แถลงข่าว นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ประจำวันพุธ ที่ 18 กันยายน 2556



ทีมข่าว นปช.
18 กันยายน 2556

วันนี้เวลา 13.00 น. เริ่มการแถลงข่าว นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ประจำวันพุธที่ 18 กันยายน 2556 ที่อิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว ชั้น 5 คุณธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกประจำ นปช. ได้เริ่มการแถลงโดยการกล่าวถึง สถานการณ์ทั้งในและนอกรัฐสภา ที่ดูจะไม่ค่อยน่าไว้วางใจนัก โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่ยังอยู่เป็นกลาง ๆ ก็เริ่มที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายสภา นอกสภานั้นก็มีความวุ่นวายในภาคใต้ มีการปิดถนน เผารถตำรวจ พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งมาเกือบร่วม 20 ปี ก็หาทางที่จะชนะฝ่ายตรงข้าม ก็สบโอกาสเมื่อ 19 กันยายน 2549 ตอนที่มีการรัฐประหาร ทหารเข้ามายึดอำนาจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจากค่ายทหาร หากว่าบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย มีกฎเกณฑ์กติกา มีรัฐธรรมนูญ มีกฎหมายที่เป็นธรรม พรรคประชาธิปัตย์โอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งก็ยังไม่มีหนทาง เพราะฉะนั้นประชาธิปัตย์ต้องทำทุกอย่าง ทั้งในและนอกสภาเพื่อขัดขวาง ทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติต่าง ๆ ที่จะนำเงินทำทองมาพัฒนาบริหารประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะขวางอยู่ทุกเรื่อง

ในสภาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว. ที่เพิ่งผ่านวาระสองไปนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้เห็นด้วยกับการที่จะให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง แต่ประชาธิปัตย์รวมหัวกับกลุ่ม 40 ส.ว.สรรหา ก็คัดค้านอยู่ตลอด คุณธนาวุฒิ จึงสรุปให้ประชาธิปัตย์ว่า ประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับรัฐสภาแล้ว จึงสร้างความปั่นป่วนได้ทั้งในและนอกสภา เพื่อจะหาโอกาสให้ตัวเองกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง

คุณธนาวุฒิ ยังได้กล่าวถึงตัวหัวหน้าของพรรคประชาธิปัตย์  คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าทั้งที่เป็นผู้ดี เป็นถึงนักเรียนนอก มีเงินมีทองร่ำรวย แต่กลับมีวาจาที่หยาบคายต่อผู้หญิง แต่คุณธนาวุฒิ นั้นเชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม ว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์เคยสลายการชุมนุม ทำให้มีคนบาดเจ็บและล้มตาย จนทำให้นับตั้งแต่นั้นมา นายอภิสิทธิ์ จึงถูกวิญญาณวีรชนไล่บี้จนกลายเป็นมีพฤติกรรมอย่างที่เป็นอยู่ หลายคนจึงบอกว่า "เป็นบ้าไปแล้ว"  "สติแตกไปแล้ว"  และ "คลุ้มคลั่งไปแล้ว"  นี่เป็นบาปกรรมที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เคยได้กระทำต่อประชาชนจากการปราบและสลายการชุมนุม

สถานการณ์ในสภาจึงมีการปลุกปั่นเพื่อให้เกิดความเชื่อว่าไม่สามารถเดินหน้าไปได้
สถานการณ์นอกสภานั้น ก็ปลุกม็อบไม่ขึ้นที่จะให้ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ จะเลือกประชาธิปัตย์ แต่ประชาชนคนกรุงเทพ ก็เป็นคนมีการศึกษา เขาย่อมรู้ว่าถ้าล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สุดท้ายก็จะได้รัฐบาลที่มาจากเผด็จการอีกนั่นเอง
ในภาคใต้นั่น คุณธนาวุฒิ เล่าว่าคนที่มีสวนยางจริง ๆ แล้วเดือดร้อนจริง ๆ รัฐบาลก็ได้ช่วยเหลือดูแลจริง ๆ แล้ว คนที่มีสวนยางเขารับได้ในการเยียวยาของรัฐบาล แต่บางคนก็จ้องจะสร้างความวุ่นวาย ความปั่นป่วน ให้มันเกิดอนาธิปไตยที่ไม่ยอมรับกฎหมาย เขาต้องการแบบนั้น เพื่อให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศอย่างยากลำบาก สิ่งนี้คือปัญหาของรัฐบาลที่จะตามมาในภายภาคหน้า คุณธนาวุฒิ ได้ฝากบอกรัฐบาลว่า ปัญหาเรื่องราคายาง การเยียวยา การประชาสัมพันธ์ของฝ่ายหน่วยงานของรัฐ จะต้องถึงหูพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด ต้องอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ หาวิธีการเจรจาเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลาย

