ไต่สวน 6 ศพวัดปทุมฯ-จนท.พิสูจน์หลักฐานชี้ยิงจากรางรถไฟฟ้าบีทีเอส

ข่าวสดออนไลน์

9 พฤษภาคม 2556

วันที่ 9 พ.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดไต่สวนชันสูตรพลิกศพคดีที่พนักงานอัยการยื่นคำร้อง ขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตของ นายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้เสียชีวิตที่ 1 นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้เสียชีวิตที่ 2 นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้เสียชีวิตที่ 3 นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี อาชีพพนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน ผู้เสียชีวิตที่ 4 น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี อาสาพยาบาล ผู้เสียชีวิตที่ 5 และนายอัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้างและอาสาพยาบาล ผู้เสียชีวิตที่ 6 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อ 19 พ.ค.53

อัยการนำพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าเบิกความ 3 ปาก คือ ว่าที่ พ.ต.ท.สุรนาท วงศ์พรหมชัย กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ พ.ต.ต.ธีรนันท์ นคินทร์พงษ์ กลุ่มงานตรวจอาวุธและเครื่องกระสุน และ พ.ต.อ.พิภพ ไกรวัฒนพงศ์ กลุ่มงานผู้เชี่ยวชาญ

ว่าที่ พ.ต.ท.สุรนาท เบิกความโดยสรุปว่า วันที่ 21 พ.ค. 53 ได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ให้ไปร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุบริเวณวัดปทุมวนาราม และมีการตรวจเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง วันที่ 26 และ 29 พ.ค. 53 โดยขณะที่ไปตรวจนั้นไม่มีศพอยู่ในวัดแล้ว ผลการตรวจพบรอยเลือดบนพื้นถนนทางออกหน้าวัดปทุมวนาราม 4 จุด จึงเก็บตัวอย่างไปพิสูจน์ดีเอ็นเอ รวมถึงพบรอยคล้ายถูกยิงด้วยกระสุนปืน บริเวณพื้นถนนทางออกวัด 10 รอย และอีก 2 รอยบริเวณพื้นทางเข้า

ว่าที่ พ.ต.ท.สุรนาท เบิกความอีกว่า นอกจากนี้ยังพบรอยยิงด้วยกระสุนปืนอีกหลายจุด ได้แก่ บริเวณโครงเหล็กป้ายหน้าวัด, กระจกชั้นล่างอาคารมูลนิติสมเด็จพระมหิตลาธิเบศณ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก, ป้ายโฆษณาใต้ตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอส, กำแพงด้านหน้าวัด, ตอม่อรถไฟฟ้าใกล้กับทางเดินเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า (สกายวอร์ก), ประตูรั้วเหล็กและป้ายแผนที่บนสกายวอร์ก และสะพานลอยข้ามถนน บริเวณแยกพระราม 1 ติดกับแยกเฉลิมเผ่า นอกจากนี้ยังพบรอยแตกกะเทาะบริเวณผนังคอนกรีตรางรถไฟฟ้า แต่ยืนยันไม่ได้ว่าเป็นรอยกระสุนปืนหรือไม่ เพราะอยู่ในระยะไกล

ว่าที่ พ.ต.ท.สุรนาท เบิกความด้วยว่า วันที่ 21 พ.ค. 53 ซึ่งพยานเข้าไปตรวจสถานที่เกิดเหตุยังมีทหารควบคุมพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่ และพยานไม่ได้ตรวจบนรางรถไฟฟ้า เพราะประตูเหล็กปิด ไม่สามารถขึ้นไปได้ บริเวณสกายวอร์กก็เช่นกัน ทั้งนี้จากการตรวจสอบไม่พบเศษกระสุนในที่เกิดเหตุเลย แต่จากประสบการณ์ทราบได้ว่าเป็นรอยจากกระสุน ส่วนรอยกระสุนที่พบบริเวณพื้นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะยิงมาจากระนาบเดียวกัน ต้องมีมุมในการยิงจึงจะปรากฏรอยเช่นนี้ ขณะที่รอยบนกำแพงวัด ต้องเป็นการยิงมาจากภายนอกวัดเท่านั้น

