ประกาศ
ประกาศ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
รับชมการถ่ายทอดสดจาก ถ.อักษะ
Broadcast live streaming video on Ustream

ประมวลภาพ นปช. "รวมพลปราบกบฏ" ถนนอักษะ 10 พ.ค. 2557
รับชมการถ่ายทอดสดจาก ถ.อักษะ
Broadcast live streaming video on Ustream

ประมวลภาพ นปช. "รวมพลปราบกบฏ" ถนนอักษะ 10 พ.ค. 2557
"เทือก"โยน ปัดนัว-6ศพวัดปทุม
ข่าวสด 7 มิถุนายน 2556
ยังอ้างยิงตายด้านนอก มีคนร้ายต่อสู้กับจนท. ซัดศพมีคราบเขม่าดินปืน ทนายเหยื่อซักค้าน13มิย.
คิว"เทือก" - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และผอ.ศอฉ. ขึ้นเบิกความต่อศาลไต่สวนสาเหตุการตาย 6 ศพวัดปทุมวนาราม ช่วงเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.
"เทือก" ขึ้นเบิกความศาลไต่สวนการตาย 6 ศพวัดปทุมฯ โบ้ย "บิ๊กป๊อก" อดีตผบ.ทบ. ก็ร่วมรับผิดชอบ ใน "ศอฉ." ด้วย อ้างอีกมีกองกำลังก่อการร้ายในม็อบเสื้อแดง ใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่และประชาชนบาดเจ็บ-ตาย ระบุผลสอบสวนชันสูตรพลิกศพของตำรวจ ชี้ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย ตายที่บริเวณอื่น แล้วนำมาวางรวมกันที่ศาลาวัด อีกทั้ง 2 ใน 6 ศพ มีคราบเขม่าดินปืนที่มือในปริมาณที่เชื่อว่าใช้อาวุธมาก่อน ซ้ำยังไม่มีหลักฐาน หรือพยานชี้ชัดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพคดีที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตของนายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้เสียชีวิตที่ 1 นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้เสียชีวิตที่ 2 นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้เสียชีวิตที่ 3 นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี พนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน ผู้เสียชีวิตที่ 4 น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี อาสาพยาบาล ผู้เสียชีวิตที่ 5 และนายอัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้างและอาสาพยาบาล ผู้เสียชีวิตที่ 6 โดยทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อ วันที่ 19 พ.ค.2553 โดยพนักงานอัยการนำนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าเบิกความ
นายสุเทพเบิกความสรุปว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2553 รัฐบาลประกาศพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อระงับการก่อการร้ายในกทม. เนื่องจากมีการชุมนุมของ กลุ่มนปช. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในขณะนั้น จึงตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โดยแต่งตั้งพยานเป็น ผอ.ศอฉ. และมีคำสั่งให้เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานและหัวหน้าผู้รับผิดชอบ แต่เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2553 มีคำสั่งแต่งตั้งพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบแทนตน
อดีตผอ.ศอฉ.เบิกความว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 รัฐบาลขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุม เพื่อเปิดช่องทางการจราจรบริเวณถนนราชดำเนิน สะพานพระราม 8 และสะพานสมเด็จพระ ปิ่นเกล้า เจ้าหน้าที่มีโล่ กระบอง เครื่องเสียง รถฉีดน้ำ และอาวุธปืนลูกซองบรรจุกระสุนยาง หลังจากการปฏิบัติการทราบว่ามีผู้บาดเจ็บประมาณ 800 คน เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 5 นาย และประชาชนเสียชีวิต 20 กว่าราย เนื่องจากในช่วงค่ำมีกองกำลังของผู้ก่อการร้ายปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม และใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่และประชาชน จนมี ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
นายสุเทพเบิกความต่อว่า หลังจากวันที่ 10 เม.ย.2553 ผู้ชุมนุมยกเลิกการชุมนุมเวทีที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และมารวมเป็นจุดเดียวที่บริเวณแยกราชประสงค์ พร้อมประกาศจะขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังบริเวณสีลมและเยาวราช ซึ่งจะทำให้เกิดความเดือดร้อนอย่างรุนแรงและทำให้เศรษฐกิจเสียหาย เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่สำคัญด้านธุรกิจของประเทศ ศอฉ.จึงสั่งตั้งด่านตรวจแข็งแรง และประกาศไม่ให้ขบวนของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เคลื่อนไปทำความเสียหายให้บริเวณอื่นๆ
