สรุปการทำงานตามภาระหน้าที่ของนปช.ที่กำหนดไว้ในปี 2555



ทีมข่าว นปช.
27 ธันวาคม 2555


 
“สรุปการทำงานตามภาระหน้าที่ของนปช.ที่กำหนดไว้ในปี 2555”
ธิดา  ถาวรเศรษฐ   26 ธันวาคม 2555 
1.          การรณรงค์เพื่อให้ปล่อยตัวมวลชนเสื้อแดงและผู้ถูกจับกุมคุมขังโดยมิชอบให้ได้รับการประกันตัวเพื่อดำเนินคดีอย่างรัฐที่มีนิติธรรม
        ข้อนี้ด้วยความร่วมมือของรัฐบาล  สามารถประกันตัวไปได้เหลืออยู่หลักสี่ 22 คน  กรณี 112 อีกจำนวนหนึ่ง  แต่เนื่องจากเกือบทั้งหมดขอยุติคดีเพื่อรับพระราชทานอภัยโทษ  จึงได้ประสานกับหน่วยงานกรมราชทัณฑ์อำนวยความสะดวกให้การขอพระราชทางอภัยโทษเป็นไปโดยไม่ชักช้า  ที่สำคัญคือขอที่คุมขังเฉพาะผู้ต้องหาทางการเมืองที่คดียังไม่ยุติให้สะดวกในการเยี่ยมและสามารถดูแลได้สะดวกขึ้น  กลุ่มทนายจึงมีชุดขอประกันตัว  ชุดต่อสู้คดี  และชุดฟ้องร้องอภิสิทธิ์  สุเทพและเจ้าหน้าที่รัฐ  ทำความจริงให้ปรากฏ  ขณะนี้เรายังมีคนร่วม 30 กว่าคนที่ยังถูกคุมขัง  บางคนถูกตัดสินหนักถึงกว่า 30 ปี   เราจึงพิจารณาขอให้คณะรัฐมนตรีออกพรก.นิรโทษกรรมประชาชนทุกสีเสื้อที่ถูกคดีอันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมือง  เพราะยากที่จะช่วยพี่น้องประชาชนที่ถูกดำเนินคดีโดยกระบวนการยุติธรรมปกติได้
        แม้จะได้ช่วยประกันตัวออกมามากมาย  แต่คดีพี่น้องเราในศาลก็มีมากที่น่าห่วงใย
 2.          การช่วยกันเยียวยาผู้ถูกกระทำและครอบครัวตลอดจนการประกันตัวและต่อสู้คดี
        ภาระนี้นปช.ทำได้บางส่วนด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณและบุคลากร  ปัจจุบันกลายเป็นบทบาทรัฐบาล  ทางพรรคเพื่อไทย  และคณะบุคคลที่ได้รับงานจากคุณทักษิณ  ชินวัตร  และเป็นการทำงานอิสระของกลุ่มต่าง ๆ  ซึ่งหมายรวมถึงนปช.ด้วย  แต่การเรียกร้องรัฐบาลให้เยียวยาผู้เสียชีวิต 10 ล้าน ก็เป็นการเริ่มต้นที่ได้รับการตอบสนองจากภาครัฐเป็น 7.5 ล้านก็อยู่ในวิสัยที่รับได้  ขณะนี้ต้องเปิดรับดูแลการเยียวยาที่ยังทำได้ไม่ครอบคลุมเพียงพอ  เพราะขีดจำกัดของการเบิกจ่ายงบประมาณและการทำงานในระบบราชการ นปช.จึงต้องรับเรื่องร้องทุกข์การเยียวยาโดยประสานกับกรรมาธิการและส.ส.ในรัฐสภา 
        การจัดทนายและทรัพย์สินในการประกันตัวและต่อสู้คดีต้องอาศัยคณะทนายที่รับผิดชอบถึงที่สุด  ได้พยายามให้มีทนายคนละชุดกันคือทนายจากสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยมาช่วยประกันตัว  โดยเตรียมตั้งแต่ปลายปี 2554 และได้มาดำเนินงานในปี 2555 เพราะนปช.ขาดแคลนทุนทรัพย์  จำต้องให้กระทรวงยุติธรรมโดยกรมคุ้มครองสิทธิสนับสนุนงบประมาณในการประกันตัว  จึงได้ประกันตัวออกไปอีกจำนวนหนึ่งในปีที่ผ่านมา
