ข่าวสดออนไลน์ วันพุธที่ 20 มีนาคม 2556
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
คาดเชือก
คาถาพัน
ไม่ใช่เฉพาะแต่ นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีศาลอาญาเท่านั้นที่ "มึนไปเลย"
เมื่อรับทราบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ในคดีอุ้มฆ่านักธุรกิจ-เชื้อพระวงศ์ซาอุดีอาระเบีย
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าคำร้องของจำเลยในคดีนี้ฟังขึ้น
และกฎหมายสืบพยานต่างประเทศนั้น "ขัดรัฐธรรมนูญ"
เพราะไม่คุ้มครองสิทธิ์จำเลย
คราวนี้ก็ป่วนสิครับ
ไหนจะผลต่อคดีนี้ทั้งทางเศรษฐกิจ
สังคม การเมือง หรือหน้าตาของประเทศ
ไหนจะผลกับคดีอื่นๆ อย่างคดียาเสพติด
คดีอาชญากรรมข้ามชาติ ที่สืบพยานกันอย่างนี้มาหลายครั้ง
และยังต้องสืบกันอีกมากในอนาคต
แต่ที่ยิ่งทำให้ป่วนหนักข้อขึ้นไป
ก็คือการอภิปรายของนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์
ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
ที่บอกว่าคำวินิจฉัยในคดี นายสมัคร สุนทรเวช
นั้นผิดพลาดเพราะความสุกเอาเผากิน
ถึงจะแก้ตัวทีหลังว่าที่บอกว่าผิดพลาดนั้นหมายถึงการเขียนสำนวน
ไม่ใช่เนื้อหาของคดี
แต่ก็ฟังไม่ค่อยขึ้น
เพราะตอนที่ท่านพูดนั้นมีการยกตัวอย่างประกอบด้วยว่า
เวลาพิจารณาไปยกเอาข้อกฎหมายขึ้นมาก่อนข้อเท็จจริง
ทั้งที่ควรจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้นก่อน
จะให้เชื่อท่อนไหนดี?
ไหนจะเรื่องที่บอกว่ายุบพรรคพลังประชาชน
ชาติไทย และมัชฌิมา
เพราะกลัวว่าการจลาจลในบ้านเมืองขณะนั้นจะไม่จบอีก
ชาวบ้านเลยถึงบางอ้อว่า
เดี๋ยวนี้เวลาท่านวินิจฉัยคดี
นอกจากหลักกฎหมายแล้วยังเอาปัญหาการเมืองมาเป็นปัจจัยร่วมพิจารณาด้วย
แล้วต่อไปชาวบ้านจะรู้ไหมว่าคดีไหน
สุกเอาเผากินหรือละเอียดรอบคอบ
คดีไหนใช้หลักกฎหมายหรือใช้หลักการเมืองพิจารณา
และขออนุญาตตบท้ายแบบธรรมะธัมโมหน่อยว่า
ศรัทธาตามหลักพุทธศาสนานั้นมี 4
ประการ
ขึ้นมาข้อแรกเลยก็คือ
กัมมสัทธา เชื่อกรรม เชื่อกฎแห่งกรรม
เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง
คือจงใจทำทั้งรู้ ย่อมเป็นกรรม