ส่วนวันที่ 21 ที่จะถึงนี้จะมีเวทีปราศรัยของคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่โรงเรียนวัดดอกไม้ ตั้งแต่ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป

นปช.แดงทั้งแผ่นดิน หลังจากฤดูฝนแล้วก็จะมีนัดประชุมแกนนำระดับภาค พร้อม ๆ กับปราศรัยทั่วทุกภูมิภาค ส่วนโรงเรียน นปช.ในวันที่ 22 ที่จะถึงนี้ที่ เชียงใหม่ อำเภอจอมทอง คนจะประมาณ 3,700 คน และวันที่ 29 เป็นที่ อำเภอดอยสะเก็ด

อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดินได้แถลงถึงวาระ 7 ปีของการทำรัฐประหาร
โดย อ.ธิดา กล่าวว่า "เนื่องจากในโอกาสวันที่ 19 นี้ นปช.ไม่ได้จัดเวทีใหญ่ ไม่ได้มีการจัดงานใหญ่ ส่วนมากในขณะนี้เราจะจัดเป็นเวทีย่อย ไม่ว่าจะในกรุงเทพหรือต่างจังหวัด แล้วแกนนำก็แยกย้ายกันไปพูดคุย เพราะว่าการจัดเวทีใหญ่ในช่วงเวลานี้ยังมีความไม่สอดคล้องกับสถานการณ์อยู่จำนวนหนึ่ง เพราะว่ามันมีม็อบแปลก ๆ ม็อบกวน ๆ ม็อบที่พยายามจะสร้างเรื่องราวที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะฉะนั้นเราเป็นประชาชนที่มีวุฒิภาวะ ดังนั้นเราจึงขออยู่กัน ณ ที่ตั้ง ตั้งวงเสวนาแล้วก็พูดคุยกัน เพราะว่าเรายังไม่อยากให้มีการสร้างสถานการณ์และมีการเผชิญหน้ากัน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเสื้อแดงลืมการรัฐประหาร 7 ปีมานี้ เพราะมันร้าวลึกบาดหัวใจคนเสื้อแดงอยู่ตลอดเวลาทุกคน"

