สัมภาษณ์ รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ : มองอนาคต "พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” ในวิกฤตการเมืองไทย


23 กรกฎาคม 2556

ในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังหนาวๆร้อนๆ ยิ่งใกล้ช่วงเปิดสภาแล้วด้วย โฟกัสของสังคมจึงอยู่ที่รัฐบาลฝั่งเพื่อไทยเองจะชิงยกวาระเรื่องใด เข้าพิจารณาในสภา

คำถามเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่กำลังถกเถียงกันในปัจจุบันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องตอบคำถามให้ชัดต่อมวลชนของตนเอง

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากเพราะสะท้อนว่ารัฐบาลเพื่อไทยให้ความสำคัญกับเรื่องไหน และที่สำคัญที่สุดคือรัฐบาลเพื่อไทยจะตอบคำถามต่อสังคมบนคำอธิบายอะไร ที่จะทำให้เพื่อไทยสามารถครองอำนาจนำทางการเมืองไปจนตลอดรอดฝั่งได้

"มติชนออนไลน์"ถือโอกาสขอคุยกับนักวิชาการที่ศึกษาเเละเคลื่อนไหวเรื่องความเป็นธรรมให้กับนักโทษทางการเมืองคนสำคัญอีกท่านหนึ่ง

กับดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับเรื่อง อนาคตของ.พรบ.นิรโทษกรรม

@วิเคราะห์สถานการณ์ที่มาที่ไปและความแตกต่างของ พรบ.ปรองดองและนิรโทษกรรมฉบับสำคัญ เช่นของคุณเฉลิม กระทั่งถึงฉบับคุณวรชัยและฉบับญาติวีรชน ที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้?


ฉบับแรกเลยที่มาก่อนคือ พรบ.ปรองดองที่ผลักดันโดยคุณเฉลิม  อยู่บำรุง ซึ่งมีเป้าหมายหลักที่ชัดเจน ที่จะช่วยให้คุณทักษิณได้กลับประเทศไทย ดังนั้นขอบข่ายของการนิรโทษกรรมจากร่างฉบับดังกล่าวจึงต้องรวบรวมทั้งหมด รวมไปถึงมวลชนทั้งแดง ทั้งเหลือง ตั้งแต่การรัฐประหารปี 2549 จนถึงแกนนำในการเคลื่อนไหว  ทั้งแกนนำแดงที่ยึดราชประสงค์ จนถึงแกนนำเหลืองที่ยึดสถานที่ราชการ สนามบินต่างๆ ก็จะได้รับการนิรโทษกรรม

รวมถึงผู้นำในกองทัพที่มีส่วนในการวางแผนต่างๆด้วย  ผู้นำรัฐบาล คือคุณอภิสิทธิ์ และคุณสุเทพ ก็จะได้รับการนิรโทษกรรม ซี่งส่วนตัวคิดว่าเป็นพ.ร.บ.ที่สร้างความแตกแยกมากกว่า และคิดว่าโอกาสที่จะผ่านคงยากมากๆ   เพราะมวลชนทั้งเหลืองและแดงก็จะออกมาค้านพ.ร.บ.นี้  มวลชนเสื้อเหลืองจะทำทุกอย่างที่จะไม่ให้คุณทักษิณได้กลับมา  คุณสุเทพกับคุณอภิสิทธิ์ ก็เยาะเย้ย พ.ร.บ.นี้มาตลอด ว่าเขาไม่ต้องการการนิรโทษกรรม แม้ว่าตนจะได้ประโยชน์ก็ตาม ข้อสำคัญคือถ้ามันไม่ผ่าน คนที่จะถูกจับเป็นเชลยของพรบ.ปรองดองนี้ก็คือ ผู้ต้องหาเสื้อแดงที่ถูกจับกุมคุมขังอยู่ในขณะนี้ ประมาณ 30 กว่า คน คือได้รับการประกันตัวไปประมาณ 10 คน และถูกขังอยู่ที่เรือนจำหลักสี่อีกว่า 20 คน พวกนี้คือคนที่จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม ซึ่งจริงๆแล้ว คนพวกนี้คือคนที่ได้รับความทุกข์มากที่สุด ถูกคุมขังมาสามปี ก็ยังไม่มีความคืบหน้า

