7 ปี รัฐประหาร 19 กันยา 49 ความพินาศย่อยยับของประชาธิปไตย :น.พ.เหวง โตจิราการ

Facebook น.พ.เหวง โตจิราการ


7ปี รัฐประหาร 19 กันยา 49
ความพินาศย่อยยับของประชาธิปไตย การคืนชีพของปีศาจอำมาตยาธิปไตยอันเนื่องมาจาก รัฐประหาร49โดยตรง

รัฐประหาร17กันยายน49 ไม่ใช่สิ่งบังเอิญ ไม่ใช่"ฤทธิ์เดชของพลเอกสนธิ บุณยรัตนกรินทร์"
คงจำได้ว่าเมื่อเสธหนั่นถามสนธิบังตรงๆว่า "ใครอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร?"

สนธิบังตอบว่า "บางเรื่องแม้ตายก็ยังตอบไม่ได้"แม้นฟังดูว่าไม่ใช่คำตอบ หรือไม่มีคำตอบ
แต่การตอบปฏิเสธเช่นนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้สาธารชนคิดกันเองต่อไปได้ว่า "ใครอยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร" วิญญูชนทั้งหลายยิ่งกระจ่างชัดมากขึ้นว่า "ใครกันแน่อยู่เบื้องหลังรัฐประหาร"
คำตอบไม่ได้ลอยอยู่ในสายลมดอกครับ แต่กาลเวลาจะเป็นผู้ให้คำตอบนี้เอง

การทำรัฐประหาร 19กันยา49 นั้นเพราะกลุ่มอำมาตยาธิปไตย ต้องการบังคับบงการให้ประเทศไทย เป็นรัฐอำมาตยาธิปไตยที่เข้มแข็งใหญ่โตที่ีสุดของโลกยุคปัจจุบัน

ภายหลังรัฐประหาร 49 พวกเขาจึงดำเนินการทำลาย "โครงสร้างประชาธิปไตย"ทุกอย่างลงอย่างสิ้นเชิง
โดยเริ่มต้นที่รัฐธรรมนูญ โดยการยกเลิกรัฐธรรมนูญ40
แล้วก็เนรมิตโครงสร้างระบบอำมาตย์เข้ามาแทนที่ ในรัฐธรรมนูญ2550

โดยการรับรองว่าการรัฐประหารถูกต้องชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ 50 ตั้งแต่อดีต ตราบปัจจุบัน และคุ้มครองยาวนานไปในอนาคต ประมวลอาญามาตรา113กลายเป็นสิ่งไร้ค่าสิ้นเชิง
(ไม่รู้ว่า ยังคงดำรงไว้ทำไม?)

สว.กึ่งหนึ่งมาจากการ "ลากตั้ง" ซึ่งมีไว้เพื่อทำลาย "นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย" ในขณะเดียวกันก็เป็นการ

"ปกป้องคุ้มครอง นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงที่ยืนอยู่ข้างอำมาตย์"

ในขณะเดียวกัน ก็ สร้างองค์กรอิสระ ที่เป็นเครื่องมือของพวกเขา ในการปกป้องรักษาโครงสร้างอำนาจของอำมาตย์และทำลายฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเด็ดขาดและเฉียบพลัน พร้อมกันนั้น พวกอำมาตย์ก็เปลี่ยน โครงสร้างการบังคับบัญชาในกองทัพให้อยู่ในอำนาจของเขาเท่านั้น
ตาม"ระเบียบข้าราชการทหารของกระทรวงกลาโหมที่กำหนดให้มีคณะกรรมเพียง7คนในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร อันได้แก่ ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ.ผบสส.ปลัดกลาโหม 5คนนี้คือกลุ่มพวกของอำมาตย์แล้ว เหลือเพียง2คือ รมต.กลาโหมและรมช.กลาโหม เท่านั้นมาจากฝ่ายพลเรือนหรือฝ่ายประชิปไตย"

ดังนั้นกองทัพจึงอยู่ในบงการของ อำมาตยาธิปไตยโดยสิ้นเชิง

สรุปให้สั้น ก็คือ อำนาจกองกำลังอาวุธทั้งหมดของประเทศไทยอยู่ในมือของกลุ่มอำมาตย์
พร้อมกันนี้ อำนาจทางตุลาการส่วนใหญ่ของประเทศไทยก็อยู่ในมือของกลุ่มอำมาตย์ทั้งสิ้น
บรรลุผลเป็น รัฐอำมาตยาธิปไตยที่เข้มแข็ง ภายใต้เปลือกนอกที่เป็นประชาธิปไตย มีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้ง

ใน7ปีที่ผ่านมา ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้ต่อสู้กับพวกอำมาตย์อย่าง “ยอมตายถวายชีวิต”มาโดยตลอด เพื่อต่อต้านคัดค้านการสร้างระบอบอำมาตย์ ยกเลิกรื้อถอนระบอบอำมาตย์เพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตยกลับคืนมาใหม่

ซึ่งก็ปรากฏว่า ประชาชน ถูก จับกุมคุมขัง เป็นจำนวน หลายพัน ถูกสังหารด้วยทหารโดยใช้อาวุธสงครามจำนวนกว่าร้อยศพ  แต่มาจนถึงวันนี้

ความคืบหน้าเป็นไปอย่างเชื่องช้า ซึ่ง เกิดจากการขัดขวางทำลายล้างจากพวกอำมาตย์อย่างหนักหน่วง ประกอบกับความหวาดกลัวและความต้องการที่จะดำรงสถานภาพเป็นฝ่ายบริหารของ พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทยให้ยาวนานที่สุด”จึงทำให้การตัดสินใจทางการเมืองล้วนแต่อ่อนแอในความกล้าหาญทางหลักการทั้งสิ้น

ในวันนี้ ผมคงไม่ประสงค์ที่จะพูดให้ยืดยาว ผมจะเสนอเพียงบางเรื่อง ที่ผมเห็นว่า เป็นปมสำคัญที่สุดที่ผมใคร่ขอเสนอต่อเพื่อนๆทุกท่าน

ก็คือ ผมเห็นว่าการ “เร่งลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณีเมษา-พฤษภา53”(ซึ่งผมจะพูดสั้นๆว่าลงนามในICC)โดยด่วนที่สุด เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด
อย่างน้อยก็น่าจะดำเนินการภายในปีที่8ของการรัฐประหาร17กันยา49

เพราะผมเห็นว่า ทันทีที่ลงนามในICC ทุกอย่างก็จะตามมาโดยดุษฎีภาพ เพราะหลักการสำคัญของไอซีซี คือ “ถ้าหลักการยุติธรรมในประเทศไทย เป็นไปตามมาตรฐานสากลของหลักนิติรัฐ นิติธรรม
ไอซีซีก็จะไม่ยื่นมือเข้ามา แต่หากเป็นไปในทางตรงข้ามคือ ประเทศไทย ไม่มีมาตรฐานในอำนาจยุติธรรม ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรมทางสากลแล้วละก็ไอซีซี ก็สามารถจะยื่นมือเข้ามาได้”

โดยผมจะขออธิบายว่า การลงนามในไอซีซี จะเกิดผลดีต่อการสร้างประชาธิปไตยของประเทศไทยอย่างไร เป็นข้อๆดังนี้

1.การรัฐประหารด้วยอาวุธ ไม่อาจจะทำได้อีกต่อไปแล้ว เพราะพวกทำรัฐประหารด้วยอาวุธไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ประชาชนไทยสามารถที่จะเรียกร้องให้ไอซีซียื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องทันทีซึ่งต่างโดยสิ้นเชิงจาก “หลักการทางนิติศาสตร์ในประเทศไทย” ที่กล่าวไว้ว่า “รัฐประหารที่ชนะเป็นรัฏฐาธิปัตย์”

2.การนิรโทษกรรมอย่างมีการจำแนกแยกแยะ
กล่าวคือประชาชนที่ กระทำความผิดทางอาญาอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองจะได้รับการนิรโทษกรรมแต่ฝ่ายนำที่กระทำการสังหาร ทำร้าย หรือจับคุมคุมขังประชาชน จะไม่สามารถได้รับการนิรโทษเพราะผู้สั่งฆ่าประชาชนด้วยทหารที่ใช้อาวุธสงคราม ประชาชนสามารถที่จะส่งไปดำเนินคดีที่ไอซีซีครับ

3.การดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรมสากล เช่นการยังคงองค์กรอิสระทั้งหลาย หรือกระทั่ง องค์กรทางด้านตุลาการ ที่พิทักษ์รักษา “อาชญากรรมทำลายล้างมนุษยชาติ”(ในความหมายที่รัฐบาลใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธสงครามสังหารประชาชนสองมือเปล่าอย่างกว้างขวางด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต)ย่อมทำไม่ได้ไม่เช่นนั้น ประชาชนสามารถร้องขอความเป็นธรรมไปยังไอซีซี ได้ตลอดเวลาที่เกิด “อาชญากรรมทำลายล้างมนุษยชาติ”ขึ้นในประเทศไทย

4.ฆาตกรที่สั่งฆ่าประชาชน เมื่อเมษา-พฤษภา53 ก็ต้องได้รับการพิจารณาคดีใน ศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะนปช.แดงทั้งแผ่นดินได้ยื่นเรื่องไว้ที่ไอซีซี และไอซีซีก็ได้รับเรื่องไว้ในสำนวนแล้ว
และชตากรรมของผู้สังฆ่าก็ต้องได้รับการตอบสนองตามหลักนิติรัฐนิติธรรมในเวลาไม่นานนัก

ครบ 7 ปีรัฐประหาร ในวันนี้ หากเพื่อนๆถามผมว่า “ถ้าให้คุณเลือกอะไรได้เพียงหนึ่งอย่างเพื่อประเทศไทยเรา ในวันนี้ คุณจะเลือกอะไร?”

ผมจะตอบโดยไม่ลังเลเลยว่า

“ผมต้องการ ให้ประเทศไทย ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณี เมษา-พฤษภาปี53”ครับ

เพื่อนๆคิดอย่างไร กรุณาแจ้งให้ผมทราบด้วยครับ

นพ.เหวง โตจิราการ 19 กันยายน 2556 12.30น.