"รัฐประหาร 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายยับเยินไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนในทางความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน ความเสียหายใหญ่หลวงอันนี้ ถามว่าใครจะชดเชย? ขณะนี้พวกทำรัฐประหารส่วนหนึ่งก็ขอมาเป็นโต้โผในการทำปรองดอง แต่ถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทย 7 ปีที่ผ่านมารวมทั้งก่อนหน้านั้น เหตุผลเพราะว่าการทำรัฐประหารเกิดขึ้นลอย ๆ ไม่ได้ อยู่ดี ๆ จะเอารถถังออกมาไม่ได้ จำเป็นต้องมีการสร้างสถานการณ์ก่อน และการสร้างสถานการณ์อันนั้นสร้างวาทะกรรมและความเกลียดชังขึ้นในประเทศ จนสามารถอ้างเป็นเหตุผล ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอว่าจะมีประชาชนสองพวกฆ่ากัน ตอนนั้นในปี พ.ศ.2549 มันยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาก มีฝั่งเดียวที่ประดิษฐ์วาทะกรรม ในการที่จะจัดการกับคุณทักษิณและปัญหาเรื่องล้มเจ้า ทั้ง ๆ ที่ นปก.ในตอนช่วงนั้น ถ้าเอาภาพมาดูยังโพกหัวเหลืองและยังใส่เสื้อเหลืองกันเป็นแถวในช่วงเวลานั้น แม้กระทั่งภาพของคุณสายัณห์ สัญญา ที่ขึ้นเวที ก็มีคุณนิสิตยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ้ม ใส่เสื้อเหลือง คุณจักรภพ ก็โพกหัวเหลือง จตุพร ก็ยังโพกหัวสีเหลืองเลย เพราะฉะนั้นยาวนานมาจนถึงวันนี้ มันได้เริ่มต้นสร้างความบาดหมางร้าวลึกมาตั้งแต่ก่อนปี 49 และถามว่าปี 2549 การทำรัฐประหารเป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ ยังมีคนกลุ่มหนึ่ง ยังพยายามเรียกร้องให้ทหารทำรัฐประหาร ยังเรียกร้องอยู่มิวายใช่หรือเปล่าพี่น้อง? และพยายามสร้างสถานการณ์ที่จะยั่วยุให้เกิดความรุนแรง สถานการณ์ยั่วยุให้มีการปะทะกันกับคนเสื้อแดง สถานการณ์ยั่วยุให้มีการปราบปราม แล้วอ้างเป็นเหตุว่า มีความขัดแย้งและรัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ รวมทั้งสร้างเหตุการณ์เลวร้ายในรัฐสภา เพื่อให้แสดงว่ารัฐสภานั้นดำเนินต่อไปไม่ได้ คนแบบนี้ยังไม่สำนึกว่ามีความเลวร้ายและบาปกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นในประเทศไทย ในช่วงปีที่ผ่านมายังมีความพยายามจะทำอยู่ต่ออีก คนพวกนี้ยังแสดงอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้นพี่น้องเราจึงอยากจะแสดงทัศนะออกมาว่า 7 ปีที่ผ่านมานั้นเป็นความล้มเหลวของประเทศไทยและความเสียหายทั้งการเมือง ทั้งเศรษฐกิจ และทั้งสังคม บทเรียนในฝั่งระบอบอำมาตย์เราอยากจะฝากบอกไปให้รู้ว่า ท่านใช้ต้นทุนของท่านจนหมดแล้ว มากเกินไปแล้ว เกินกว่าที่ประชาชนจะรับได้ เพราะว่าที่ใช้มากเกินไป ไม่ว่าการทำรัฐประหารโดยกองทัพ การยุบพรรค หรือการทำตุลาการภิวัฒน์ นี่เป็นต้นทุนที่สูงมาก และต้นทุนนี้จะทำให้ระบอบอำมาตย์นั้นไม่ได้รับความเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นจากประชาชนไทยและในสังคมโลก เพราะในสังคมโลกนั้น เขาพูดกันทั้งหมดแล้วว่า ถ้ามีรัฐประหารในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง เป็นสิ่งซึ่งสังคมโลกรับไม่ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำรัฐประหารโดยกองทัพ หรือการทำรัฐประหารโดยตุลาการภิวัฒน์ก็ตาม ก็เป็นที่จับตาดูอยู่ของสังคมโลกตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเครดิตไม่ว่าจะเป็นการทำรัฐประหารโดยกองทัพหรือตุลาการ เป็นสปอตไลต์ที่ ๆ สังคมไทยสังคมโลกจับตาดูอยู่ และก็อยากจะเรียนว่าคนเสื้อแดงก็จ้องตาไม่กระพริบเลยในประเด็นนี้"

"บทเรียนของคนเหล่านี้ควรจะได้รู้ด้วยว่าเมื่อคุณทำรัฐประหารนั้น หลังจากนั้นคุณบริหารประเทศไม่ได้ แม้จะเอาคนดีที่หนึ่งมาเป็นนายกรัฐมนตรี และโปรดรู้ด้วยว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการทำรัฐประหารนั้น ไปที่ไหนไม่มีใครอยากจับมือหรือทักทายด้วย เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย ไม่ได้มีการลงทุน ไม่ได้มีโครงการสาธารณูปโภค ไม่มีการวางแผนระยะยาวในลักษณะยุทธศาสตร์ จนกระทั่ง ณ บัดนี้พี่น้องดูสิ ว่าผู้ผลิตเกษตรกรทั้งหลาย ก็ออกมาเรียกร้องในปัญหาราคาผลผลิต ไม่ได้มีการวางยุทธศาสตร์ภาคการผลิตหรือภาคอื่น ๆ เราจึงเห็นว่ารัฐบาลที่มารับหน้าที่ ณ บัดนี้ ต้องเผชิญปัญหาซึ่งสั่งสมมาจากการทำรัฐประหารที่ไม่ได้ทำงานวางแผนทางด้านเศรษฐกิจและสังคมแต่ประการใด สังคมไทยจึงเสียหายย่อยยับจากการทำรัฐประหารจากการทำรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน และจากนี้ไปการวางแผนที่จะทำต่อไปข้างหน้าก็ยังถูกขัดขวาง เพราะฉะนั้นขอฝากถามมายังเครือข่ายระบอบอำมาตย์ทั้งหลายว่า คุณจะเอายังไง? ขณะนี้ประเทศไทยนั้นล้าหลังไปกว่า ลาวและพม่าแล้ว ยังไม่พอใจ ยังไม่สะใจหรืออย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหรือการแข่งขันในเวทีโลก คุณชนอย่างมากก็คือพม่า หรือบางครั้งชนะประเทศลาว ซึ่งยังยากลำบากและก็มีพื้นที่จำนวนน้อยและไม่ได้ติดทะเล มีแค่นี้เพราะฉะนั้นสิ่งที่พยายามทำ แปลว่าคุณกำลังทำร้ายประเทศอย่างยับเยิน และนี่คือสิ่งที่คนไทยทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเสื้อแดงจะไม่ยอมให้เกิดการทำรัฐประหาร ไม่ว่ารูปแบบไหนอีกต่อไป เพราะคุณไม่ได้ทำร้ายเฉพาะคนเสื้อแดง คุณไม่ได้ทำร้ายเฉพาะปัญหาของครอบครัวชินวัตร และคุณไม่ได้ทำร้ายเฉพาะพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย แต่คุณกำลังทำร้ายประเทศไทย ประชาชนไทย ตลอดจนลูกหลานในอนาคต นี่จึงเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้"

