ข้อคิดเห็นต่อ “ร่างพรบ.นิรโทษกรรมของญาติวีรชน53” โดย "หมอเหวง"



เฟสบุ๊ค นพ.เหวง โตจิราการ
16 กรกฎาคม 2556

ข้อคิดเห็นต่อ “ร่างพรบ.นิรโทษกรรมของญาติวีรชน53”

1.ญาติวีรชน53 มีสิทธิโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญในการ เสนอ “ร่างพรบ.นิรโทษกรรมของกลุ่มตน”

2.สำหรับผมเอง “ท่าทีต่อวีรชน”ยังคงเช่นเดิม และยังคงเป็นเช่นนี้ตลอดไปจนสิ้นลมหายใจ คือ “ท่านเป็นวีรชนผู้พลีชีพต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรมของประเทศนี้)

3.ความเห็นต่อไปนี้เป็นความเห็นทางกฏหมาย ที่เสนอเพื่อ “ถามคำตอบ”จากนักกฎหมายที่ร่างให้กับ “กลุ่มญาติวีรชน53”
ไม่ได้ตั้งคำถามกับ และไม่มีความคิดเห็นที่เป็นลบต่อ “กลุ่มญาติวีรชน53” เพราะพรบ.ฉบับนี้ ผู้ร่าง “น่าจะเป็น” อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย และนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน บางท่าน
เนื้อหาที่สำคัญของร่างนี้อยู่ในมาตรา 4
เพราะมาตรา 3.ล้วน กล่าวถึงการนิรโทษต่อผู้ที่
กระทำผิด พรก.ฉุกเฉิน48 พรบ.ความมั่นคง51 (ดูในมาตรา3(1),)
พรก.ฉุกเฉินร้ายแรงและในพื้นที่ประกาศดังกล่าว กำหนดนิรโทษเฉพาะ “ความผิดลหุโทษ ความผิดอันมีโทษปรับสถานเดียว ความผิดอันมีโทษจำคุกไม่เกิน2ปี”(ดูในมาตรา3(2))

ความผิดทั้งหมดนั้น ถ้ารับโทษก็พ้นกำหนดโทษไปแล้วครับ แทบไม่ต้องมานิรโทษอะไรกับอีกต่อไป
ซึ่งแม้จะมีความสำคัญแต่เมื่อเทียบน้ำหนักกับมาตรา4แล้วถือว่า น้อยกว่าอย่างมากมาย
แม้ในมาตรา3(3)นิรโทษให้ผู้ที่ “ไม่ได้เข้าร่วม” แต่ “มีความเกี่ยวเนื่อง” ซึ่งเป็นการสร้างปมขัดแย้งอย่างใหญ่หลวงในการ ตีความว่า“มีความเกี่ยวเนื่อง”มีความหมายว่าอย่างไร นิยามความเกี่ยวเนื่องอย่างไร
แม้จะบอกว่า นิรโทษให้การกระทำที่เป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร แต่ก็มีปัญหาว่า อะไรคือ “ผู้กระทำได้กระทำไปโดยมีเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ทางการเมือง” เช่น เพียงแค่นั่งดูทีวีถ่ายทอดอยู่กับบ้านเป็นความเกี่ยวเนื่องหรือไม่

คราวนี้ มาตรา4 ก่อให้เกิดปัญหาและอันตรายอย่างใหญ่หลวงโดยเฉพาะ “คนเสื้อแดง และแกนนำของคนเสื้อแดง”

เพราะเจตนารมณ์ของคนร่าง บ่งบอกอย่างชัดแจ้งว่า “การชุมนุม มุ่งต่อการประทุษร้ายผู้อื่นโดยใช้อาวุธ” เพราะหากเสื้อแดง ไม่ได้มีการชุมนุมโดยมุ่งต่อการประทุษร้ายผู้อื่นโดยใช้อาวุธ ในตัวกฏหมายก็ไม่จำเป็นต้องเขียนสิ่งนี้ไว้

และที่เขียนเช่นนี้ก็เพราะคนที่อยู่ในคุกซึ่งมีแต่เสื้อแดงเท่านั้น และหลายคนก็มีคำพิพากษาในความผิดเรื่องการประทุษร้ายคนอื่นโดยใช้อาวุธนั่นแหละ เท่ากับพรบ.นี้ไม่ต้องการนิรโทษคนเสื้อแดงที่อยู่ในคุก
ไม่เพียงแต่เท่านั้น เจตนารมณ์ของคนร่างพรบ.นี้ ยังระบุ ถึง “การกระทำอันมุ่งต่อการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน หรือการกระทำผิดต่อทรัพย์ เช่นการวางเพลิง เผาทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ลักทรัพย์ อันเป็นของเอกชน”

ผู้ร่างย่อมมีแบบจำลองอยู่ห้วงคิดคำนึงแล้วว่า คนเสื้อแดง เป็นคนก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน ,วางเพลิง,เผาทรัพย์,ปล้นทรัพย์,อันเป็นของเอกชน แล้ว จึงตราความผิดนี้ไว้ แล้วระบุว่าความผิดนี้นิรโทษไม่ได้ เพราะหากไม่คิดเช่นนี้แล้ว กำหนดรายละเอียดเช่นนี้ลงมาได้อย่างไร
โดยมุ่งหมายให้ เขาเหล่านั้น ยังคงมีความผิดตามกฏหมาย

คนที่ติดคุกอยู่ในขณะนี้ มีแต่เสื้อแดง และศาลก็พิพากษาตามความผิดที่ได้ระบุไว้นี้แหละ คือ วางเพลิง เผาทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ลักทรัพย์ ก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน ก็คือต้องติดคุกต่อไปจนครบกำหนด
และยังหว่านแหไปรวมถึง “แกนนำ”ด้วย โดยให้รวมถึงการกระทำใดๆของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าวนั้นด้วย
ท่อนแรกเป็นท่อนที่พุ่งเป้ามาที่ “คนเสื้อแดงและแกนนำของพวกเขา”ในขณะนี้ผู้ที่อยู่ในเรือนจำ “ล้วนเป็นพวกที่ ศาลพิพากษาว่า วางเพลิง เผาทรัพย์ เผาศาลากลาง อันก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชนหรือ กระทำผิดต่อทรัพย์ทั้งสิ้น” ดังกล่าว

ดังนั้น เป็นเรื่อง ตลกร้าย ที่ “พรบ.นิรโทษ ไม่ต้องการให้นิรโทษต่อคนที่ติดคุก แต่ให้รับโทษต่อไปตามกฏหมาย”

แต่ผู้ที่ได้รับนิรโทษกลับเป็น
“เจ้าหน้าที่ของรัฐระดับปฏิบัติการ (นี่หมายถึงทหารในภาคสนามชัดเจน) ที่ไม่ได้ฝ่าฝืน คำสั่ง การบังคับบัญชา และ/หรือ ไม่ได้กระทำการเกินกว่าเหตุ
(ทหารทุกคนเขายืนยันว่า เขาปฏิบัติตามคำสั่ง คำบังคับบัญชาทั้งนั้นครับ ไม่มีใครบอกดอกว่า เขาไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งและคำบังคับบัญชา
ทหารทุกคนเขายืนยันครับว่าเขาไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เพราะเสื้อแดง มีชายชุดดำที่ติดอาวุธ M16 M79 M67 และสารพัดอาวุธสงคราม
ดังนั้นทหารจำเป็นต้องยิงหัวสังหารชายชุดดำที่ติดอาวุธ เช่นนี้แล้วทหารทุกคนรอดหมดครับ )
ให้เป็นผู้พ้นกระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง
นอกจากนี้ อภิสิทธิ์ สุเทพ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่ร่วมวางแผนในการสังหารประชาชนก็จะรอดด้วย เพราะ
“การกระทำของบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในเหตุการณ์ชุนนุมประท้วง ตลอดจากการสลายการชุมนุม ไม่ว่าจะได้กระทำการ
ในฐานะเป็นผู้สั่งการ หรือผู้ปฏิบัติการ และไม่ว่าจะกระทำในขั้นตอนใดๆ รวมถึงการ
กระทำใดๆของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง
หากการกระทำนั้นไม่สมควรแก่เหตุ

(อภิสิทธิ์สุเทพและทหารทุกนายระบุชัดว่าเสิ้อแดงมีชายชุดดำที่ใช้อาวุธสงครามสังหารทหาร จึงสมควรแก่เหตุที่จะใช้ทหาร60,000นายสังหารคนเสื้อแดงครับ)
และ/หรือเป็นความผิดตามกฏหมาย

(อภิสิทธิ์สุเทพและนายทหารทุกคน มีกฏหมายพรบฉุกเฉินมาตรา17คุ้มครองครับว่าไม่ต้องรับผิดทั้งทางกฏหมายแพ่งอาญาและวินัยทางการปกครองครับ)

(จึงจะ)ให้บุคคลนั้นยังคงมีความผิดตามกฏหมาย
โดยสรุปก็คือ เสื้อแดงที่อยู่คุก ที่ถูกพิพากษาว่า เผาศาลากลาง มีอาวุธสงครามในครอบครองหรือใช้ในการที่ผิดกฏหมาย ก็ต้องอยู่ในคุกไปจนครบกำหนด 33ปีหรือ22ปีตามคำพิพากษา
ที่กำลังถูกดำเนินคดีก่อการร้ายก็ต้องดำเนินคดีไปจนถึงที่สุด

แต่อภิสิทธิ์สุเทพและทหารทุกคนทั้งนายและพล ได้รับความคุ้มครองตาม
พรบ.นิรโทษนี้ เพราะ “กระทำการโดยสมควรแก่เหตุ ไม่เป็นความผิดตามกฏหมาย”
นี่ พรบ.นิรโทษกรรมนี้ ต้องการช่วยอภิสิทธ์สุเทพและทหารทั้งหลายที่มีส่วนร่วมในการฆ่าประชาชนและลงโทษคนเสื้อแดงและแกนนำใช่ไหมครับ?

จึงเรียนมาเพื่อ “กลุ่มญาติวีรชน53”ได้โปรดทบทวนพรบ.นิรโทษของท่านด้วย และต้องสำรวจด้วยว่า “ใครเป็นร่างให้ท่าน และด้วยจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่ครับ”
นพ.เหวง โตจิราการ 15กค.56