1 พรรค 3 กลุ่ม เขย่ารัฐบาล โฉมหน้าพันธมิตรร่วมต้าน "ระบอบทักษิณ"

ประชาชาติธุรกิจ
23 สิงหาคม 2556
 ดูเหมือนว่าเวลานี้ จังหวะก้าวทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะโดดเด่น-ร้อนแรง แซงกระแสปฏิรูปการเมืองของ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไปเสียแล้ว

หลังผ่านศึก "ค้านสุดซอย" ในร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ทั้งนิรโทษกรรม-งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ยิ่งทำให้ทิศทางเป้าหมายของ ปชป.ชัดเจนยิ่งขึ้น

เพราะรู้ดีว่าแนวทางต่อสู้ในสภามิอาจเอาชนะฝ่ายรัฐบาล ในฐานะ "เสียงข้างน้อย" จึงใช้โอกาสบนเวทีเก็บแต้ม-บ่มอารมณ์แนวร่วม เพื่อรอวันเป่านกหวีดสู่ท้องถนน

ดังเหตุได้จาก 2 วาระในสภาตลอด 15 วันที่ผ่านมา ถูกกำหนดแผนให้ยื้อ ลาก ดึงทุกจังหวะสำคัญของรัฐบาล

เริ่มตั้งแต่วาระนิรโทษกรรมที่กองทัพพรรคสีฟ้าใช้ทุกกระบวนท่าเพื่อประวิงเวลานานกว่า 7 ชั่วโมง ก่อนที่สภาจะสามารถเริ่มพิจารณาตามปกติ

ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 ดูเหมือนจะเป็นของง่าย ๆ แต่สุดท้ายฟากรัฐบาลกลับพลาดท่าเสียทีแก่แนวค้านของ ปชป. กระทั่งต้องกลับมาพิจารณากันต่ออีก 18 มาตราที่เหลือในวันที่ 23 สิงหาคมนี้

ซึ่งยังมีอีกหลายกระทรวงรอวันถูกชำแหละ ทั้งในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม งบฯคอมพิวเตอร์แท็บเลตของกระทรวงศึกษาธิการ หรือแม้กระทั่งงบฯรัฐสภา ที่ปรากฏข่าวความไม่ชอบมาพากลในการใช้งบฯปรับปรุง-ซ่อมบำรุง

ยังไม่นับรวมศึกสำคัญในวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา 3 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านบาทที่ "พรรคสีฟ้า" หมายมั่นว่าจะเปิดจุดตายของรัฐบาลให้เพิ่มขึ้น

และแน่นอนว่า พลันที่ร่างกฎหมายฉบับใดก็ตาม หลุดรอดผ่านการพิจารณาทั้ง 3 วาระ ทีมกฎหมาย ปชป.ก็เตรียมข้อมูล-ประเด็นยื่นร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความร่างกฎหมายต่ออีกยกทันที

ขณะเดียวกันอีกฟากที่การเมืองริมถนน ก็ปรากฏแนวร่วมมวลชนที่พร้อมจะโหนกระแส ปชป. ออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล โดยอิงกระแสค้าน "ระบอบทักษิณ" เป็นจุดร่วมเดียวกัน

โดยกองกำลังหลัก 3 กลุ่มเวลานี้ เริ่มปรากฏตัวและกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้น

กลุ่มที่หนึ่ง กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่นำโดยกลุ่มทหารแก่-รุ่นเก๋า อาทิ น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี

โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านการปรากฏตัวบนเวทีที่สวนลุมพินีของ "คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช" ประธาน ส.ส.ปชป. อาจเป็นสิ่งยืนยันแล้วว่า ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมที่จะจับมือต่อสู้ในแนวรบเดียวกัน

นอกจากนั้น กปท.ยังได้กำหนดตารางเดินสายอย่างแน่นขนัด เพื่อเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้

โดยวันที่ 20 ส.ค.จะเคลื่อนขบวนไปยังพื้นที่เศรษฐกิจย่านสีลม เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ วันที่ 21 ส.ค.จะเคลื่อนที่ไปศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้กำลังใจคณะตุลาการ

ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่วันที่ 22 ส.ค. ไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือดำเนินคดีกับ "ยิ่งลักษณ์"

ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หลังไม่เอาผิดนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ใช้ถ้อยคำทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในเรื่องประมุขของชาติและปิดท้ายในวันที่ 23 ส.ค. จะเดินทางไปกองทัพไทย เพื่อยื่นหนังสือขอให้กองทัพปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 เพื่อปกป้องประเทศชาติต่อไป

ขณะที่กลุ่มที่สองเป็นเครือข่ายที่ถูกขยายผลจากโลกออนไลน์สู่ท้องถนนในนาม "หน้ากากขาว" หรือกลุ่ม V For Thailand เป็นหนึ่งในกลุ่มที่วงประชุม ปชป.เสนอให้ผูกมิตรไว้ด้วยเช่นกัน

แม้ "หน้ากากขาว" ที่มาชุมนุมเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่ตัวเลขมวลชนบนท้องถนนทั่วประเทศกลับอยู่ที่หลักพัน สวนทางกลับตัวเลขบนโลกออนไลน์ที่มีคนรวมกลุ่มกว่า 1 แสนคนในเวลานี้

โดย ปชป.หวังใช้ชุมชนออนไลน์บวกความชำนาญของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในสังกัด "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" เพื่อต่อสาย-สานสัมพันธ์เป็นแนวร่วมรบเปิดเผยข้อมูล ปลุกกระแสต่อต้านบนโลกโซเชียลมีเดียให้เกิดขึ้น

และล่าสุด "หน้ากากขาว" ก็ได้ประกาศแถลงการณ์ยืนยันแล้วว่า พร้อมจะออกมาชุมนุมร่วมกับทุกกลุ่ม ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันคือ ล้มล้าง "ระบอบทักษิณ"

กลุ่มที่สาม คือ แนวรบที่ถือเป็นกำลังหลักจาก "กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" (พธม.) ที่ล่าสุดพลพรรคสีฟ้าได้เคลื่อนขบวนเข้าสนทนาหารือเป็นที่เรียบร้อยหลังเคยหารือกันในทางลับมาแล้วหนึ่งครั้ง การพบกันหนนี้ที่ฝ่าย ปชป. นำโดยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และนายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ถือเป็นอดีตแกนนำ พธม. จึงเป็นไปอย่างราบรื่น และมีสัญญาณที่ดีตอบสนองเช่นเดียวกัน

แม้ข้อเสนอ-ข้อเรียกร้องระหว่าง 2 ฝ่ายยังถูกปิดเป็นความลับ แต่ทว่าจุดร่วมสำคัญที่อยู่ในการเคลื่อนไหว ทั้ง ปชป.และคนเสื้อเหลือง คือต้องการต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมที่มีเงื่อนไขผิดแผกแปลกธรรมชาติ เงื่อนไขที่ถูกกำชับร่วมกันถึงขั้นตอนการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ ขอให้ ปชป.ให้น้ำหนักพิจารณาคัดค้าน เรียงลำดับความสำคัญจากคดีมาตรา 112 คดีอาญาฆ่าคน จนถึงวางเพลิงเผาทรัพย์

เมื่อตัวละครแนวร่วมของฝ่ายค้านเริ่มปรากฏตัว ทิศทางการต่อต้านรัฐบาลเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ๆทั้งฝ่ายค้าน ปชป. กลุ่มทหารแก่ หน้ากากขาว และกองกำลังหลักจาก พธม. ซึ่งต่างก็เป็นไม้เบื่อ-ไม้เมาของรัฐบาลตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

จึงเป็นที่จับตาว่าทางฟากรัฐบาล จะปรับทัพ ขยับทิศทางการเคลื่อนไหวอย่างไร หรือยังคงมุ่งเดินหน้าในลู่ทางปฏิรูปการเมืองเพียงอย่างเดียว