ซึ่งหลังจากที่คุณเฉลิม พยายามผลักดัน กฏหมายดังกล่าว และได้ถูกต่อต้านอย่างหนัก ก็ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยอย่างมากว่ามุ่งที่จะช่วยคุณทักษิณ โดยเสมือนว่าต้องการช่วยคนเสื้อแดง แต่จริงๆแล้วการพ่วงคุณทักษิณไปด้วย กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการช่วยเหลือคนเสื้อแดงมากกว่า ซึ่งในที่สุดก็นำไปสู่การที่พรรคเพื่อไทยผลักดันเอาร่างนิรโทษกรรมฉบับคุณวรชัย เหมะ ออกมา และเมื่อไม่นานมานี้ ทางกลุ่มญาติของผู้ที่เสียชีวิตก็ได้ผลักดันร่างพ.ร.บ.ฉบับญาติวีรชนออกมา

คิดว่าโดยส่วนร่างของคุณวรชัย กับร่างของญาติวีรชนนั้นมีความเหมือนกันในการมุ่งที่จะช่วยเหลือผู้ต้องหาเสื้อแดงที่ถูกขังอยู่จริงๆ อันนี้คือจุดมุ่งหมายของพ.ร.บ.ทั้งสองฉบับนี้ แต่ว่ามีความแตกต่างกันอยู่ในรายละเอียดเหมือนกัน ถ้าจะเปรียบเทียบก็คิดว่าร่างของคุณวรชัยจะครอบคลุมนักโทษการเมืองเสื้อแดงมากกว่า คือจะมีลักษณะไม่มีข้อยกเว้นเท่าไหร่ ในกรณีร่างพ.ร.บ.ของญาติวีรชนนั้น พูดถึงคนที่จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรมคือคนที่เกี่ยวข้องกับการเผาสถานที่เอกชน  ร้านค้า คนที่มีอาวุธปืน ที่โดนข้อหาปล้นต่างๆเหล่านี้จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม

อีกอันนึงก็คือ ทางญาติไม่ต้องการนิรโทษกรรมให้กับทหาร ทั้งในระดับสั่งการและในระดับปฏิบัติการ ที่พบว่ามีการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ปัญหาคือในประเด็นแรกที่จำกัดว่าผู้ต้องหาทางการเมือง นักโทษทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเผาสถานที่เอกชน อาวุธปืน ปล้นต่างๆเหล่านี้ ในที่สุดแล้วมันจะส่งผลให้คนเสื้อแดง จำนวน 10 กว่าคน (เท่าที่มีข้อมูลอยู่) จะไม่ได้ประโยชน์จากร่างของทางญาติวีรชนด้วย เพราะว่าคนเหล่านี้ที่ถูกขังอยู่ เขาไม่ได้โดนข้อหาว่าเผาสถานที่ราชการเท่านั้น  ฉบับของญาตินี่ถ้าเผาสถานที่ราชการจะได้รับการยกเว้น แต่ถ้าไปดูข้อหา  มันจะมีในส่วนของรถดับเพลิง หรือรถส่วนบุคคลที่ถูกเผา และร้านค้าที่อยู่ในบริเวณศาลากลางจังหวัดก็ถูกเผาไปด้วย และก็มีหลายคนที่ยังโดนข้อหามีอาวุธ พกอาวุธหรือระเบิด ปล้น ต่างๆเหล่านี้ด้วย ซึ่งในส่วนนี้ คนที่ถูกขัง 10 กว่าคนจะไม่ได้ประโยชน์ จึงถือว่าเป็นข้อจำกัดบางประการของทางร่างนิรโทษกรรมของฝ่ายญาติ

แต่ข้อที่น่าสนใจอันนึงของฝ่ายญาติและน่าสนับสนุนคือมีข้อความหนึ่งที่พูดถึงการกระทำที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงตั้งแต่ปี2549 มาถึงตรงนี้สามารถตีความให้รวมถึงผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ได้ด้วย กลุ่มเหล่านี้ก็จะได้ประโยชน์ แต่ก็จะเห็นว่า ถ้าสมมุติว่าร่างนี้ได้เข้าในสภา ก็เชื่อว่าจะถูกขัดขวางจากทางพรรคประชาธิปัตย์ที่จะให้ระบุว่า ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 จะต้องไม่รวมอยู่ในการนิรโทษกรรมด้วย และก็เชื่อว่านักการเมืองของพรรคของรัฐบาลคือพรรคเพื่อไทยเองก็จะคล้อยตามพรรคประชาธิปัตย์ในประเด็นนี้

