เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ว่า การเคลื่อนไหวของฝ่ายประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม ถือเป็นเสรีภาพ ถ้ารูปแบบและวิธีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย ก็เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องดูแลอำนวยความสะดวกและควบคุมสถานการณ์อยู่ในความสงบเรียบร้อยเท่านั้นเอง ทั้งนี้ หากจับตาดูการปลุกระดมจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็ดูเหมือนจะมีความพยายามที่จะปลุกกระแสอยู่หลายวัน ที่จะให้ประชาชนออกมาชุมนุม ซึ่งตนอยากส่งเสียงไปถึง ปชป.เพื่อแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาและเพื่อกระชากหน้ากากที่ ปชป.สวมมาตลอด 7 ปี ก็ควรจะประกาศตัวเป็นแกนนำการชุมนุมในคราวนี้เสียเลย
"ไม่ใช้เป็นการท้าทาย แต่ไหนๆ ก็มีการชุมนุมอยู่แล้วและ ปชป.ก็ปลุกระดมอยู่ทุกวันอยู่แล้ว แต่ที่น่าประหลาดใจที่เวลาขึ้นเวทีประกาศว่า ให้ประชาชนมากันมากๆ ให้เก็บเสื้อผ้าเตรียมไว้ ให้เป่านกหวีดแล้วเดินขบวน แต่ตัวเองกลับไม่เปิดเผยบทบาทที่แท้จริง ก็เท่ากับว่า ปชป.จะเล่นเกมเดิมคือกินแรงชาวบ้านอีกหรือเปล่า เพราะ 7 ปีที่ผ่านมา ก็เห็นได้ชัด อย่างกลุ่มพันธมิตร ประชาธิปัตย์ก็กินแรงหมด ส่วนสมาชิก ปชป.ที่ออกมาพูดว่า ถ้าพรรคอนุญาต จะออกมานำขบวนเอง ผมก็อยากให้ ปชป.ประกาศเป็นมติพรรคเสียเลยว่า หาก ส.ส.คนใดต้องการจะออกมาเดินขบวน ก็อนุมัติให้มา แล้วประชาชนจะได้เกิดความชัดเจนเสียทีว่าความขัดแย้งทางการเมืองที่มีมาตลอด 7 ปีนั้น มีพรรคการเมืองไหนอยู่เบื้องหลัง" นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามว่า เกรงว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า คิดว่าไม่มี เพราะรัฐบาลชุดนี้เคารพในสิทธิและเสรีภาพของประชาชน แล้วการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ต่างๆ เข้ามาปฏิบัติการในการดูแลการชุมนุม ก็จะเป็นไปภายใต้กรอบของกฎหมายและวิธีการก็เป็นไปตามแบบอย่างสากล ไม่ปรากฏการณ์สั่งการให้เตรียมอาวุธหรือกระสุนจริง ที่จะทำร้ายสวัสดิภาพของประชาชนถึงแก่ชีวิต อย่างไรก็ตาม คนเสื้อแดงในส่วนของ นปช.จุดยืนของเราก็คือรวมตัวกันในที่ตั้ง สังเกตการณ์การชุมนุมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลและจะพยายามไม่ออกมาเพื่อเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้สร้างสถานการณ์ได้