ลิ้นตวัดรัดคอ


15 พฤษภาคม 2556

คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
คาดเชือก คาถาพัน

กรณีแถลงการณ์ฉบับล่าสุดนั้น ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้สำนวนโวหาร ที่แสดงถึงหลักการ อุดมการณ์ จุดยืน และข้อเท็จจริงตรงข้ามกับความเข้าใจของคนทั่วไป

เมื่อรัฐประหารมีค่าเท่ากับการแทรกแซงการเมือง

ก็ไม่น่าแปลกใจที่การใช้ทหารล้อมปราบประชาชนด้วยอาวุธสงครามอย่างเต็มรูปแบบคือการกระชับพื้นที่

และเมื่อผู้ชุมนุมทางการเมืองตายด้วยอาวุธสงครามก็คือ "โชคร้ายที่มีบางคนเสียชีวิต" (ขออภัยหากแปลไม่ได้ตรงใจหลายท่าน)

หรือชายชุดดำที่ย้ำแล้วย้ำอีกไม่รู้จักจบ ก็สวนทางกันอย่างสิ้นเชิงกับคำตัดสินของศาลที่ชี้แล้วชี้ซ้ำมาหลายคดีว่า ผู้มาชุมนุมทางการเมืองหรือคนไม่เกี่ยวข้องในปี 2553 เสียชีวิตด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่

และที่ยกเอานางออง ซาน ซู จีมาทอนความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยยกย่องเชิดชูว่านางไม่เคยพูดจาให้ร้ายประเทศชาติตัวเอง

ก็มีคนเอาคำให้สัมภาษณ์ของซู จีมาให้ดูกันชัดๆ ว่า ระหว่างที่เธอถูกกักกันตัวอยู่นั้น ซู จีเรียกร้องให้นานาประเทศ "บอยคอตพม่า" ต่อไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

ฯลฯ

ข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ตรวจสอบ (หรือร้ายกว่านั้นคือรู้แล้ว แต่จงใจทำเป็นไม่รู้)

หลักการที่ไม่หนักแน่นมั่นคง

อุดมการณ์ที่เป็นแค่คำโฆษณา หรือเครื่องมือประหัตประหารผู้อื่น

และไม่เคยย้อนกลับมาตรวจสอบตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เพราะเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม (หรือสะกดจิตตัวเองให้เชื่อไปเสียแล้ว) ว่า ทั้งโลกนี้มีแต่เราดี เราถูก พวกเราเท่านั้นที่เยี่ยมยอด

ส่งให้ประชาธิปัตย์เป็นอย่างประชาธิปัตย์อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ถ้าเป็นแล้วมีความสุข ก็เป็นไปเรื่อยๆ-มีคนรออนุโมทนาให้

เพราะเข้าใจดีว่าฉายา "ดีแต่พูด" ไม่ได้ได้มาโดยโชคช่วยจริงๆ