อีกข้อหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ดีจากร่างของญาติวีรชนคือต้องเข้าใจว่าลูกหลานของเขาเสียชีวิตจากการถูกยิงโดยทหาร เขาจึงไม่ต้องการให้ทหารพ้นผิดไปได้ง่ายๆ ฉะนั้นจึงระบุไว้อย่างชัดเจนว่าทหารที่กระทำเกินกว่าเหตุ ทั้งในระดับของผู้สั่งการและระดับปฏิบัติการจะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม ซึ่งนี่ก็เป็นประเด็นที่ร่างของคุณวรชัย เหมะ ก็ไม่ได้พูดไว้อย่างชัดเจน ในตัวร่างของคุณวรชัยเอง แม้ว่าจะไม่ได้พูดว่าจะนิรโทษกรรมให้ทหารในระดับปฏิบัติการ แต่คุณวรชัยได้ออกมาให้สัมภาษย์กับสื่อมวลชนอยู่สองสามครั้ง ว่าในร่างนิรโทษกรรมฉบับดังกล่าว จะมีการนิรโทษกรรมให้กับทหารในระดับปฏิบัติการด้วย ซึ่งน่าจะรวมถึงทหารในระดับผู้บังคับบัญชาด้วย

จึงคิดว่าเป็นเรื่องที่อันตราย ถ้าร่างของคุณวรชัย นิรโทษกรรมให้กับทหารในระดับของผู้สั่งการ เพราะคุณวรชัยพูดถึงผู้มีอำนาจในการสั่งการและการตัดสินใจ ซึ่งมันจะเข้าใจกันว่าจะหมายถึงตัวนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นคือคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของศอฉ.ในขณะนั้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง การสลายการชุมนุมในปี 2553 จะต้องมีนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาเข้ามาร่วมในการวางแผนด้วยว่าจะสลายการชุมอย่างไร จะใช้กำลังอาวุธ กำลังพลเท่าไหร่ จะใช้วิธีการอย่างไหน หรือการตัดสินใจใช้กระสุนจริงต่างๆ

คิดว่าผู้บัญชาการทางทหารขณะนั้นที่เข้าไปอยู่ใน ศอฉ.จะต้องมีความรับผิดชอบด้วย ฉะนั้นคุณวรชัยและส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ควรจะเร่งนิรโทษกรรมให้กับคนกลุ่มนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ทางญาติกังวลและให้ความสำคัญอย่างมาก


@การที่ร่างของคุณวรชัยได้รับการบรรจุ และร่างของประชาชนไม่ได้รับการเลือก ในการพิจารณา อ.คิดว่า"แม่น้องเกด"หรือญาติวีรชน จะมีเหตุให้ขัดแย้งกับรัฐบาลจนต้องออกมาเคลื่อนไหวหรือเปล่า?

ที่จริงเรื่องนิรโทษกรรมก็เป็นจุดที่ทำให้พรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงที่มีความตื่นตัวในทางการเมืองมาก ขัดแย้งกันมาตลอดในช่วงสองปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว เพราะเขารู้สึกว่าพรรคเพื่อไทยช้ามากในการช่วยเหลือคนเสื้อแดงซึ่งเป็นเหยื่อของความรุณแรงทางการเมืองในปี 2553 ถ้าร่างของคุณวรชัยเข้าสู่สภาได้ แล้วผ่านไปเลยโดยไม่ผ่านการแก้ไขในเชิงการรับฟังความคิดหรือฟังเสียงของญาติเลย ก็จะเป็นประเด็นที่ทำให้ทางญาติเองมีความเจ็บช้ำน้ำใจมากขึ้น เพราะญาติเองจะรู้สึกว่าคนที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเอากำลังคนมายิงลูกเขา หลุดรอดไปอย่างง่ายดาย ตอนนี้ร่างของคุณวรชัยเข้าไปอยู่ในสภาแล้ว ส่วนร่างของญาติ ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีอนาคตหรือเปล่า จะได้เข้าไปถึงบันไดขั้นที่หนี่งของสภาหรือเปล่า ..ยังไม่เห็นอนาคต

แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยจะผลักดันร่างของคุณวรชัยจริงๆ ก็อยากให้การแปลญัตติวาระสองนั้น ควรจะต้องแก้ไขข้อความ ในตัวร่าง พ.ร.บ.นี้ ให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น จะต้องมีข้อความที่ไม่นิรโทษกรรมผู้นำทางการทหาร ก็คือควรจะระบุว่า ข้าราชการประจำหรือข้าราชการการเมืองที่มีส่วนในการตัดสินใจ วางแผน ในการสลายการชุมนุมปี 2553 รวมถึงแกนนำทุกฝ่ายซึ่งมีส่วนในการเคลื่อนไหวมวลชนจะไม่ได้รับการนิรโทษกรรมจากร่าง พ.ร.บ.นี้

@ประเด็นจากคลิปเสียงที่มีการระบุกันถึงเรื่องนิรโทษกรรม และเกี่ยวกับการเอาตัวคุณทักษิณกลับบ้าน มีความเป็นไปได้เรื่องเนื้อหาที่เมื่อเข้าสู่การพิจารณาแล้วเนื้อหาจะแปลงมาเป็นให้คุณทักษิณกลับประเทศด้วยได้ไหม?

