กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
17 มกราคม 2556
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำนปช. กล่าวถึงข้อเสนอของกลุ่มนปช.เรียกร้อให้รัฐบาลออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรมนักโทษการเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2550 - 31 ธ.ค. 2554 ให้มีผลนิรโทษกรรมกับประชาชนทั้งสองฝ่าย ว่า การเสนอกฎหมายดังกล่าวเพราะนปช.มองว่ากลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 2549 เป็นต้นมา ไม่ได้มีพื้นฐานเป็นอาชญากร แต่เป็นสุจริตชนที่แต่ละคนรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ถูกกระทำและไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการเมือง
จึงออกมาต่อสู้ตามอุดมการณ์ แต่เมื่อต้องคดีความก็ควรได้รับโอกาสจากกระบวนการยุติธรรม เพราะเมื่อเทียบเคียงกับอาชญากรที่ก่อคดีอุกฉกรรรจ์ต่างๆแล้วก็ยังมีช่องทางจะได้รับโอกาสจากกระบวนการยุติธรรม และเมื่อตัดเงื่อนไขที่แกนนำของทุกกลุ่มจะได้รับออกไป ก็จะลดเงื่อนไขความขัดแย้งได้มากพอที่จะเดินหน้านิรโทษกรรมให้กับประชาชนทุกสีเสื้อได้ จึงนำมาสู่เหตุผลที่แกนนำนปช.ยื่นข้อเสนอเรื่องพ.ร.ก.นิรโทษกรรม เพื่อให้รัฐบาลพิจารณา
"แกนนำนปช.เห็นว่าประชาชนที่บริสุทธิ์ ควรได้รับโอกาสจากกระบวนการยุติธรรม ซึ่งการยื่นอิสรภาพให้กับประชาชนที่ต้องคดี หรือถูกจองจำน่าจะเป็นช่องทางหนึ่งจะสร้างความปรองดองและสามมัคคีของคนในชาติได้ต่อไป เพราะถ้าประชาชนรวมทั้งเพื่อนร่วมอุดมการณ์กังวลและรู้สึกว่าตัวเองได้รับความ อยุติธรรม ความปรองดองก็จะเกิดขึ้นได้ยาก และพ.ร.ก.นิรโทษกรรม ที่เสนอก็จะมีผลเฉพาะประชาชนเท่านั้น"นายณัฐวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่ากลุ่มนปช.ศึกษารายละเอียดของพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่าไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จากการปรึกษาหารือกับนักกฎหมายระดับครูอาจารย์ ซึ่งให้ความเห็นว่าร่างพ.ร.ก.นิรโทษกรรม สามารถนำเสนอและออกเป็นกฎหมายให้มีผลบังคับใช้ได้ต่อไป ส่วนความคิดเห็นที่แตกต่างของฝ่ายต่างๆนั้น ถือว่าเรานำมาตีความหารือกันได้โดยไม่ถือเป็นความขัดแย้งกันแต่อย่างใด ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของนปช.ยืนอยู่บนหลักเหตุผลและข้อเท็จจริง
