แม่เฌอพอใจ คดีลูกเริ่มคืบ ยันมีพยานเห็น กระสุนฝั่งจนท.

ข่าวสด 7 กันยายน 2556

"แม่เฌอ" ก็ดีใจคดีลูกชาย เหยื่อปืนสลายม็อบปี 53 เริ่มคืบหน้า แต่กังวลเรื่องประจักษ์พยาน กลัวไม่ปลอดภัย ไม่กล้ามาให้การ อีกทั้งมีชาวบ้านเห็นวิถีกระสุนมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ ยันต้องการให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้า ให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ยอมรับ ด้านภรรยาเหยื่อปืน 10 เม.ย. แยกคอกวัว เปิดใจรอมานานกว่า 3 ปีแล้ว อยากให้รู้ใครกระทำ

จากกรณีพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 99 ศพ ในเหตุการณ์สลายม็อบเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 จะส่งสำนวนคดีอีก 28 สำนวน ไปให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล สอบสวนและหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ทั้ง 28 ศพเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ในจำนวนนี้มีนายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ อายุ 17 ปี นักกิจกรรมทางสังคม ที่ถูกสไนเปอร์ยิงเสียชีวิตบริเวณซอยรางน้ำ รวมอยู่ด้วย ทำให้บรรดาญาติ พี่น้องของผู้เสียชีวิตต่างดีใจที่คดีคืบหน้าไปอีกขั้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 ก.ย. นางสุมาพร ศรีเทพ มารดานายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ อายุ 17 ปี นักกิจกรรมทางสังคม ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณทางเท้า ตรงข้ามปั๊มน้ำมันเชลล์ ซอยรางน้ำ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. กล่าวว่าดีใจที่กระบวนการสอบสวนเริ่มต้นแล้ว แต่ส่วนตัวยังกังวลเรื่องประจักษ์พยาน เนื่องจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าไม่กล้าไปให้ปากคำ เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย แต่เขาเล่าให้ฟังว่าขณะเกิดเหตุหมอบอยู่ใกล้กับจุดที่ลูกชายถูกยิง และมีคนถูกยิงในช่วงเวลาเดียวกับลูกชาย จึงช่วยกันพาออกจากที่เกิดเหตุ แต่ลูกชายถูกกระสุนปืนยิงเข้าจุดสำคัญไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เขาจึงช่วยเหลือออกมาไม่ได้

แม่น้องเฌอกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านเห็นวิถีกระสุนมาจากฝั่งของเจ้าหน้าที่ และมีคลิปวิดีโอที่ปรากฏภาพเจ้าหน้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับลูกชาย ส่วนภาพถ่ายมีเพียงภาพที่ถ่ายจากตึกสูง แต่ไม่มีภาพในแนวราบ จึงไม่แน่ใจว่าคดีจะคืบหน้าได้มากแค่ไหน แต่ก็อยากให้คนที่เห็นช่วยมาเป็นพยานให้ด้วย เพราะผ่านมา 3 ปี จนจะเข้าปีที่ 4 แล้ว อยากให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าเร็วๆ เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็จะยอมรับ แต่ขอให้ทุกอย่างดำเนินการไปด้วยความเป็นธรรม และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้านนายสิงหา วงษ์มณี พ่อเลี้ยงของนายยุทธนา ทองเจริญพูลพร อายุ 23 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 กล่าวว่าเสียใจมาตลอด ส่วนแม่เขาเมื่อทราบข่าวก็ช็อกจนเป็นลมไป ช่วงที่ตนเคยเข้าไปคลุกคลีกับผู้ชุมนุมประมาณ 10 กว่าวัน ก็ไม่เห็นว่ามีอาวุธ เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา แต่ไม่ได้อยู่ขณะเกิดเหตุ มีเพียงผู้ชุมนุมบอกว่ากระสุนมาจากเจ้าหน้าที่ หลังเกิดเหตุก็พยายามจะหาพยานไปให้ปากคำ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ

"ผมอยากได้ตัวคนผิดมาลงโทษ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานว่าต่อไปจะไม่มีใครทำแบบนี้ได้อีก ทราบว่ามีหลายคดีที่มีคำสั่งไปแล้ว หากสามารถชี้ชัดได้ประมาณ 30 ศพ ก็น่าเชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของคนกลุ่มเดียวกัน ผมอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยสอบสวนด้วยความ เป็นธรรม" นายสิงหากล่าว

ขณะที่นางกรทอง สิริกุลวาณิชย์ ภรรยานายอนันต์ สิริกุลวาณิชย์ อายุ 54 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณแยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 กล่าวว่าดีใจมากที่คดีเข้าสู่การสอบสวน เพราะเวลาผ่านมานานกว่า 3 ปีแล้ว อยากให้หาคนผิดให้ได้ ไม่ใช่ว่าตายแล้วไม่รู้ว่าใครเป็นผู้กระทำ ทั้งตนและสามีไม่ได้เป็นผู้ชุมนุม แต่สามีไปทำงานต้องผ่านบริเวณนั้นทุกวัน วันเกิดเหตุ สามียังไม่กลับบ้าน จึงนั่งรถจักรยานยนต์ออกตามหา ก็เห็นเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณแยกคอกวัว จึงไม่กล้าเข้าไปและเดินทางกลับบ้าน กระทั่งทราบข่าวสามีถูกยิงเสียชีวิต อยากขอความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่สูญเสียด้วย