ดูเหมือนว่าเวลานี้ จังหวะก้าวทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะโดดเด่น-ร้อนแรง แซงกระแสปฏิรูปการเมืองของ "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไปเสียแล้ว

หลัง ผ่านศึก "ค้านสุดซอย" ในร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ทั้งนิรโทษกรรม-งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ยิ่งทำให้ทิศทางเป้าหมายของ ปชป.ชัดเจนยิ่งขึ้น

เพราะ รู้ดีว่าแนวทางต่อสู้ในสภามิอาจเอาชนะฝ่ายรัฐบาล ในฐานะ "เสียงข้างน้อย" จึงใช้โอกาสบนเวทีเก็บแต้ม-บ่มอารมณ์แนวร่วม เพื่อรอวันเป่านกหวีดสู่ท้องถนน

ดังเหตุได้จาก 2 วาระในสภาตลอด 15 วันที่ผ่านมา ถูกกำหนดแผนให้ยื้อ ลาก ดึงทุกจังหวะสำคัญของรัฐบาล

เริ่ม ตั้งแต่วาระนิรโทษกรรมที่กองทัพพรรคสีฟ้าใช้ทุกกระบวนท่าเพื่อประวิงเวลา นานกว่า 7 ชั่วโมง ก่อนที่สภาจะสามารถเริ่มพิจารณาตามปกติ

ขณะ ที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2557 ดูเหมือนจะเป็นของง่าย ๆ แต่สุดท้ายฟากรัฐบาลกลับพลาดท่าเสียทีแก่แนวค้านของ ปชป. กระทั่งต้องกลับมาพิจารณากันต่ออีก 18 มาตราที่เหลือในวันที่ 23 สิงหาคมนี้

ซึ่ง ยังมีอีกหลายกระทรวงรอวันถูกชำแหละ ทั้งในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม งบฯคอมพิวเตอร์แท็บเลตของกระทรวงศึกษาธิการ หรือแม้กระทั่งงบฯรัฐสภา ที่ปรากฏข่าวความไม่ชอบมาพากลในการใช้งบฯปรับปรุง-ซ่อมบำรุง

ยัง ไม่นับรวมศึกสำคัญในวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา 3 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2 ล้านล้านบาทที่ "พรรคสีฟ้า" หมายมั่นว่าจะเปิดจุดตายของรัฐบาลให้เพิ่มขึ้น

และ แน่นอนว่า พลันที่ร่างกฎหมายฉบับใดก็ตาม หลุดรอดผ่านการพิจารณาทั้ง 3 วาระ ทีมกฎหมาย ปชป.ก็เตรียมข้อมูล-ประเด็นยื่นร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความร่าง กฎหมายต่ออีกยกทันที

ขณะเดียวกันอีกฟากที่การเมืองริมถนน ก็ปรากฏแนวร่วมมวลชนที่พร้อมจะโหนกระแส ปชป. ออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล โดยอิงกระแสค้าน "ระบอบทักษิณ" เป็นจุดร่วมเดียวกัน

โดยกองกำลังหลัก 3 กลุ่มเวลานี้ เริ่มปรากฏตัวและกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้น

กลุ่ม ที่หนึ่ง กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่นำโดยกลุ่มทหารแก่-รุ่นเก๋า อาทิ น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี

โดย ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านการปรากฏตัวบนเวทีที่สวนลุมพินีของ "คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช" ประธาน ส.ส.ปชป. อาจเป็นสิ่งยืนยันแล้วว่า ทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมที่จะจับมือต่อสู้ในแนวรบเดียวกัน

นอกจากนั้น กปท.ยังได้กำหนดตารางเดินสายอย่างแน่นขนัด เพื่อเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้

โดย วันที่ 20 ส.ค.จะเคลื่อนขบวนไปยังพื้นที่เศรษฐกิจย่านสีลม เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ วันที่ 21 ส.ค.จะเคลื่อนที่ไปศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้กำลังใจคณะตุลาการ

