ทีมข่าว นปช.
18 ธันวาคม 2555
การเมือง ข่าวสด
รับรู้กันดีว่าประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายปรองดอง จะเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งครั้งใหม่
ให้หลังคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ประกาศ ผลักดันให้รัฐสภาโหวต วาระ 3 ฝ่ายค้านและแนวร่วมก็ประกาศคัดด้านทันที
เพื่อลดอุณหภูมิ ครม.วันที่ 11 ธ.ค. จึงมีมติให้รอผลสรุปการทำประชามติ หรือประชาเสวนา ฟังความเห็นประชาชนก่อนเดินหน้าโหวต
ประธาน แนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ธิดา โตจิราการ
ประธาน นปช.
รู้สึก เป็นห่วงว่าหากรัฐบาลยึดแนวทางการลงประชามติตามมาตรา 165 จะเป็นกับดักที่น่าเป็นห่วงในสถานการณ์แบบนี้ เพราะมาตรา 165 ระบุว่าประชามติจะผ่านได้จะต้องได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด 48 ล้านคน
ดังนั้น การให้ได้คะแนนเกิน 24 ล้านคน คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะประชาชนมาใช้สิทธิ์อย่างมากก็แค่ 70% จึงรู้สึกกังวลในตัวบทกฎหมายตรงนี้ ที่เขียนเหมือนไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เลย ไม่ว่าจะชาติไหนๆ ก็แก้ไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นว่าประชามติไม่ผ่านก็จะไม่แก้
ดังนั้น การที่รัฐบาลบอกว่าจะทำประชามติอยากรู้ว่าจะทำอย่างไร อยากให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยพิจารณาให้รอบคอบว่าหากยึดแนวทางการลง ประชามติจริง ผลจะเป็นอย่างไรเมื่อพบว่ามีปัญหาเรื่องของเทคนิคทางกฎหมาย
หาก รัฐบาลคิดว่าการชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้คนกลุ่มหนึ่งพอใจแล้วจะช่วยลด ความขัดแย้งได้นั้น อยากให้คิดว่าอาจปลอดภัยจากคนกลุ่มหนึ่งแต่อาจต้องเผชิญหน้ากับคนอีกกลุ่ม หนึ่ง
โดยเฉพาะรัฐบาลต้องไม่ลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ในนโยบายข้อที่ระบุว่าพรรคเพื่อไทยจะแก้ไขรัฐธรรมนูญภายใน 1 ปี รัฐบาลมีฐานะเป็นฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบสิ่งที่ประกาศเป็นนโยบาย สิ่งสำคัญคือต้องรับผิดชอบต่อจิตใจของประชาชนด้วย
เพราะวันนี้คน เสื้อแดงมุ่งหวังตรงกันในการเดินหน้าทางยุทธศาสตร์ดังกล่าว และหากรัฐบาลถอยจะกลายเป็นว่าจะไม่สามารถแก้ไขได้เลยหรือไม่ จึงอยากเสนอให้เปลี่ยนจากการทำประชามติเป็นการทำประชาพิจารณ์ กับตั้งเวทีสานเสวนา เพื่อนำประเด็นที่ได้มาทำโพลว่าควรมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้างก็พอ
เพราะอย่างที่บอกว่าการทำประชามติมีปัญหาทางเทคนิคในตัวบทกฎหมาย ที่เขียนไว้ หากรัฐบาลเดินหน้านอกจากรัฐบาลจะเดินลงหลุมเองแล้วอาจนำพาประชาชนลงหลุมด้วย หรือไม่
แม้รัฐบาลจะระมัดระวังตัวได้แต่ก็ไม่ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความกลัว โดยทำตัวเป็นเด็กดีของอำมาตย์แต่ไม่เป็นเด็กดีของประชาชน