"ความแตกแยกในสังคมก็เช่นกัน ยังมีคนพยายามใช้วาทกรรม เช่นบนเวที ที่สรรหามา ทั้ง ๆ ที่ท่านผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ก็จบมาจากการศึกษาของผู้ดีอังกฤษ แต่คุณมาโจมตีใช้คำหยาบคาย กับผู้นำหญิงซึ่งผ่านการเลือกตั้งของประเทศได้อย่างไร? นี่คือความพยายามที่จะสร้างวาทกรรมความเกลียดชังและยุยงให้ประชาชนนั้นเกลียดชัง อันนี้ต้องบอกได้เลยว่า มันแย่มาก ๆ คือถ้าเรียกผู้หญิงแบบนั้นได้ แล้วไม่รู้จะเรียกผู้ชายแบบนี้ว่ายังไง? ก็เรียกตามพี่น้องเราบางคนว่า "ไอ้งั่ง" คือว่าไม่ควรจะเป็นไอ้งั่งคนไหนที่ทำร้ายประเทศไทยได้อีกต่อไป อันนี้จึงขอฝากมาว่า พอกันที สิ่งที่เป็นข้อดีประการเดียวหลังจากการทำรัฐประหารก็คือ การเติบใหญ่ของประชาชนไทยและมีความเข้มแข็งของคนเสื้อแดง นี่คือผลพลอยได้ที่ดีเพียงอย่างเดียวของการทำรัฐประหาร และคนเสื้อแดงจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เพราะความเข้มแข็งของคนเสื้อแดงเท่านั้นคือหลักประกันของประเทศนี้ว่า จะสามารถก้าวหน้าและมีการเมืองการปกครองที่มีเสถียรภาพและอำนาจเป็นของประชาชน เพราะขอพูดแทนพี่น้องประชาชนไทยและคนเสื้อแดงว่า พวกเราจะไม่ยอมให้ท่านข่มขืนกระทำชำเราประเทศไทยแบบที่ผ่านมาอีกต่อไป เพราฉะนั้นสิ่งที่ท่านทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าท่านจะเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม ที่เรียนมาจากประเทศที่มีอารยะธรรมสูงก็ตามแต่ว่าประชาชนไทยทั่วไปนั้น ยอมรับไม่ได้ในสิ่งที่ทำอยู่ เพราประชาชนไทยโดยเฉพาะคนเสื้อแดง มีวุฒิภาวะมากกว่าสุภาพบุรุษที่มาจากอังกฤษซึ่งเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมแน่นอน เพราะฉะนั้นจึงขอฝากพี่น้องว่า ในวาระ 7 ปีรัฐประหาร ขอร้องให้พี่น้องอดทน นอกจากเราจะยืนยันว่าให้เดินหน้า ออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมหรือพระราชกำหนดนิรโทษกรรมให้ได้ นี่เป็นการยืนยันในข้อที่ 1 ยืนยันในข้อที่ 2 ก็คือ รัฐธรรมนูญ อันเป็นผลพวงการทำรัฐประหารในปี พ.ศ.2549 รัฐธรรมนูญนี้ต้องแก้ไขหรือไม่ก็ต้องยกเลิกไปเลย เพราะถ้าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง รัฐธรรมนูญนี้ก็อยู่ได้ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่มองเห็นว่ารัฐประหารอันนี้ไม่ถูกต้อง ก็ขอให้เราสามัคคีกันทั้งประเทศ เพื่อที่จะยืนยันในอำนาจของประชาชนด้วยว่าผลพวงการทำรัฐประหารเหล่านี้ ต้องเอาออกไปเราไม่สามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน"