"ณัฐวุฒิ"ออกโรงหนุนเต็มที่ ส.ส.-ส.ว.ออกแถลงการณ์ค้านคำสั่งศาล รธน.

มติชนออนไลน์ วันอังคารที่ 23 เมษายน 2556


เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2556 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์แสดงความเห็นด้วยกรณีที่กลุ่ม ส.ส.และ ส.ว.ออกแถลงการณ์คัดค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ให้พิจารณา มาตรา 68 ว่า ตนสนับสนุนเต็มที่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติแสดงท่าทีชัดเจนในการปฏิเสธคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรายมาตรา เพราะถือเป็นการรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีแห่งอำนาจอธิปไตยของประชาชนที่มอบหมายให้ตัวแทนฝ่ายนิติบัญญัติเข้ามาทำหน้าที่ ดังนั้น เรื่องการออกกฎหมายเป็นอำนาจโดยชอบของฝ่ายนิติบัญญัติอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติถือเป็นการก้าวก่ายแทรกแซง และในที่สุดจะกลายเป็นชนวนในการสร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง สิ่งที่ตนอยากจะเรียกร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญคือขอให้ยอมรับท่าทีของฝ่ายนิติบัญญัติ ละวางจากการใช้ดุลพินิจเกินกว่าอำนาจที่กฎหมายบัญญัติให้ สถานการณ์ต่างๆ คงจะคลี่คลาย แต่ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญยังดึงดันและใช้อำนาจเรี่ยราดเหมือนที่ผ่านมา ก็เกรงว่าเมื่อเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและศาลรัฐธรรมนูญ บรรยากาศทางการเมืองอาจตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

"ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ฝ่ายนิติบัญญัติใช้ความอดทนอดกลั้นมาตลอด และถึงวันนี้ก็ขอทำตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติให้ แต่ความอดทนของคนมีขีดจำกัด และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบุคคล แต่เป็นโครงสร้างอำนาจในระบอบประชาธิปไตย เป็นหลักการที่ถึงเวลาคงประนีประนอมไม่ได้ นอกจากรักษาหลักการที่ถูกต้องไว้เพื่อให้ประเทศยังคงความเป็นประชาธิปไตย ผมจึงสนับสนุนให้เดินหน้า ในส่วนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็ควรทบทวนตัวเอง อย่าไปคิดว่าพวกท่านทั้ง 9 คนเป็นสุภาพบุรุษแห่งวังจุฑาเทพ ที่ทำอะไรออกมาแล้วจะมีคนเชียร์และสนับสนุน เพราะเล่นบทพระเอกตลอดเวลานั้น คงไม่ใช่ เพราะหากทำเกินอำนาจหน้าที่ ก็คงมีแต่สายตาที่ตั้งคำถาม" นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคการเมืองใดต้องการไปลิดรอนอำนาจฝ่ายตุลาการ แต่เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญมีเจตนาลิดรอนอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะอำนาจการสถาปนากฎหมาย เป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็มาดึง ถ่วงและเบรกไว้ ซึ่งจะทำให้บ้านเมืองมีปัญหา

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนอยากส่งสัญญานอันตรายถึงสังคมไทย จากการใช้ดุลพินิจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นอกเหนือการก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติแล้ว แม้แต่ฝ่ายตุลาการด้วยกันก็ยังงงเป็นไก่ตาแตกกับการใช้ดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีไปวินิจฉัย พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นต้น หากสังคมปล่อยให้องค์กรแบบนี้ใช้อำนาจล้นบรรทัดตลอดเวลา บ้านเมืองจะหาสมดุลไม่ได้ สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญทำ ไม่น่าเรียกว่าการถ่วงดุล แต่เป็นการถ่วงรั้งอำนาจอธิปไตย หากปล่อยไว้จะทำให้บ้านเมืองและบรรยากาศทางการเมืองเกิดความเสียหาย