ถึงเวลา "นิรโทษกรรม" ผู้ชุมนุมการเมือง !?

ข่าวสดออนไลน์ วันอังคารที่ 29 มกราคม 2556

 
รายงานพิเศษ


ประเด็นนิรโทษกรรมถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมีการเคลื่อนไหวใน 4 ส่วน ประกอบด้วย 1.กลุ่มนิติราษฎร์ เสนอนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุม ไม่เกี่ยวกับระดับแกนนำ 2.กลุ่มปฏิญญาหน้าศาล สนับสนุนร่างของนิติราษฎร์ 3.กลุ่มนปช. เสนอพ.ร.ก.นิรโทษกรรม และ 4.คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) เสนอพ.ร.บ. นิรโทษกรรม

ทำให้เกิดคำถามว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะตรากฎหมาย ดังกล่าว และขอบเขตของผู้ได้รับอานิสงส์ควรครอบคลุมใคร เหตุการณ์ใด

วีรพัฒน์  ปริยวงศ์

 
วีรพัฒน์  ปริยวงศ์
นักกฎหมายอิสระ
 
เห็นด้วยกับหลักการร่างพ.ร.บ. นิรโทษกรรมที่เสนอโดย คอ.นธ ที่มี นายอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน โดยให้ส.ส. และส.ว.ดำเนินการ ซึ่งเป็นร่างที่นิรโทษกรรมเฉพาะบุคคลที่ไปร่วมชุมนุมทางการเมืองหรือแสดงออกทาง การเมือง ไม่ว่าการฝ่าฝืนกฎหมายห้ามชุมนุม การต่อสู้ขัดขืน การทำร้ายร่างกายหรือทรัพย์สินผู้อื่นในช่วง 19 ก.ย.2549-10 พ.ค.2554

แต่ไม่รวมนักการเมือง แกนนำ หรือผู้มีบทบาทนำคนออกมาชุมนุม

หลักการนี้จะคล้ายๆ กับพ.ร.ก.นิรโทษกรรมที่นปช.เสนอ เกือบทุกฝ่ายเห็นด้วยกับหลักการนี้ที่ต้องการให้นิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนคนธรรมดาเท่านั้น ซึ่งเป็นหลักการที่มาถูกทางแล้ว คลายความขัดแย้งในสังคมได้เพราะผู้ที่มาชุมนุมทางการเมืองอย่างสุจริตใจนั้น เพียงต้องการแสดงออกทางการเมือง เช่นไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร หรือไม่เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐบาลในห้วงเวลานั้นๆ เป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว

บางคนก็ต้องการเพียงไปฟังหรือร่วมชุมนุมเท่านั้น เพียงแต่ว่าไปอยู่ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น ทำให้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดไปด้วย

แต่ผมตั้งข้อสงสัยไว้ว่าหากบุคคลธรรมดาที่กล่าวมานั้น ไปร่วมชุมนุมโดยกระทำการใดที่ร้ายแรง เช่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นอย่างรุนแรง หรือทำลายทรัพย์สินเสียหายอย่างรุนแรง จะนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่

เพราะร่างพ.ร.บ.นี้ยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องอาญา เพียงแต่กล่าวไว้ว่าการนิรโทษกรรมนี้ไม่ได้ตัดสิทธิที่ภาคเอกชนหรือประชาชนที่จะเรียกร้องความเสียหายทางแพ่ง ซึ่งการดำเนินคดีทางแพ่งอย่างเดียวคงยังไม่พอ ควรมีวิธีการอื่นๆ ด้วย เช่น เสนอให้ดำเนินคดีแต่รอลงอาญา หรือขอโทษและแสดงความรับผิดชอบ

เหตุการณ์การชุมนุมผ่านมานานแล้ว ผู้ชุมนุมที่ได้รับเคราะห์กรรมความไม่เป็นธรรมยังมีอยู่เยอะ คนที่รอการเยียวยายังมีอยู่ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะนำเรื่องนี้มาคุยกัน

การเสนอนิรโทษกรรมที่ผ่านมามักมีปัญหาหรือข้อขัดแย้ง เนื่องจากพ่วงนักการเมืองหรือแกนนำเข้ามารับประโยชน์ จึงเป็นปัญหาเหมือนการเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองที่เกิดความตึงเครียด เพราะนักการเมืองเล่นไม่ซื่อและไปอ้างว่าเป็นการปรองดอง

ผมไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมแบบยกเข่ง
 


พล.อ. เอกชัย  ศรีวิลาศ
 
พล.อ. เอกชัย  ศรีวิลาศ
ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า
 
เหตุการณ์สลายการชุมนุม 2-3 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ถือว่าเริ่มคลี่คลาย ลดความเคลือบแคลงสงสัยจากสังคมไปบ้างแล้ว

กระบวนการยุติธรรมก็เริ่มเดินหน้า ผ่านการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ สืบสวนหาข้อเท็จจริงร่วมกับตำรวจและอัยการ ทำสำนวนส่งฟ้องศาล และศาลทยอยตัดสินแล้วว่าการเสียชีวิตของคนเสื้อแดงที่ร่วมชุมนุมเกิดจากฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ

ได้แก่ คดีนายพัน คำกอง นายชาญณรงค์ พลศรีลา นายชาติชาย ชาเหลา และด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ รวมถึงกรณีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ที่ศาลยกฟ้อง เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ

กลุ่มนปช.จึงเสนอพ.ร.ก.นิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือนักโทษการเมืองอีกหลายรายที่ยังถูกคุมขัง ซึ่งบางรายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว คดีความก็ไม่คืบหน้า

ผมเห็นด้วย เพราะประชาชนที่ติดคุกนานเป็นปี เท่ากับว่าชีวิตเขาถูกทำลาย ไม่สามารถทำมาหากินได้ ครอบครัวอาจแตกแยก และหากศาลตัดสินว่าจำเลยไม่มีความผิด เราจะทำอย่างไร ก็ต้องให้เขาได้รับสิทธิเยียวยาจากสิ่งที่สูญเสียไป

ข้อเสนอกลุ่มนิติราษฎร์ก็คล้ายกัน คือช่วยเหลือนักโทษการเมืองโดยยกเว้นระดับแกนนำ นับเป็นเรื่องใหม่ที่น่าสนใจ แต่การให้อำนาจคณะทำงานทั้ง 5 คนนั้น จะเชื่อถือได้อย่างไร หากการทำงานไม่ต่างจากองค์กรอิสระ เราจะทำอย่างไร

การเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมของหลายๆ กลุ่มในช่วงเวลานี้นับว่าเหมาะสม แต่เหมาะสมเพียงแค่เหตุการณ์เฉพาะหน้า ทำได้เพียงบรรเทาความขัดแย้งในระยะสั้น

เพราะภาพใหญ่อย่างพ.ร.บ.ปรองดองที่จะแก้ความขัดแย้งในระยะยาวยังค้างอยู่ในสภา รัฐบาลซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญที่ต้องผลักดันกลับไม่กล้าเดินหน้าอย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากเกรงว่าจะถูกล้ม

เช่น กรณีการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 วาระ 3 และการทำประชามติ รัฐบาลก็ไม่กล้าเดินหน้า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปโอกาสที่จะจบความขัดแย้งอย่างราบรื่นคงยาก ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายยังหาทางบรรจบกันไม่ได้

อีกทั้งมองว่าหลักเกณฑ์การสร้างความปรองดองคือต้องค้นหาความจริง อย่างที่กระบวนการยุติธรรมกำลังเดินเหน้า เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด

และต้องเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมืองที่เกิดขึ้น