหม่ก็จะต้องกลับมาเป็นฝ่ายค้าน จึงมีวิธีการล้มรัฐบาลแบบสลับซับซ้อนต้องการให้นายกฯพ้นจากตำแหน่ง แล้วคาดหวังว่าอำนาจอิทธิพลนอกระบบจะเล่นคณิตศาสตร์การเมืองเปลี่ยนขั้ว ย้ายข้างเอาคนของพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง จึงมีคำขู่ว่าถ้ายุบสภาจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่โต เป็นการทำงานแบบหุ้นส่วนกันระหว่าง ปชป.กับขบวนการโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ จนเกิดการรัฐประหาร”นายณัฐวุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่ารัฐบาลเตรียมทางออกอย่างไรหาก ส.ว.ไม่สามารถลงมติได้ แกนนำ นปช.กล่าวว่า รัฐบาลคงต้องติดตามการชุมนุมไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ขยายผลจนเกิดความวุ่นวาย แต่อยากเรียกร้อง ส.ว.ว่าสถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์เร่งด่วน ถ้ามีความจริงใจที่จะถอดชนวนความขัดแย้งจริงก็ขอให้ลงมติ การดึงเวลาเป็นการเจตนาในการเลี้ยงไข้ เลี้ยงกระแส ตีไพ่ให้เวทีพรรคประชาธิปัตย์ หยิบเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขในช่วงเวลา 2-3 วัน ซึ่งดีไม่ดีถึงเย็นวันจันทร์ก็อาจมีการเล่นแง่ไม่เข้าร่วมประชุมโดยอ้างเหตุไม่ชอบธรรม

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความเข้าใจและทำให้ประชาชนอีกส่วนหนึ่งได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารอีกด้านหนึ่ง ทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะมีการจัดเวที “นปช.เพื่อไทยปกป้องประชาธิปไตย” ขึ้นที่ลานอเนกประสงค์หลังสนามฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด เมืองทองธานีในวันที่ 10 พ.ย.เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00น.โดยจะมีแกนนำ นปช.แกนนำจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือเป็นแนวร่วมกันในหลักการประชาธิปไตยขึ้นเวทีอย่างคับคั่ง โดยคาดว่าจะมีประชาชนจากทั่วประเทศให้ความสนใจมาร่วมรับฟังจนล้านลานอเนกประสงค์หลังสนามฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด เมืองทองธานี อย่างแน่นอน และขอยืนยันว่าการจัดเวทีนี้จะไม่ใช่การเผชิญหน้า จะไม่ใช่การสร้างเงื่อนไขความรุนแรง และจะไม่มีการเคลื่อนขบวนออกไปจนเกิดสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา จะเป็นการชุมนุมตอนเย็น ถึงช่วงกลางคืนก็จะแยกย้ายกลับบ้าน เป็นการชุมนุมด้วยความสงบเรียบร้อย การเปิดเวทีครั้งนี้ก็เพื่ออธิบายสถานการณ์ขณะนี้เป็นอย่างไร ไม่ใช่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว และอยากให้คนทั้งสังคมรับทราบเพราะมีการพูดเพียงข้างเดียว และบิดเบือนข้อเท็จจริง เราต้องการอธิบายข้อเท็จจริงเท่านั้น

เมื่อถามว่านอกจากการชิงความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองแล้วโดยการตั้งเวทีคู่ขนานแบบนี้มีการคำนึงถึงสถานการณ์ที่อาจตึงเครียดเพิ่มขึ้นหรือไม่ แกนนำ นปช.กล่าวว่า กลุ่ม นปช.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากที่สุด จึงใช้เวทีสื่อสารความจริงในพื้นที่รั่วรอบขอบชิด มีเวลาเริ่มต้นและเสร็จสิ้นชัดเจน และไม่มีการเคลื่อนขบวนแน่นอน และยืนยันว่าจะไม่มีคนเสื้อแดงไปทำอะไรจนกลายเป็นชนวนความขัดแย้ง เพราะผ่านการต่อสู้มานานและรู้ดีว่าเวที ปชป.ต้องการอะไรไม่มีทางเดินไปเข้าทาง แต่อยากให้ ปชป.ดูแลเวทีการชุมนุมให้ดีด้วย เพราะมีข่าวว่าทำร้ายตำรวจจนบาดเจ็บ ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์การเผชิญหน้า แต่ขอร้องว่าพรรคประชาธิปัตย์อย่ายั่งยุปลุกระดมประชาชนให้ก่อเหตุการ์ไม่พึงปรารถนา ทุกคนต้องร่วมรับผิดชอบต่อบ้านเมือง แต่เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งไม่รับผิดชอบต่อข้อเท็จจริง บิดเบือนข้อมูลข่าวสารให้ร้ายรัฐบาลก็จำเป็นต้องมีการชี้แจงบาง

“ความจริงคนเสื้อแดงมีความตื่นตัวมาตลอด เพียงแต่ช่วงที่มีการขับเคลื่อน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เรามีจุดยืนที่แตกต่างและแสดงออกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับ ร่างพ.ร.บ.ที่มีการแปรญัตติออกมา แต่เมื่อรัฐบาลแสดงชัดเจน มีการยุติถอนร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งนายกฯและพรรคเพื่อไทยยืนยัน แต่กลุ่มต่อต้านยังไม่ยอมหยุดเดินหน้าจะล้มรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายประชาธิปไตยที่ต้องออกมาปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง” นายณัฐวุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า นปช.ต้องการดูกำลังคนเสื้อแดงใช่หรือไม่เพราะที่ผ่านมาเรื่องพ.ร.บ.นิรโทษกรรมทำให้มวลชนลดลง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังมั่นใจว่าการออกมาปกป้องรัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้งไม่ให้ถูกล้มจากวิธีการนอกระบบเป็นหน้าที่ของฝ่ายประชาธิปไตย ความเห็นต่างและจุดยืนของคนเสื้อแดงยังมั่นคง แต่ภาระหน้าที่ที่จะทำให้กระบวนการประชาธฺปไตยเดินหน้านั้นสำคัญมากกว่า ไม่ใช่เป็นการระดมพลวัดกำลังกับพรรคประชาธิปัตย์

“นายสุเทพในฐานะที่เป็นแกนนำรุ่นน้อง ถือเป็นแกนนำรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง สามารถปราศรัยไปด้วยเป่านกหวีดไปด้วยได้ บางทีก็มองว่าคล้ายครูพละศึกษา บางทีก็คล้ายคนรับรถ สำหรับสัญลักษณ์ครั้งนี้ของคนเสื้อแดง คือมีเสื้อสีแดงและหัวใจประชาธิปไตยถือเป็นสัญ,กษณ์เดียวของ นปช. ฝากบอกถึงแกนนำรุ่นน้องอีกครั้งว่ารักษาสุขภาพด้วยที่ปราศรัยไปด้วยเป่านกหวีดไปด้วยได้ แต่กลัวจะหายใจไม่ทัน” นายณัฐวุฒิ กล่าว