ปาฐกถา ยอดเยี่ยม เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ตอบคำถาม สังคม


มติชน 15 ตุลาคม 2556



ปาฐกถา "เจตนารมณ์ 14 ตุลา คือประชาธิปไตย" ในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลา ของ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ยอดเยี่ยม

มิใช่ยอดเยี่ยมอย่างธรรมดา หากแต่ยอดเยี่ยม "อย่างยิ่ง"

ความยอดเยี่ยมมิได้อยู่ที่ได้วิเคราะห์และแยกแยะให้เห็นถึงการปะทะกันระหว่างกลุ่มอำนาจเดิม อำนาจเก่าแก่ กับกลุ่มทุนใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากกระแสโลกาภิวัตน์ หรือทุนนิยมโลกในยุคไร้พรมแดน

หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังได้ชี้ให้เห็นการเติบใหญ่ ขยายตัวของ "ชนชั้นกลางใหม่"

หากที่สำคัญยิ่งกว่านั้นยังชี้ให้เห็นถึงการมีผลประโยชน์ "ร่วม" เฉพาะหน้าระหว่างกลุ่มทุนใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากกระแสโลกาภิวัตน์ กับ กลุ่มชนชั้นกลางใหม่ในชนบทอันกว้างไพศาลของประเทศ

ทั้งหมดได้ตอบคำถามอันเกิดขึ้นตลอด 7 ปีหลังรัฐประหาร 2549 ได้อย่างคมชัด

เป็นการตอบคำถามต่อปรากฏการณ์ "เสื้อเหลือง" เป็นการตอบคำถามต่อปรากฏการณ์ "เสื้อแดง"

เหมือนกับ "ง่าย" แต่ "ไม่ง่าย"

ถามว่าเหตุปัจจัยอันใดทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องพ่ายแพ้อย่างซ้ำซาก พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง นับแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2538 เป็นต้นมา

คำตอบ 1 เพราะไม่เข้าใจสังคมไทย

ไม่เข้าใจว่าสังคมไทยได้เปลี่ยนไปแล้วที่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก คือ การเปลี่ยนแปลงในชนบท

พรรคประชาธิปัตย์อาจยังมีเสน่ห์ในหมู่คนในเมือง

องค์ประกอบ 1 คือ ชนชั้นสูง หรือที่เรียกว่าชนชั้นบ้านมีรั้ว องค์ประกอบ 1 ก็อย่างที่ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ได้สรุป คือชนชั้นกลางเก่า

ชนชั้นกลางที่ค่อนไปทางชนชั้นสูง

ตรงกันข้าม องคาพยพของประชาชนที่พรรคประชาธิปัตย์ละเลยอย่างรู้เท่าไม่ทันก็คือ ชนชั้นกลางรุ่นใหม่ที่อยู่ในชนบท หรือที่อยู่ในเมืองก็คือคนยากคนจนระดับล่าง

ระดับล่างอย่างที่เรียกกันว่า "รากหญ้า" นั้นเอง

ยิ่งชนชั้นกลางรุ่นใหม่เติบใหญ่ขยายตัว ยิ่งทำให้โอกาสของพรรคประชาธิปัตย์เหลือน้อยลง ไม่ว่าเมื่อสู้กับพรรคชาติไทยในปี 2538 ไม่ว่าเมื่อสู้กับพรรคความหวังใหม่ในปี 2539 ไม่ว่าเมื่อสู้กับพรรคไทยรักไทยในปี 2544

ในที่สุดก็ต้องแพ้แม้กระทั่งต่อ "ยิ่งลักษณ์"

ถามว่าเหตุปัจจัยอันใดทำให้พรรคไทยรักไทยไม่ว่าจะใช้ชื่อว่าพรรคพลังประชาชนหรือพรรคเพื่อไทยจึงได้ชัยชนะอย่างต่อเนื่อง

คำตอบ 1 เพราะดำเนินการเมืองอย่างเข้าใจสังคมไทย

นโยบายของพรรคไทยรักไทยตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย จึงกำชัยเหนือทุกพรรคการเมืองตั้งแต่เมื่อปี 2544 เป็นต้นมา

แม้จะก่อตั้งพรรคได้เพียง 2 ปีเท่านั้น

คำตอบ 1 อันจำหลักอย่างหนักแน่นในความรับรู้ของประชาชนก็คือ ความสามารถในการแปรนามธรรมแห่งนโยบายกลายเป็นรูปธรรมในทางการปฏิบัติ

ความหมายก็คือ พูดแล้วทำ

เป้าหมายการเข้าหาของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยคือคนส่วนใหญ่ของประเทศ นั่นก็คือ ชนชั้นกลางรุ่นใหม่ เจตนาก็เพื่อปลดเปลื้องปัญหา ปลดเปลื้องความทุกข์ที่แบกรับอยู่ให้ค่อยๆ หมดสิ้นไป

จากปี 2544 เป็นต้นมาจึงได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งโดยตลอด

แม้จะมีความพยายามโค่นล้ม ทำลาย บดขยี้ ด้วยวิธีการนอกกฎหมายนอกกติกาทั้งรัฐประหารทั้งกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ แต่พรรคการเมืองนี้ก็ยังดำรงคงอยู่

ยังคง "ยืนหยัด" โดย "ท้าทาย"

ปาฐกถาของ นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล สามารถอธิบายความข้องใจทั้งหมดของสังคมไทย

อธิบายว่าการเติบใหญ่ของชนชั้นกลางใหม่นี้เองที่กำหนดและบงการทิศทางแห่งการพัฒนาของประเทศ

ประชาธิปไตยในมือของคนรุ่นใหม่ พลังใหม่