อดีตรองนายกฯ เบิกความว่าแต่รัฐบาลและศอฉ.ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะเข้าไปสลายการชุมนุม จึงมีคำสั่งให้ใช้มาตรการกดดันให้ยกเลิกการชุมนุมไปเอง โดยตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณโทรศัพท์ ปิดเส้นทางการขนส่งสาธารณะบางสถานที่ เพื่อให้ผู้ชุมนุมไม่ได้รับความสะดวกในการเข้าไปชุมนุม พร้อมปิดกั้นเส้นทางที่จะเข้าไปในพื้นที่การชุมนุม เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้เข้าไปชุมนุมเพิ่ม และป้องกันการนำอาวุธเข้าไปในพื้นที่การชุมนุม
นายสุเทพเบิกความอีกว่า เนื่องจากได้รับรายงานว่ามีผู้ก่อการร้ายปะปนอยู่ในกลุ่ม ผู้ชุมนุม โดยใช้พื้นที่ชุมนุม หลังเวทีชุมนุม และบริเวณสวนลุมพินี ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 อาวุธปืนเอ็ม 16 และอาวุธปืนอาก้า ยิงเข้าที่ตั้งของเจ้าหน้าที่บริเวณถนนพระราม 4 และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศาลาแดง เป็นเหตุให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 26 เม.ย.2553 ศอฉ.จึงมีคำสั่งให้ตั้งจุดตรวจสกัดแข็งแรงจำนวน 6 จุด ได้แก่ แยกพงษ์พระราม พญาไท อโศกมนตรี ศาลาแดง อังรีดูนังต์ และนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นถนนโดยรอบพื้นที่ราชประสงค์ แต่ภายหลังยังมีช่องโหว่ที่ผู้ชุมนุมสามารถเข้าไปได้
อดีตผอ.ศอฉ.เบิกความว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2553 จึงมีคำสั่งให้ตั้งด่านตรวจแข็งแรงอีก 4 จุด ได้แก่ สี่แยกปทุมวัน ถนนราชปรารภ ถนนพระราม 4 และ ถนเพลินจิต พร้อมตั้งจุดสกัดอีก 13 จุด นอกจากนี้ ยังปิดการสัญจรทางรถไฟฟ้า 4 สถานี ได้แก่ ราชดำริ สยาม ชิดลม และเพลินจิต โดยตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.2553 เป็นต้นไป มีการประกาศห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหลายแห่ง อาทิ ตั้งแต่ ถนนเพชรบุรี แยกราชเทวีจนถึงสามย่าน แยกวิทยุเข้าทางด่วนเพชรบุรี ถนนพระราม 4 ถึงแยกเฉลิมเผ่า แยกอังรีดูนังต์ และถนนราชปรารภ จากแยกประตูน้ำถึงแยกสารสิน เป็นต้น พร้อมกับปิดการสัญจรทางน้ำด้วย
นายสุเทพเบิกความอีกว่า โดยเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ปรับกำลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่ตามถนนสายต่างๆ บริเวณโดยรอบ สี่แยกราชประสงค์ เพื่อจัดระเบียบควบคุมพื้นที่การจราจร โดยศอฉ.สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปยึดคืนพื้นที่บริเวณสวนลุมพินี เนื่องจากผู้ก่อการร้ายใช้เป็นฐานก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชน บริเวณถนนพระราม 4 จนถึงแยกสารสิน ส่วนบริเวณสีลม และถนนราชปรารภ มีการใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 และอาวุธสงครามอย่างอื่นทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ พร้อมกับเข้ายึดร.พ.จุฬาลงกรณ์ ของฝ่ายผู้ชุมนุม โดยหลังจากเจ้าหน้าที่เข้ายึดสวนลุมพินีจนถึงแยกสารสินได้แล้ว แกนนำนปช.ประกาศยกเลิกการชุมนุมในเวลา 13.30 น. เศษ และเข้ามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อดีตผอ.ศอฉ.เบิกความว่า แต่ยังมีผู้ชุมนุมอยู่หน้าเวทีประมาณ 3,000 คน ศอฉ.จึงสั่งการให้จัดรถนำผู้ชุมนุมกลับภูมิลำเนา ซึ่งมีบางส่วนกลับไปแล้ว แต่บางส่วนเข้าไป หลบภายในวัดปทุมฯ จากนั้นในเวลาตั้งแต่ 14.00 น. เป็นต้นไป มีคนร้ายเข้าไปวางเพลิงเผาสถานที่ต่างๆ ทั้งโรงหนังสยาม เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และอาคารพาณิชย์อื่นๆ รอบบริเวณ นอกจากนี้ยังเผาสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ด้วย ศอฉ. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่จัดกำลังเข้าไปคุ้มครองเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยที่เข้าไปดับเพลิงตามพื้นที่ต่างๆ แต่ถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงสกัด จึงไม่สามารถเข้าไปได้
"ผมได้ประชุมร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล และตำรวจภูธรจากจังหวัดต่างๆ เพื่อวางแผนนำผู้ชุมนุมที่อยู่ในวัดปทุมฯ กลับภูมิลำเนาในช่วงเช้าของวันที่ 20 พ.ค. แต่กลับมีหญิงคนหนึ่งโทรศัพท์มาแจ้งนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม ในขณะนั้น ว่าขอให้ส่งรถพยาบาลเข้าไปรับผู้บาดเจ็บภายในวัดปทุมฯ โดยผมทราบจากการรายงานว่า มีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงทำร้ายประชาชนบาดเจ็บหลายราย ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ" อดีตผอ.ศอฉ.เบิกความ
