ข่าวสด 17 ตุลาคม 2556
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดไต่สวนคำร้อง กรณีพนักงานอัยการ สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตของนายเกียรติคุณ ฉัตร์วีระสกุล (ผู้ตายที่ 1) อาชีพคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และนายประจวบ ประจวบสุข (ผู้ตายที่ 2) ผู้ชุมนุมกลุ่มนปช. ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณใต้ทางด่วน ถนนพระราม 4 ระหว่างการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2553 โดยพนักงานอัยการเบิกตัวพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) จ.ปราจีนบุรี
พยานเบิกความว่า ในช่วงการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 พยานมียศสิบเอก ปฏิบัติหน้าที่เป็นหัวหน้าชุด ประจำกองพันทหารราบที่ 3 (ร.2 พัน 3 รอ.) ได้รับคำสั่งจาก ผู้บังคับบัญชาให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำหน้าที่เข้าเวรตรวจการ ในวันที่ 10 เม.ย. 2553 รับคำสั่งให้ออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังสโมสรทหารบก ต่อมาเวลาประมาณ 09.00 น. รับคำสั่งให้ปฏบัติหน้าที่บริเวณถนนตะนาว เพื่อขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมนปช. เมื่อพยานเดินทางถึงบริเวณถนนตะนาว เวลาประมาณ 13.30 น. พบเห็นกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ประมาณ 500 คน ยึดพื้นที่ถนนตะนาวไว้
พยานเบิกความต่อว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ พยานและพวกมีหน้าที่ในการตั้งแนวโล่ เป็นแนวหน้ากระดานประมาณ 5 แถว ตั้งเต็มพื้นที่ถนนโดยแต่งชุดลายพราง มีอาวุธประจำกาย คือ โล่ และกระบอง จากนั้นกลุ่ม นปช. ได้ผลักดันแนวโล่ของทหาร มีการปาก้อนหิน ก้อนกรวด และเข้ามาประชิดเพื่อผลักดันแนวเจ้าหน้าที่ทหารออกไป ซึ่งขณะนั้นทหารมีประมาณ 50 นาย ไม่สามารถต้านทานกำลังของผู้ชุมนุมไหว ทำให้แนวโล่แตกแถว ถอยร่นมาด้านหลัง
หลังจากนั้นพยานเห็นชายใส่เสื้อสีแดง กางเกงยีน ใส่ผ้าคาดสีดำปิดตั้งแต่บริเวณใต้ตาลงไป เดินมาจากข้างหลังกลุ่มผู้ชุมนุม มาด้านหน้ากลุ่มผู้ชุมนุมห่างประมาณ 2-3 ก้าว และเอาปืนพกสั้นออกมาเล็งยิง 1 นัด กระสุนเข้าที่เหนือเข่าข้างขวาของพยาน จากนั้นชายคนดังกล่าวเดินกลับเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม
พยานเบิกความต่อว่า หลังจากถูกยิง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายเสนารักษ์ และมีรถพยาบาลมานำตัวส่งร.พ. แต่รถพยาบาลขับออกไปไม่ได้ เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมล้อมอยู่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิแห่งหนึ่งได้โทรศัพท์เรียกให้รถจักรยานยนต์รับจ้างมารับตัวพยานไปส่งลงเรือ เพื่อไปรักษาตัวที่ ร.พ.ศิริราช และย้ายมารักษาตัวต่อที่ ร.พ.พระมงกุฎเกล้า หลังจากนั้นพยานไม่ได้มาปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการ ชุมนุมนปช. อีกเลย
พยานเบิกความว่า ขณะถูกยิงไม่ทราบว่ากระสุนดังกล่าวเป็นกระสุนขนาดใด และเนื่องจากกระสุนทะลุขาไป จึงไม่ทราบว่าเป็นกระสุนชนิดและขนาดใด พยานไม่ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเหตุดังกล่าว แต่ทราบว่าผู้บังคับบัญชาได้แจ้งความเป็นส่วนรวมแล้ว ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆ จะมีอาวุธร้ายแรงอะไรหรือไม่นั้น พยานไม่ทราบและพยานไม่ทราบถึงการตายของผู้ตายที่ 1 และผู้ตายที่ 2 ในคดีนี้
ด้านทนายญาติผู้ตายที่ 1 และ ผู้ตายที่ 2 ถามว่า ในวันที่ 10 เม.ย. 53 ที่บริเวณถนนตะนาวมีเฮลิคอปเตอร์โปรยแก๊สน้ำตาลงมาหรือไม่ พยานเบิกความว่าไม่ทราบ และได้มีการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารในตอนกลางคืนหรือไม่นั้น พยานไม่ทราบเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไป วันที่ 24 ต.ค. เวลา 09.00 น.