ไฮไลต์ สำคัญอยู่ที่วันที่ 22 ส.ค. ไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือดำเนินคดีกับ "ยิ่งลักษณ์"

ฐาน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หลังไม่เอาผิดนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ใช้ถ้อยคำทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในเรื่องประมุขของชาติและ ปิดท้ายในวันที่ 23 ส.ค. จะเดินทางไปกองทัพไทย เพื่อยื่นหนังสือขอให้กองทัพปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 เพื่อปกป้องประเทศชาติต่อไป

ขณะที่กลุ่มที่สองเป็นเครือข่ายที่ถูกขยายผลจากโลกออนไลน์สู่ท้องถนนในนาม "หน้ากากขาว" หรือกลุ่ม V For Thailand เป็นหนึ่งในกลุ่มที่วงประชุม ปชป.เสนอให้ผูกมิตรไว้ด้วยเช่นกัน

แม้ "หน้ากากขาว" ที่มาชุมนุมเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่ตัวเลขมวลชนบนท้องถนนทั่วประเทศกลับอยู่ที่หลักพัน สวนทางกลับตัวเลขบนโลกออนไลน์ที่มีคนรวมกลุ่มกว่า 1 แสนคนในเวลานี้

โดย ปชป.หวังใช้ชุมชนออนไลน์บวกความชำนาญของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในสังกัด "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" เพื่อต่อสาย-สานสัมพันธ์เป็นแนวร่วมรบเปิดเผยข้อมูล ปลุกกระแสต่อต้านบนโลกโซเชียลมีเดียให้เกิดขึ้น

และล่าสุด "หน้ากากขาว" ก็ได้ประกาศแถลงการณ์ยืนยันแล้วว่า พร้อมจะออกมาชุมนุมร่วมกับทุกกลุ่ม ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อวัตถุประสงค์เดียวกันคือ ล้มล้าง "ระบอบทักษิณ"

กลุ่ม ที่สาม คือ แนวรบที่ถือเป็นกำลังหลักจาก "กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" (พธม.) ที่ล่าสุดพลพรรคสีฟ้าได้เคลื่อนขบวนเข้าสนทนาหารือเป็นที่เรียบร้อยหลังเคยหารือกันในทางลับมาแล้วหนึ่งครั้ง การพบกันหนนี้ที่ฝ่าย ปชป. นำโดยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค และนายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ถือเป็นอดีตแกนนำ พธม. จึงเป็นไปอย่างราบรื่น และมีสัญญาณที่ดีตอบสนองเช่นเดียวกัน

แม้ข้อเสนอ-ข้อเรียกร้องระหว่าง 2 ฝ่ายยังถูกปิดเป็นความลับ แต่ทว่าจุดร่วมสำคัญที่อยู่ในการเคลื่อนไหว ทั้ง ปชป.และคนเสื้อเหลือง คือต้องการต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรมที่มีเงื่อนไขผิดแผกแปลกธรรมชาติ เงื่อนไข ที่ถูกกำชับร่วมกันถึงขั้นตอนการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ ขอให้ ปชป.ให้น้ำหนักพิจารณาคัดค้าน เรียงลำดับความสำคัญจากคดีมาตรา 112 คดีอาญาฆ่าคน จนถึงวางเพลิงเผาทรัพย์

เมื่อตัวละครแนวร่วมของฝ่ายค้านเริ่มปรากฏตัว ทิศทางการต่อต้านรัฐบาลเริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ๆทั้งฝ่ายค้าน ปชป. กลุ่มทหารแก่ หน้ากากขาว และกองกำลังหลักจาก พธม. ซึ่งต่างก็เป็นไม้เบื่อ-ไม้เมาของรัฐบาลตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

จึง เป็นที่จับตาว่าทางฟากรัฐบาล จะปรับทัพ ขยับทิศทางการเคลื่อนไหวอย่างไร หรือยังคงมุ่งเดินหน้าในลู่ทางปฏิรูปการเมืองเพียงอย่างเดียว