กรณีคลิปเสียงก็เป็นตัวอย่างนึงว่าชี้ให้เห็นว่าคุณทักษิณยังไงก็ยังอยากกลับบ้านรวมถึงบรรดานักการเมืองที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยเองที่ก็อยากจะมีตำแหน่งหน้าที่ก็ใช้ประเด็นนี้ในการที่จะทำให้คุณทักษิณสนับสนุนตัวเองให้มีหน้าที่ในตำแหน่งรัฐบาล คือพวกเข้าก็รู้จุดอ่อนของคุณทักษิณจึงใช้ประเด็นนี้ แต่ว่าถ้าถึงเวลา ที่มีความพยายามในการที่จะผนวกเอาคุณทักษิณเข้าไปด้วย ก็เชื่อว่าทุกอย่างจะพัง ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมของคุณวรชัยเองก็จะพัง สิ่งที่เห็นคือคุณทักษิณไม่ได้กลับบ้านแน่ แต่คนเสื้อแดงที่ติดคุกอยู่ก็จะไม่ได้รับการนิรโทษกรรมด้วย ซึ่งดิฉันคิดว่านี่คือตราบาปที่พรรคเพื่อไทยกระทำต่อเหยื่อเป็นรอบที่สอง คิดว่าพรรคเพื่อไทยก็จะถูกประนามจากคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "มวลชนคนเสื้อแดง"

@ใกล้เปิดประชุมสภา ก็เป็นประเด็นพิจารณาของพรรคเพื่อไทยว่าจะเอาเรื่องไหนขึ้นพิจารณาก่อนดี ตอนนี้พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเองก็คาอยู่ในวาระแรก คิดว่ารัฐบาลจะตัดสินใจไปในทิศทางไหน และกล้าที่จะนำพรบ.นิรโทษกรรมมาพิจารณาในตอนนี้หรือเปล่า?

คือเราจะเห็นว่าในพรรคเพื่อไทยเองก็จะมีสองเสียงออกมาเสียงนึงก็อยากจะให้ผลักพ.ร.บ.งบประมาณออกมาก่อน เพราะรู้สึกกลัวว่าพ.ร.บ.นิรโทษกรรมซึ่งเป็นเรื่องที่ร้อนแรงทางการเมือง จะทำให้รัฐบาลไม่สามารถผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจได้ แต่อีกเสียงหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นแกนนำนปช.หรือทางพรรคเพื่อไทยเอง ก็พยายามที่จะทำให้เรื่องนิรโทษกรรม ผ่านไปโดยเร็วที่สุด เพราะนับวันแรงกดดันจากมวลชนเสื้อแดงเองก็จะมีมากยิ่งขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องวัดใจพรรคเพื่อไทยว่าจะเอาพรรค  อย่างที่นักการเมืองเพื่อไทยพูดมาตลอดสองปี ว่าต้องทำให้รัฐบาลอยู่ได้ในหลายครั้ง  มาถึงวันนี้แล้ว ยังจะยืนในจุดนั้นอีก  และจะเอามวลชนเป็นรองอยู่เสมอหรือ  อยากให้นึกถึงหัวอกของมวลชนที่สนับสนุนพวกเขามาโดยตลอด

แล้วถ้าไปดูคดีความของคนเสื้อแดงที่ถูกจองจำอยู่ในขณะนี้ซึ่งศปช.เองก็ได้ทำรายงานแล้วก็เสนอรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินคดีว่ามันมีปัญหามากๆในเรื่องของพยานหลักฐานที่จะเล่นงานคนเสื้อแดงเหล่านี้ศปช.เชื่อว่าพวกเขาเป็นชาวบ้านธรรมดาซึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมืองจากความตั้งใจที่จะเห็นการเมืองไปสู่ประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นแต่แน่นอนในท่ามกลางอารมณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงต่างๆ อาจจะนำไปสู่เหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น แต่พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย พวกเขาไม่ได้เป็นสาเหตุของความรุนแรงจริงๆของปี 2553

คือถ้าเอาพรบ.นิรโทษกรรมขึ้นมาก่อน และจำกัดอยู่แค่การนิรโทษกรรม นักโทษการเมืองส่วนที่เป็นชาวบ้านธรรมดา ดิฉันคิดว่าความขัดแย้งมันจะไม่รุณแรง ในขณะนี้ ช่วงที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า มีคนที่อยู่มีหลายส่วนแสดงความคิดเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองในส่วนที่เป็นชาวบ้านธรรมดาเสียทีไม่ว่าจะเป็นคุณคณิตณ นคร จากคอป.เอง รวมถึงคุณหมอนิรันดร์ (นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ) ก็แสดงความคิดเห็นสนับสนุน นักวิชาการจำนวนมาก ซึ่งก็ไม่ใช่เหลืองไม่ใช่แดงก็สนับสนุนว่าจะต้องนิรโทษกรรมประชาชนธรรมดา ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่มั่วนิ่ม เอาคุณทักษิณเข้ามารวมด้วย ก็คิดว่าความขัดแย้งไม่รุนแรง รัฐบาลจะไปได้

@จะเกิดเหตุการณ์แบบที่เกิดมาแล้วในการคุยเรื่องนี้ อย่างการประท้วงของฝ่ายค้าน หรือจะมีโอกาสการเกิดความปั่นป่วน ทั้งฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลในสภาเองมากแค่ไหน?

ก็ไม่เป็นไร ความวุ่นวายในสภาไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร เพราะตราบเท่าที่เขาทำภายใต้กรอบของรัฐสภา ก็สามารถทำได้ เราไม่เคยคาดหวังว่าพรรคฝ่ายค้านจะลงเสียงให้ให้กับพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนอยู่แล้ว อันนี้ขึ้นกับเจตจำนงค์ของพรรคเพื่อไทยที่จะต้องไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลในอื่นๆด้วยในการสนับสนุน

@ถ้าเอาพรบ.นิรโทษกรรมขึ้นมาก่อน อาจารย์มองว่ามันจะนำไปสู่เงื่อนไขใหม่ทางความขัดแย้งที่จะทำให้สถานการณ์ทางการเมือง ร้อนแรงขึ้นมาอีกไหม?

แน่นอนว่าการหยิบยก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของคุณวรชัยขึ้นมาก็อาจทำให้อุณหภูมิทางการเมืองร้อนแรงขึ้นบ้าง แต่จะไม่ทำให้รัฐบาลล้ม ตราบเท่าที่จำเพาะเฉพาะ ประชาชนธรรมดาทั่วไป ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ แต่ถ้าไปเล่นกับฉบับอื่นหรือเรื่องอื่นอย่างไ รก็เชื่อว่าที่สุดแล้วก็จะไม่ได้อะไรเลย ในที่สุดก็จะล้ม ประชาชนก็ยังจะไม่ได้รับการนิรโทษกรรม พรรคเพื่อไทยก็มีแต่เสียเพราะว่าก็จะถูกประนามจากทั้งฝ่ายที่เกลียดชังคุณทักษิณอยู่แล้ว กับฝ่ายมวลชนคนเสื้อแดงเองที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย

@จากสถานการณ์สารพัดม็อบทางการเมืองตอนนี้ จากภาพรวมหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มที่รัฐบาลจะตัดสินใจทำอะไรต่อไป อาจจะมีการยุบสภาเกิดขึ้นไหม ถ้าเดินหน้าทำแต่เรื่องนี้?

คิดว่าจะไม่นำไปสู่วิกฤติขนาดนั้น อย่างขบวนการหน้ากากขาว เราก็จะเห็นแล้วว่าเขาไม่ได้มีพลังทางการเมืองอะไร คิดว่ารัฐบาลจะอยู่หรือจะไปอยู่ที่เรื่องการคอรัปชั่น ถ้ามีหลักฐานว่ารัฐบาลมีการคอรัปชั่นกันอย่างมโหฬารแล้วไม่จัดการกับผู้ที่เกี่ยวข้อง อันนี้จะเป็นจุดที่จะระดมมวลชนออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลได้ แต่ที่ผ่านมามันยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนพอ กรณีการมีพ.ร.บ.นิรโทษกรรมนักโทษการเมืองระดับชาวบ้านทั่วไป คิดว่าคงไม่เป็นประเด็นถึงขนาดกับทำให้รัฐบาลต้องล้มลงได้...