ข่าวสด 17 มกราคม 2556
ที่ห้องพิจารณา 804 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 17 ม.ค.56 เวลา 09.50 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.2740 /2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และจำเลยคดีก่อการร้าย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 2,8, และ12 เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 มี.ค.53 ขณฯะจำเลยได้ขึ้นปราศรัยบนเวที นปช. เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิด มาตรา 112 ให้จำคุก 3 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายยศวริศ มีสีหน้านิ่งเฉย พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เตรียมเงินสด 5 แสนบาทไว้ยื่นประกันตัว โดยเตรียมจะใช้ตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไว้ด้วยหากศาลเห็นว่าหลักทรัพย์ 5แสนบาทไม่เพียงพอ ทั้งนี้ตนยืนยันว่ามีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยที่ผ่านมานั้นเคยเป็นคณะกรรมการจัดงานฉลองพระเกียรติเฉลิมพระชมพรรษา เป็นระยะเวลามา 20 ปี ขาดไปแค่ 2 ปีเท่านั้นที่ตนไม่ได้เป็นผู้จัดงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. , นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. และ นางกรุณา มอริส ภรรยานายยศวริศ ได้เดินทางมาเพื่อเป็นกำลังใจนายยศวริศอย่างใกล้ชิดด้วย โดยไม่มีกลุ่มมวลชนเสื้อแดง เดินทางมาให้กำลังใจนายยศวริศแต่อย่างใด
ภายหลังนายธำรงค์ หลักแดง ทนายความนายยศวริศ จำเลย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสด 500,000 บาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี
ขณะที่นายธำรงค์ ทนายความ กล่าวว่า การต่อสู้คดีชั้นอุทธรณ์จะเน้นประเด็นเรื่องเจตนา ซึ่งนายยศวริศไม่มีเจตนาหมิ่นสถาบัน ขณะที่คำพูดไม่มีระบุถึงสถาบันแต่อย่างใด ซึ่งคำพิพากษาวันนี้ศาลพิจารณาเรื่องของเจตนา อย่างไรก็ดีเรื่องหลักประกันคิดว่า 500,000 บาทน่าจะเพียงพอเนื่องจากคดีนี้ศาลพิพากษาจำคุกเพียง 2 ปีเท่านั้น
ด้านอ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวว่า คดีนี้ก็เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่า มาตรา 112 ก็เป็นปัญหาต่อคนวงกว้างในสังคมไทย ที่อาจจะต้องมีการปรับปรุง ซึ่งหากมาตรา 112 ถูกกระทบมากอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
อ.ธิดา ยังได้กล่าวกรณีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา คดีไต่สวนชันสูตรการตาย นายบุญมี เริ่มสุข ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมปช.เมื่อปี 53 ว่า ที่คำสั่งศาลระบุว่า หาผู้ยิงไม่ได้นั้น ตนคิดว่าเพราะการทำสำนวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่รัดกุมพอ ขณะที่ขั้นตอนการสืบคดีมีการเปลี่ยนทนายความ ซึ่งทนายความคนเดิมอาจจะไม่ได้มีการดูแลคดีอย่างรอบคอบ
ส่วนที่คำสั่งศาลระบุด้วยว่ามีการยิงตอบโต้ระหว่างทหารและกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ตนยืนยันว่าในกลุ่มนปช.ไม่มีการพกพาอาวุธสงคราม ไม่มีใครถือมาเดินป้วนเปี้ยน มีเต็มที่ก็แค่อาจจะพกอาวุธปืนสั้นเท่านั้น นอกจากนี้ที่คำสั่งระบุด้วยว่า บาดแผลการถูกยิงของเจ้าพนักงานเป็นชนิดเดียวกับนายบุญมีนั้น ตนยืนยันว่าไม่มีทหารถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ขนาด .223 มีแต่ที่ถูกยิงด้วยเอ็ม 67 ซึ่งอยู่คนละจุดกับที่นายบุญมีนั้นถูกยิง อย่างไรก็ตามเป็นที่แน่นอนว่า ฝ่ายตรงข้ามจะเอาคำพิพากษาคดีนายบุญมีไปใช้เล่นงานนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งจะใช้อ้างได้ว่ากลุ่มประชาชนมีอาวุธ ทั้งนี้ท้ายสุดอยากฝากให้ดีเอสไอ ได้ทำสำนวนการเสียชีวิตของนายบุญมีใหม่ด้วย