วงสัมมนา "เพื่อไทย" ยังไร้แนวทางแก้ รธน. ที่ชัดเจน

เดลินิวส์ วันที่ 7 มกราคม 2556

วงสัมมนา เพื่อไทย ไร้แนวทางแก้ รธน. ที่ชัดเจน “พงศ์เทพ” เห็นด้วย “ภูมิธรรม” ฟังความเห็นสถาบันศึกษา ก่อนเอาเข้าคณะทำงานที่รัฐบาลตั้งขึ้นพิจารณาครั้งสุดท้าย

วันนี้ ( 6 ม.ค.) ที่โรงแรมเดอะกรีนเนอร์รี่ รีสอร์ท แอนด์สปา เขาใหญ่ ในการสัมมนาพรรคเพื่อไทย พรรคได้กำหนดวาระนำ 3 แนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญประกอบด้วย 1.ทำประชามติก่อนแก้ไขทั้งฉบับ 2.การเดินหน้าลงมติวาระ 3 และ 3. การแก้ไขรายมาตรา โดยระดมความเห็นก่อนตัดสินใจร่วมกันว่าจะเลือกดำเนินการในแนวทางใด แต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้แม้ว่าจะมีการถกเถียง อภิปรายข้อดีข้อเสียอย่างกว้างขวาง โดยแกนนำพรรคยังสนับสนุนการออกเสียงประชามติซึ่งในช่วงบ่ายเป็นการสัมมนาใน หัวข้อ “ทางออกประเทศไทย... รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตย คนไทย ต้องมีความสุข” โดยนายภูมิธรรม เวชชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้มีการถกเถียงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างกว่างขวางซึ่งมีความเห็นที่ ตรงกันว่าในธรรมนูญปี 50 เป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จึงต้องแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตย แต่รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวได้มีกับดักในการแก้ไขและมีปัญหาในทุกขั้นตอนทำ ให้การแก้รัฐธรรมนูญมีความยากลำบาก จึงเสนอให้สถาบันการศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยหาทางออกในเรื่องนี้ โดยให้คณะนิติศาสตร์และคณะรัฐศาสตร์ในสถาบันการศึกษาชั้นนำ ของประเทศ 3 มหาวิทยาลัย ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าวภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ประกอบกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้มีผลออกมาอย่างชัดเจนว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรและแก้ไขตรงไหนบ้าง โดยให้ประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นสาธารณะให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยใช้เวลา ประมาณ 45-60 วัน จากนั้นให้เอาข้อสรุปดังกล่าวเสนอให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ ในฐานะคณะทำงานศึกษาข้อกฎหมายและวิธีการออกเสียงประชามติ พิจารณาอีกครั้ง และผลเป็นอย่างไรก็ให้ยึดตามนั้น ซึ่งระหว่างนี้ในส่วนของรัฐบาลก็ให้เดินหน้าเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการ แก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ประชาชนให้มากที่สุด
จากนั้นยังได้เปิดให้สมาชิกแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เป็นแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และส.ส.ได้ลุกขึ้นอภิปราย อาทิ นายคมเดช ไชยศิวามงคล  ส.ส.กาฬสินธุ์ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต่างเห็นพ้องยืนยันให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเดินหน้าลงมติวาระ 3โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ คนเสื้อแดงยืนยันว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องเดินหน้าลงมติวาระ 3 ไม่ว่าเสียงที่ออกมาจะคว่ำหรือผ่านก็ตาม ทั้งนี้เห็นด้วยข้อเสนอเลขาธิการพรรคเพื่อไทยที่ให้สถาบันการศึกษาได้ศึกษา แนวทางเพื่อเสนอต่อคณะทำงานศึกษาข้อกฎหมายและวิธีการออกเสียงประชามติ ในส่วนของคนเสื้อแดงจะเดินหน้าทำหนังสือถามศาลรัฐธรรมนูญตามที่ได้แถลง2 ข้อควบคู่กันไป คือ 1.มีคำสั่งห้ามโหวตวาระ 3 หรือไม่ และ 2.สั่งให้ทำประชามติได้หรือไม่ ภายในสัปดาห์นี้ ระหว่างนี้ขอรัฐบาลอย่าเพิ่งทำประชามติ ขอให้รอคำตอบจากศาลรัฐธรรมนูญ สิ่งนี้จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดและไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ 2 พันล้านบาทในการจัดทำประชามติ ด้าน พ.อ.อภิวัน วิริยชัย ได้ลุกขึ้นอภิปรายคัดค้านไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของ เลขาธิการพรรคเพื่อไทยเนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของฝ่าย นิติบัญญัติไม่ใช้ของนักวิชาการและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องเร่งมีคำตอบที่ ชัดเจนภายใน 1 เดือนนี้เพราะหากปล่อยให้ล่าช้าจะไม่เป็นผลดี อย่างไรก็ตามพรรคมีมติอย่างไรตนก็พร้อมปฏิบัติตามลงไปศึกษาเพื่อหาคำตอบภาย ใต้ใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้และจากคำวินิจฉัย จะแก้รัฐธรรมนูญจะทำได้เป็นอย่างไรและระหว่างนี้ก็เผยแพร่ความรู้ให้ประชาชน ให้มากที่สุด
ด้าน นพ.ชลน่าน  ศรีแก้ว รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอซึ่งเป็นทางเลือกที่ 4 ของเลขาธิการพรรคเพื่อไทย จึงขอเสนอทางเลือกที่ 5 ที่เมื่อวันนี้การลงมติวาระ 3 ค้างพิจารณาของสภา ตนเสนอให้พรรคเพื่อไทยญัตติขอให้รัฐสภากลับไปทบทวนวาระ 2 เพื่อไปตอบคำถามศาลรัฐธรรมนูญและคนห่วงใยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้เพิ่มเนื้อหาใน มาตรา291 ให้มีการทำประชามติก่อนที่จะยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
อย่างไรก็ตาม นายพงศ์เทพ ได้กล่าวสรุปช่วงท้ายว่า ที่บอกกันว่าทุกปัญหามีทางออก แต่ขณะนี้กลายเป็นว่าทุกทางออกมีปัญหา ดังนั้นต้องใช้สูตรเดิม คือความรอบคอบ เพราะการใช้กฎหมายที่ผ่านมาทำให้คาดคิดได้ยาก มีการใช้อำนาจสองมาตรฐานมาโดยตลอด คดีเหมือนกัน ข้อเท็จจริงเดียวกัน แต่วินิจฉัยแตกต่างกัน โดยเฉพาะข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับซีกหนึ่ง อลุ้มอล่วยเป็นพิเศษ ขณะที่อีกฝ่ายใช้พจนานุกรมเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน โดนยุบมาพรรคมาหลายครั้ง ทั้งนี้ ควรให้สถาบันการศึกษาไปดำเนินการเพื่อให้เห็นปัญหาจริงๆ ว่าคืออะไร โดยหลังจากนี้จะนำความเห็นของทุกฝ่ายไปนำเสนอคณะทำงานที่รัฐบาลตั้งขึ้น เพื่อพิจารณาและดำเนินการต่อไป.