ด้าน พ.ต.ต.ธีรนันท์ เบิกความโดยสรุปว่า ระหว่างวันที่ 21 พ.ค.-10 มิ.ย. 53 พยานได้ร่วมตรวจวิถีกระสุนบริเวณวัดปทุมวนาราม และถนนพระราม 1 ตั้งแต่สถานีที่รถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ถึงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลการตรวจบริเวณวัดปทุมวนาราม พบรอยกระสุน 23 รอย มีวิถีกระสุนจากบนลงล่าง จากภายนอกวัดเข้าไปในวัด โดย 10 รอยที่พบบริเวณพื้นถนนทางออกวัด ทำมุม 50-65 องศา แสดงว่าปากกระบอกปืนต้องอยู่บนที่สูง ซึ่งแนววิถีกระสุนสัมพันธ์กับรางรถไฟฟ้าบีทีเอสชั้นล่าง หรือชั้นบน กล่าวคือ ถ้ามีบุคคลยืนอยู่บริเวณนี้แล้วยิงปืนลงไป แนววิถีกระสุนก็จะสัมพันธ์กับรอยที่พบในวัด แต่พยานไม่ทราบว่าแต่ละรอยสัมพันธ์กับจุดที่ผู้ตายเสียชีวิตหรือไม่ เพราะไม่ทราบว่าผู้ตายอยู่ตรงจุดไหน

พ.ต.ต.ธีรนันท์ เบิกความอีกว่า ส่วนรอยกระสุน จำนวน 3 รอย บริเวณป้ายประชาสัมพันธ์ใกล้ประตูทางเข้าวัด พบว่าทำมุมกดลงประมาณ 50 องศา และรอยกระสุนบริเวณกำแพงหน้าวัด ใกล้ประตูทางเข้า จำนวน 6 รอย ทำมุมกดลงประมาณ 7, 35 และ 37 องศา โดยแนวที่ทำมุม 7 องศานั้น มีความเป็นไปได้ทั้งยิงจากที่สูงในระยะไกล หรือยิงจากพื้นระนาบในระยะใกล้ และตรวจสอบภายนอกวัด บริเวณถนนและสกายวอร์ก พบว่า มีแนวยิงจากหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปทางสถานีบีทีเอสสยาม 8 รอย มีทั้งที่ทำมุมเงยขึ้น ทำมุมเกือบตั้งฉาก และแนวระนาบ ส่วนแนวยิงจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามไปทางหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบ 60 รอย วิถีกระสุนขนานกับพื้นถนน และ 3 รอยวิถีกดลง นอกจากนี้ยังพบรอยที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นรอยกระสุนหรือไม่ 5 รอย บริเวณผนังคอนกรีตข้างรางรถไฟฟ้าด้วย

ด้าน พ.ต.อ.พิภพ เบิกความโดยสรุปว่า สน.ปทุมวัน นำเศษหมอนรองกระสุน และเศษกระสุน ที่พบจากศพในวัดปทุมวนารามมาให้ตรวจพิสูจน์ พบว่าเป็นเศษหมอนรองกระสุน และเศษกระสุนจากปืนเล็กยาว ขนาด .223 และส่วนหนึ่งระบุขนาดไม่ได้เพราะสภาพเสียหายมาก หลังจากนั้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งปืนเล็กกลชนิดเอ็ม 16 จำนวน 2 กระบอก ปืนทาโวร์ และปืนอาก้า อย่างละ 1 กระบอก มาให้ตรวจเปรียบเทียบกับเศษหมอนรองกระสุน และเศษกระสุนที่ได้รับมาก่อนหน้า ผลตรวจพบว่าไม่ได้เป็นเศษหมอนรองกระสุน และเศษกระสุนที่ยิงมาจากปืนทั้ง 4 กระบอกดังกล่าว

พ.ต.อ.พิภพ เบิกความอีกว่า ต่อมา สน.ปทุมวันส่งปืนเล็กกลชนิดเอ็ม 16 จำนวน 8 กระบอกมาให้ตรวจเปรียบเทียบอีก พบว่าไม่ได้ยิงมาจากปืนทั้ง 8 กระบอกนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามปืนทั้งหมดนี้สามารถถอดเปลี่ยนลำกล้องได้ ซึ่งจะมีผลต่อการตรวจเปรียบเทียบกับเศษกระสุน นอกจากนี้พยานจำไม่ได้ว่าในหนังสือส่งอาวุธปืนมีการระบุว่า ปืนทั้งหมดเป็นปืนที่ใช้ในวันเกิดเหตุหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไปวันที่ 16 พ.ค. นี้ โดยอัยการจะนำพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ขึ้นเบิกความอีก 3 ปาก