ญาติเหยื่อปืน53 ดีใจคืบอีก28ศพ

ข่าวสด 6 กันยายน 2556


พ่อแม่พี่น้องเหยื่อปืนปราบม็อบปี"53 ดีใจ คืบหน้าอีก 28 ศพดีเอสไอส่งให้ตำรวจสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม สงสัยตายด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ครวญรอคอยมา 3 ปีแล้ว อยากรู้ตายเพราะอะไร ใครเป็นคนทำ อยากให้ "คนสั่งการ" เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว รองอธิบดีดีเอสไอจะทยอยส่งชุดแรกก่อน 10 สำนวน ขณะที่บช.น.ก็พร้อมรับเอาสำนวนไปดำเนินการตามขั้นตอน 

จากกรณีพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 99 ศพ ในเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 จะส่งสำนวนคดีอีก 28 สำนวน ไปให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล สอบสวนและหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ทั้ง 28 ศพเสียชีวิตจากการ กระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยจำแนกเป็นกลุ่มที่เสียชีวิตบริเวณแยกคอกวัว ซอยรางน้ำ ราชปรารภ ถนนพระราม 4 และย่านบ่อนไก่ ในจำนวนนี้มีนายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ อายุ 17 ปี นักกิจกรรมทางสังคม ที่ถูก สไนเปอร์ยิงเสียชีวิตบริเวณซอยรางน้ำ รวมอยู่ด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อวันที่ 5 ก.ย. พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่าภายใน 2 สัปดาห์นับจากนี้ จะทยอยส่ง 28 สำนวน ให้บช.น.สอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยชุดแรกจะส่งไปให้ก่อน 10 ศพ 10 สำนวน ส่วนการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของกลุ่มทหาร ที่มี พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสธ.พล.ร.2รอ. รวมอยู่ด้วยนั้น พนักงานสอบสวนทยอยสอบปากคำกลุ่มทหารไปมากแล้วพอสมควร แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะยังเหลือพยานอีกหลายปาก จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสรุปเสร็จเมื่อไหร่ แต่จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด

ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. กล่าวว่าได้รับประสานงานจาก พ.ต.ท.วรรณพงษ์ ว่าจะจัดกลุ่มสำนวนส่งมาให้ โดยแบ่งตามสถานที่เกิดเหตุ 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 บริเวณถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา กลุ่มที่ 2 บริเวณซอยรางน้ำ เขตพญาไท ทั้ง 2 พื้นที่อยู่ในความรับผิดชอบของบก.น.1 กลุ่มที่ 3 บริเวณแยกราชประสงค์ และกลุ่มที่ 4 บริเวณถนนพระราม 4 บ่อนไก่ เป็นพื้นที่รับผิดชอบของบก.น.5 แต่หากนำศพผู้เสียชีวิตส่งไปยังร.พ.ตำรวจ หรือร.พ.จุฬาลงกรณ์ ก็จะอยู่ในความรับผิดชอบของบก.น.6

รองผบช.น.กล่าวต่อว่า จากนี้ไปจะเสนอ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พิจารณาจัดตั้งคณะพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการ เพื่อจะได้อำนาจสอบสวน แต่ต้องรอข้อมูลจากดีเอสไอเสียก่อน จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวได้ เพื่อสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามแต่ละสำนวนที่ส่งมาให้ 

วันเดียวกัน นายพงศกร เลื่อนไธสง อายุ 56 ปี บิดานายเกรียงไกร เลื่อนไธสง อายุ 25 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าร้านทองฉัตรทองเยาวราช ถนนพระราม 4 เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2553 เป็นหนึ่งใน 28 ศพที่ดีเอสไอจะส่งให้สอบสวนเพิ่มเติม กล่าวว่ายังเสียใจกับการที่ต้องสูญเสียลูกชาย ซึ่งเป็นคนขยันขันแข็ง ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว คอยส่งเงินมาช่วยเหลือทางบ้านอยู่ตลอดเวลา เมื่อเสียชีวิตทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แม้เวลาจะผ่านมากว่า 3 ปีก็ยังอยากรู้ว่าใครเป็นคนยิงลูกชาย 

"ดีใจที่จะสืบสวนหาสาเหตุการตายของลูกชายว่าตายเพราะใคร และเพราะอะไร พี่ชายเขาเล่าให้ฟังว่าน้องชายเข้าไปช่วยผู้ชุมนุมที่ถูกยิงจนโดนลูกหลงถูกยิงจนเสียชีวิต ผมเชื่อว่าคนที่ยิงลูกชายคงไม่ใช่ผู้ชุมนุม เพราะพวกเดียวกันคงไม่ยิงกันเองอย่างแน่นอน การที่เรื่องคดีของลูกชายมีความคืบหน้าในกระบวนการยุติธรรมถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะอยากให้มีการลงโทษคนที่ทำ หรือสั่งการให้ใช้กระสุนจริงจนลูกชายต้องเสียชีวิต" พ่อ ผู้สูญเสียชีวิตกล่าว

ส่วนนางจุมพร เพชรเมือง มารดานาย วารินทร์ วงศ์สนิท อายุ 28 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันปตท. ถนนพระราม 4 เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2553 กล่าวว่าตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ ผ่านมา 3 ปี คดีก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่ก็ดีใจที่คดีเข้าสู่ชั้นสอบสวนแล้ว เพราะอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำ ทั้งที่ลูกชายไม่ได้เป็นผู้ชุมนุม หลังจากเกิดเหตุ มีเพื่อนลูกชายมาเล่าให้ฟังว่ามีคนชวนลูกชายเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ แต่เพื่อนเห็นเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ ก็บอกลูกชายว่าอย่าเข้าไป เดี๋ยวจะโดนลูกหลง ลูกชายก็บอกว่าไม่ยิงหรอก เพราะไม่ได้ไปร่วมชุมนุม

"พอทราบข่าวว่าลูกชายเสียชีวิต ตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเสียใจมาก อยากให้ เจ้าหน้าที่หาตัวผู้สั่งการและผู้กระทำให้ได้ และขอให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าเร็วๆ" แม่เหยื่อปืนกล่าว

ขณะที่นายสมบูรณ์ กลัดสุข พี่ชายนาย ธวัฒนะชัย กลัดสุข ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 กล่าวว่าดีใจมากที่คดีเข้าสู่กระบวนการสอบสวน เพราะเราถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่น้องชายมีแต่มือเปล่า ไม่มีอาวุธอะไรเลย ทำไมต้องยิงกัน 

"คุณฆ่าน้องผมก็เหมือนกับฆ่าแม่ผมไปด้วย เพราะแม่เสียใจมาตลอด กลายเป็นคนซึมเศร้า และยังเก็บรูปน้องชายไว้ ทุกวันก็จะจุดธูปเอาข้าวให้กินทั้งเช้า กลางวัน และเย็น เราอยากได้รับความเป็นธรรม ขอให้เจ้าหน้าที่ดูแลคดีให้คืบหน้าเร็วๆ เพราะรู้สึกว่ากระบวนการทุกอย่างช้าไป แม้เราจะได้รับเงินเยียวยามา ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น จากปกติในช่วงเทศกาล ก็จะฉลองกันที่บ้าน แล้ววันหนึ่งน้องของผมหายไป คิดว่าครอบครัวเราจะรู้สึกอย่างไร คนที่ไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่รู้" นายสมบูรณ์กล่าว