คดีอีซาเพิ่มข้อหา'มาร์ค-เทือก'

ข่าวสด

7 พฤษภาคม 2556


รายงานพิเศษ

ตกเป็นผู้ต้องหาเพิ่มอีกคดี สำหรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ขณะรับผิดชอบศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) 

เมื่อชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 99 ศพ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองเดือน เม.ย.-พ.ค.53 ซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวน 3 ฝ่าย คือ อัยการ ตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 

มีมติเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับบุคคลทั้งสอง 

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงมติดังกล่าวว่าการแจ้งข้อหากับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพในครั้งนี้ จะแยกเป็น 2 คดี คือ 

1.ฐานก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล กรณีการเสียชีวิตของ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา เด็กกำพร้าอายุ 14 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ระดมยิงสกัดรถตู้ของ นายสมร ไหมทอง บริเวณถนนราชปรารภ ในช่วงสลายการชุมนุมปี 2553 

และ 2.ฐานพยายามฆ่า นายสมร ไหมทอง คนขับรถตู้ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส 

โดยจะเรียกทั้งสองในฐานะผู้ออกคําสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติงานกระชับพื้นที่ขณะนั้น จนนำมาซึ่งการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชน เข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกันในวันที่ 14 พ.ค. 

'มาร์ค-เทือก' เจออีกคดีหนัก หลังจากก่อนหน้านี้ถูกดีเอสไอแจ้งข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ในกรณีการเสียชีวิตของ นายพัน คำกอง แท็กซี่เสื้อแดง เหยื่อกระชับพื้นที่ที่ถูกยิงบริเวณใกล้เคียงกัน ไปแล้ว 

โทษฐานกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 83, 84 และ 288 

และที่สำคัญ ถือเป็นการเปิดฉากข้อหา 'พยายามฆ่า' ครั้งแรก ในกรณีของนายสมร คนขับรถตู้ที่รอดชีวิตจากคมกระสุนมาได้ 

ขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนจะนำสำนวนคดีของด.ช.คุณากรและนายสมร ไปรวมเป็นสํานวนเดียวกันกับคดีของนายพัน คํากอง เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกัน 

เพื่อดำเนินการกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป 

คดี 'น้องอีซา' ถือเป็นคดีชุดแรกๆ ที่ส่งขึ้นศาลตามสำนวนการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ หลังใช้เวลาเบิกความพยานและพิสูจน์หลักฐานอย่างรอบด้าน 

กระทั่งวันที่ 20 ธ.ค. 2555 ศาลอาญารัชดาฯ มีคำสั่งไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยระบุว่าถูกลูกกระสุนปืนซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ยิงสกัดรถตู้ฝ่าพื้นที่ห้ามราชปรารภตามประกาศ ศอฉ. 

โดยมีสาระสำคัญดังนี้ 

ด.ช.คุณากร มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 44 ม.1 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. กระทั่งปี 2547 ย้ายไปอยู่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า องค์กรสงเคราะห์มุสลิมนานาชาติแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ย่านคลองตัน เขตสวนหลวง

เหตุเกิดในช่วงนายอภิสิทธิ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงระหว่างวันที่ 12 มี.ค.-19 พ.ค.2553 แล้วศอฉ.สั่งควบคุมเส้นทางเข้าออก ถ.ราชปรารภ ตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำ ถึงสี่แยกมักกะสัน 

โดยให้เจ้าหน้าที่ควบคุมพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งถนนและตามแนวบังเกอร์ พร้อมจัดวางลวดหนามตั้งแต่บริเวณปากซอยราชปรารภ 6 ถึงสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์

กระทั่งวันที่ 15 พ.ค. 2553 เวลา 23.00 น. นายสมร ไหมทอง ขับรถตู้ออกจากซอยวัฒนวงศ์ เลี้ยวขวาไปที่สี่แยกมักกะสัน ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมของเจ้าหน้าที่ และประกาศห้ามรถตู้เข้าไปในพื้นที่ควบคุม 

แต่นายสมรยังคงขับรถตู้ต่อไปทางสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เมื่อแล่นผ่านพื้นที่ห้าม ก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดมาจากหลายทิศทาง ก่อนพบว่านายสมรถูกกระสุนปืนที่เอวและท้อง 

นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้ถูกกระสุนปืนยิงใส่อีก 2 คน คือนายพัน และด.ช.คุณากร 

โดยด.ช.คุณากรมีบาดแผลถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ด้านหลังบริเวณกึ่งกลางลำตัวทะลุช่องท้อง นอนอยู่ที่พื้นถนนในซอยโรงภาพยนตร์โอเอ

แม้พยานผู้ร้องจะไม่มีใครสามารถระบุตัวได้แน่ชัดว่า ผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเป็นใคร แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยพร้อมอาวุธปืนอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ 

เท่านั้นจึงเป็นการยากที่บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุได้ ข้อเท็จจริงจึงไม่อาจรับฟังเป็นประการอื่นได้

ศาลจึงมีคำสั่งว่าผู้ตายคือ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ ตายระหว่างถูกนำส่งโรงพยาบาลพญาไท 1 เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง 

เหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือถูกลูกกระสุนปืน ซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ 

จังหวะไล่เลี่ยกับดีเอสไอเปิดแถลงแจ้งข้อหา 'ฆ่า' เพิ่มเติม วันเดียวกันนั้นเองความจริงอีกด้านก็ปรากฏ 

เมื่อศาลอาญารัชดาฯ มีสั่งในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนชันสูตรพลิกศพ พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ (ได้รับเลื่อนยศเป็น ร้อยตรี หลังเสียชีวิต) อดีตทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี 

ถูกยิงเสียชีวิตขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ชุดลาดตระเวนเคลื่อนที่เร็ว เพื่อระงับเหตุปะทะกันระหว่างตำรวจ ทหาร กับผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ณ บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ เขตบางเขน ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 เม.ย.2553

โดยศาลชี้ว่าผู้ตายถูกระสุนปืนความเร็วสูงขนาด .223 นิ้ว หรือขนาด 5.56 ม.ม. ซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยกระสุนถูกที่ศีรษะด้านซ้ายหางคิ้วผ่านทะลุกะโหลกศีรษะทำลายเนื้อสมอง 

เป็นเหตุให้เสียชีวิต 

ภายหลังศาลมีคำสั่งแล้ว อัยการจะไปรับคำสั่งศาลและสำนวนชันสูตรก่อนส่งให้ตำรวจรวบรวม จากนั้นตำรวจจะส่งกลับมาให้ดีเอสไอเพื่อตั้งเป็นสำนวนคดีฆาตกรรม 

แล้วจึงเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของชุดพนักงานสอบสวน 3 ฝ่ายที่ประกอบด้วย อัยการ ตำรวจ และ ดีเอสไอ ก่อนแจ้งข้อหาผู้เกี่ยวข้อง 

ลำดับขั้นตอนกระบวนการเหมือนเช่น 2 คดีก่อนหน้านี้คือ คดีนายพัน และคดีน้องอีซา ที่มีการแจ้งข้อหาคนระดับนายกฯและรองนายกฯ มาแล้ว 

ต้องจับตาว่าจะมีคดีอื่นๆ มาเพิ่มข้อหาให้นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพอีกหรือไม่