ปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว! "บัณฑิต สิทธิทุม" ผู้ต้องหาคดียิงอาร์พีจี



ทีมข่าว นปช.
19 สิงหาคม 2556


วันนี้(19ส.ค.56)เมื่อเวลา 21.30 น. ที่เรือนจำพิเศษชั่วคราวหลักสี่ ได้ปล่อยตัวชั่วคราว นายบัณฑิต สิทธิทุม ผู้ต้องหาคดียิงจรวดอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหมเมื่อปี 2553 ซึ่งทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมาศาลอุทธรณ์ได้มีการกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง เนื่องจากหลักฐานอ่อนและพยานให้การขัดแย้งกันเอง (รายละเอียดศาลอุทธรณ์)

แต่เนื่องจากทางอัยการได้ยื่นดำเนินคดีในชั้นศาลฎีกาต่อ ทางทนายความต้องจึงอาศัยหลักทรัพย์จำนวน 1 ล้านบาทยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยได้พยายามยื่นขอต่อศาลมาโดยตลอด จนมีการปล่อยตัวชั่วคราวนายบัณฑิตในวันนี้


โดยอ.ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานนปช. กล่าวว่าการยกฟ้องคดีดังกล่าว จนถึงการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในวันนี้ เป็นนิมิตหมายอันดี ที่จะยุติข้อกล่าวหาของฝ่ายต่อต้าน นปช. ซึ่งกล่าวหาอย่างเกินเลย ว่ามีการยิงจรวดใส่วัดพระแก้ว ไม่เป็นความจริงอีกต่อไป และเชื่อว่าในชั้นศาลฎีกา จะมีการให้ความเป็นธรรมในลักษณะเดียวกัน


 




ประธานนปช.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ คดีดังกล่าวยังชี้ให้เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องนิรโทษกรรมให้แก่นักโทษการเมืองที่เป็นประชาชน เพราะคดีทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ ล้วนแต่มีหลักฐานที่อ่อนในลักษณะเดียวกัน และเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองทั้งสิ้น แม้บางส่วนจะไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมก็ตาม


 
 เจ้าหน้าที่นำหมายปล่อยมาถึงในเวลา 21.00 น.เข้าไปรับตัวจากที่คุมขัง

 


 

 ก้าวแรกสู่อิสระภาพ




อ.ธิดา และนพ.เหวง มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นและให้กำลังใจ

 

โดยนายบัณฑิต ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำในเวลาประมาณ 21.30 นาที ท่ามกลางญาติและกลุ่มคนเสื้อแดงที่มารอรับด้วยความอบอุ่น ซึ่งนายบัณฑิตกล่าวว่าตนเองรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ศาลให้ความเป็นธรรมยกฟ้อง และเชื่อว่าศาลฎีกาจะให้ความเมตตาเช่นกัน


ทั้งนี้นายบัณฑิต ยังได้กล่าวถึงการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการแปรญัตติในรัฐสภาขณะนี้ ว่าอยากให้กลุ่มคนที่คัดค้าน เห็นแก่ความสงบสุขของบ้านเมือง และประชาชนที่ต้องตกเป็นเหยื่อจากความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ ส่วนเพื่อนนักโทษที่เหลือที่อยู่ในเรือนจำขณะนี้ ตนอยากมีการให้ปล่อยตัวชั่วคราวในขั้นต้นเช่นกัน ระหว่างที่กำลังรอให้การออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเสร็จสิ้นขั้นตอน
 

ไหว้ศาลที่เรือนจำก่อนเดินทางกลับพร้อมครอบครัว