พยานเบิกความต่อว่า หลังได้รับแจ้ง จึงส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถพยาบาลเข้าไปรับผู้บาดเจ็บ แต่ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ได้รับรายงานว่าไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ เนื่อง จากมีคนร้ายซุ่มยิง ต่อมาได้รับแจ้งจากกระทรวงสาธารณสุขว่า มีรถพยาบาลของอาสาสมัครเข้าไปรับผู้บาดเจ็บออกจากวัดปทุมฯ แล้ว แต่ในวันดังกล่าว ไม่ได้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตในวัดปทุมฯ โดยทราบในวันรุ่งขึ้นว่ามีผู้เสียชีวิต 6 ราย แต่ไม่ทราบว่าเสียชีวิตจากอาวุธชนิดใดและใครเป็นผู้กระทำ
นายสุเทพเบิกความอีกว่า ต่อมาได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถึงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งบันทึกรายงานการชันสูตรพลิกศพ ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คน มาให้ เบื้องต้นทราบว่าเสียชีวิตจากบริเวณอื่น และนำศพมาวางรวมกันหน้าศาลาราชศรัทธา จากผลการชันสูตรระบุว่าพบผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายรพ สุขสถิต และนายสุวัน ศรีรักษา มีคราบเขม่าดินปืนที่มือในปริมาณที่เชื่อว่าทั้ง 2 คน ใช้อาวุธมาก่อน ส่วนอีก 4 คน ไม่พบเขม่าดินปืนที่มือแต่อย่างใด เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจพยานในสภาผู้แทนราษฎร ทางดีเอสไอทำรายงานข้อเท็จจริงถึงการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมให้ชี้แจงต่อสภา โดยมีสาระสำคัญว่า ไม่มีหลักฐานหรือพยานที่ชี้ชัดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่หรือผู้ใด พร้อมยืนยันเรื่องเขม่าดินปืนในมือของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คน
อดีตผอ.ศอฉ.พยานเบิกความว่า แต่ต่อมาได้รับรายงานว่าในจำนวนผู้เสียชีวิตมีเหตุที่สงสัยว่า อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ จึงเห็นสมควรให้ตำรวจสอบสวนชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย จากนั้นมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนชันสูตรพลิกศพ โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ เป็นประธาน และภายหลังดีเอสไอแจ้งให้ทราบว่า ในบรรดาผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการชุมนุมและเหตุจลาจล มีจำนวน 12 คน เป็นการกระทำของกลุ่มนปช. และมี 13 คน น่าจะเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ จึงสั่งให้สืบสวนสอบสวนตามกฎหมาย และพยานเชื่อว่าในการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เป็นตามขั้นตอนหลักสากล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ฝ่ายทนายญาติผู้ตายแถลงขอซักค้านพยานเพิ่มเติม ศาลจึงให้เลื่อนสืบพยานปากนี้ในนัดไต่สวนครั้งต่อไป วันที่ 13 มิ.ย. เวลา 09.00 น. และในวันนี้ นางพะเยาว์ อัคฮาด และนายณัทพัช อัคฮาด แม่และน้องชายน.ส. กมนเกด เดินทางมาร่วมฟังการไต่สวนด้วย
นายสุเทพให้สัมภาษณ์ภายหลังการไต่สวนว่า เบิกความในฐานะพยานในคดี ที่อัยการขอให้ศาลไต่สวนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนาย สุวัน ศรีรักษา 1 ใน 6 รายที่เสียชีวิตในวัดปทุมฯ โดยเบิกความไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้งอธิบายรายละเอียดของคำสั่งต่างๆ ในฐานะผอ.ศอฉ.ที่ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติ พร้อมทั้งอธิบายถึงเหตุผลในการออกคำสั่งเหล่านั้น ในการปฏิบัติการณ์แต่ละวันและแต่ละครั้ง
"การเบิกความของผมนั้น ไม่มีจุดประสงค์ในการหักล้างพยานหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่ผมขอยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เพิ่มเติม ก็เพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาคดี เนื่อง จากมีรายละเอียดที่อัยการไม่ได้นำมาซักถาม ส่วนวันที่ 13 มิ.ย. ทางทนายญาติผู้ตายจะซักถาม ซึ่งผมไม่ทราบว่าจะถามอะไร แต่จะตอบไปตามความเป็นจริง" อดีตผอ.ศอฉ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะปฏิบัติหน้าที่ในศอฉ. คิดหรือไม่ว่าจะมีคนเสียชีวิตมากมายขนาดนี้ นายสุเทพกล่าวว่าไม่ทราบว่าจะมีคนตายกี่คน เราคาดการณ์ไม่ได้ แต่ไม่มีเจตนาจะให้ใครตายทั้งสิ้น เพราะเพียงแต่ต้องการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเท่านั้น เมื่อถามว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่าขอไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ แล้ว
