ประกาศ
ประกาศ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
รับชมการถ่ายทอดสดจาก ถ.อักษะ
Broadcast live streaming video on Ustream
ประมวลภาพ นปช. "รวมพลปราบกบฏ" ถนนอักษะ 10 พ.ค. 2557
รับชมการถ่ายทอดสดจาก ถ.อักษะ
Broadcast live streaming video on Ustream
ประมวลภาพ นปช. "รวมพลปราบกบฏ" ถนนอักษะ 10 พ.ค. 2557
ปาฐกถา ยอดเยี่ยม เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ตอบคำถาม สังคม
มติชน 15 ตุลาคม 2556
ปาฐกถา "เจตนารมณ์ 14 ตุลา คือประชาธิปไตย" ในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลา ของ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ยอดเยี่ยม
มิใช่ยอดเยี่ยมอย่างธรรมดา หากแต่ยอดเยี่ยม "อย่างยิ่ง"
ความยอดเยี่ยมมิได้อยู่ที่ได้วิเคราะห์และแยกแยะให้เห็นถึงการปะทะกันระหว่างกลุ่มอำนาจเดิม อำนาจเก่าแก่ กับกลุ่มทุนใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากกระแสโลกาภิวัตน์ หรือทุนนิยมโลกในยุคไร้พรมแดน
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังได้ชี้ให้เห็นการเติบใหญ่ ขยายตัวของ "ชนชั้นกลางใหม่"
หากที่สำคัญยิ่งกว่านั้นยังชี้ให้เห็นถึงการมีผลประโยชน์ "ร่วม" เฉพาะหน้าระหว่างกลุ่มทุนใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากกระแสโลกาภิวัตน์ กับ กลุ่มชนชั้นกลางใหม่ในชนบทอันกว้างไพศาลของประเทศ
ทั้งหมดได้ตอบคำถามอันเกิดขึ้นตลอด 7 ปีหลังรัฐประหาร 2549 ได้อย่างคมชัด
เป็นการตอบคำถามต่อปรากฏการณ์ "เสื้อเหลือง" เป็นการตอบคำถามต่อปรากฏการณ์ "เสื้อแดง"
เหมือนกับ "ง่าย" แต่ "ไม่ง่าย"
ถามว่าเหตุปัจจัยอันใดทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องพ่ายแพ้อย่างซ้ำซาก พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง นับแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2538 เป็นต้นมา
คำตอบ 1 เพราะไม่เข้าใจสังคมไทย
ไม่เข้าใจว่าสังคมไทยได้เปลี่ยนไปแล้วที่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก คือ การเปลี่ยนแปลงในชนบท
พรรคประชาธิปัตย์อาจยังมีเสน่ห์ในหมู่คนในเมือง
องค์ประกอบ 1 คือ ชนชั้นสูง หรือที่เรียกว่าชนชั้นบ้านมีรั้ว องค์ประกอบ 1 ก็อย่างที่ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ได้สรุป คือชนชั้นกลางเก่า
ชนชั้นกลางที่ค่อนไปทางชนชั้นสูง
ตรงกันข้าม องคาพยพของประชาชนที่พรรคประชาธิปัตย์ละเลยอย่างรู้เท่าไม่ทันก็คือ ชนชั้นกลางรุ่นใหม่ที่อยู่ในชนบท หรือที่อยู่ในเมืองก็คือคนยากคนจนระดับล่าง
ระดับล่างอย่างที่เรียกกันว่า "รากหญ้า" นั้นเอง
ยิ่งชนชั้นกลางรุ่นใหม่เติบใหญ่ขยายตัว ยิ่งทำให้โอกาสของพรรคประชาธิปัตย์เหลือน้อยลง ไม่ว่าเมื่อสู้กับพรรคชาติไทยในปี 2538 ไม่ว่าเมื่อสู้กับพรรคความหวังใหม่ในปี 2539 ไม่ว่าเมื่อสู้กับพรรคไทยรักไทยในปี 2544
ในที่สุดก็ต้องแพ้แม้กระทั่งต่อ "ยิ่งลักษณ์"
ถามว่าเหตุปัจจัยอันใดทำให้พรรคไทยรักไทยไม่ว่าจะใช้ชื่อว่าพรรคพลังประชาชนหรือพรรคเพื่อไทยจึงได้ชัยชนะอย่างต่อเนื่อง
คำตอบ 1 เพราะดำเนินการเมืองอย่างเข้าใจสังคมไทย
นโยบายของพรรคไทยรักไทยตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย จึงกำชัยเหนือทุกพรรคการเมืองตั้งแต่เมื่อปี 2544 เป็นต้นมา
แม้จะก่อตั้งพรรคได้เพียง 2 ปีเท่านั้น
คำตอบ 1 อันจำหลักอย่างหนักแน่นในความรับรู้ของประชาชนก็คือ ความสามารถในการแปรนามธรรมแห่งนโยบายกลายเป็นรูปธรรมในทางการปฏิบัติ
ความหมายก็คือ พูดแล้วทำ
เป้าหมายการเข้าหาของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยคือคนส่วนใหญ่ของประเทศ นั่นก็คือ ชนชั้นกลางรุ่นใหม่ เจตนาก็เพื่อปลดเปลื้องปัญหา ปลดเปลื้องความทุกข์ที่แบกรับอยู่ให้ค่อยๆ หมดสิ้นไป
จากปี 2544 เป็นต้นมาจึงได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งโดยตลอด
แม้จะมีความพยายามโค่นล้ม ทำลาย บดขยี้ ด้วยวิธีการนอกกฎหมายนอกกติกาทั้งรัฐประหารทั้งกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ แต่พรรคการเมืองนี้ก็ยังดำรงคงอยู่
ยังคง "ยืนหยัด" โดย "ท้าทาย"
ปาฐกถาของ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล สามารถอธิบายความข้องใจทั้งหมดของสังคมไทย
อธิบายว่าการเติบใหญ่ของชนชั้นกลางใหม่นี้เองที่กำหนดและบงการทิศทางแห่งการพัฒนาของประเทศ
ประชาธิปไตยในมือของคนรุ่นใหม่ พลังใหม่