 3.          การเรียกร้องความยุติธรรม  การเปิดเผยความจริงในการปราบปรามประชาชน  และการใช้กฎหมายตามหลักนิติรัฐนิติธรรมด้วยมาตรฐานเดียวกัน
        เราได้เรียกพยาน  จัดหาพยานและทนายเสริมงานฝ่ายสอบสวนเพื่อฟ้องร้องเอาผิดผู้สั่งการปราบปรามประชาชนดังขณะนี้เริ่มได้ผล  ด้วยความร่วมมือจากทนายคณะอื่นของพรรคเพื่อไทยและส.ส. ตลอดจนผู้สนับสนุนด้านข้อมูล    ทำให้คดีต่าง ๆ เริ่มดำเนินไป  ศาลไต่สวนตามมาตรา 150 แล้วมีคำสั่งให้ดำเนินคดีในฐานะผู้สั่งการก่อให้เกิดการตาย  และกำลังจะเพิ่มคดีข้อหาพยายามฆ่าสำหรับผู้บาดเจ็บ  ภาระหน้าที่นี้ยังต้องทำอยู่  เรียกร้องให้ผู้บาดเจ็บมาพบ DSI และประจักษ์พยานเพิ่มเติมทั้งกรณีตาย บาดเจ็บ
        เราได้ทำเอกสารค้านคอป. ในการรายงานผลการปราบปรามประชาชนที่พูดถึงชายชุดดำโดยคำบอกเล่าจากทหารอย่างเลื่อนลอย  บิดเบือน  อคติ  โดยทำเอกสารทั้งภาษาไทยและต่างประเทศคัดค้านรายงานคอป.  พร้อมแนะนำเอกสารที่น่าเชื่อถือมากกว่าคือศปช. ศูนย์ข้อมูลประชาชนเพื่อความยุติธรรม
 4.          การยกระดับการต่อสู้ของประชาชนให้สูงขึ้นด้วยองค์ความรู้  มิให้ลื่นไถลไปในความคิดสุ่มเสี่ยงหรือความคิดยอมจำนวนอย่างไร้หลักการ
        เราได้จัดการแถลงข่าวเพื่อสื่อสารกับประชาชนคนเสื้อแดง  จัดรายการโทรทัศน์ เช่น ชูธง, เหลียวหลังแลไปข้างหน้า, รายการใน ASIA UPDATE, MV5 ของแกนนำนปช.  เพื่อแจ้งข่าวสารข้อมูลทำความเข้าใจชี้แจงในสถานการณ์ต่าง ๆ
        และได้จัดโรงเรียนผู้ปฏิบัติงานนปช.ระดับต้นได้ถึงเวลานี้ 7 โรงเรียน  มีผู้เข้าเรียนโดยตรงประมาณ 3 หมื่นคน  และเรียนผ่านหน้าจอโทรทัศน์อีกรวมนับแสนคน  ถือเป็นจุดเด่นของนปช.แดงทั้งแผ่นดินในการทำโรงเรียนการเมืองที่ผู้เรียนประสงค์เข้าเรียนมากกว่าที่สามารถจัดได้ในทุกที่  ซึ่งในปีใหม่ก็ต้องทำต่อไปในโรงเรียนที่ภาคใต้และกทม.อีกครั้งหนึ่ง
        จากนั้นจึงต้องพิจารณาว่าจะจัดในจังหวัดสำคัญที่มีความเรียกร้องต้องการของมวลชนและแกนนำสูง  ก่อนที่จะเข้าสู่หลักสูตรโรงเรียนการเมืองระดับกลางและระดับสูงต่อไป
        การจัดการปราศรัย  เสวนา  และการอภิปรายก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ยกระดับการต่อสู้ของประชาชนให้ได้คุณภาพสูงควบคู่กับปริมาณที่เพิ่มขึ้น
 5.          ภาระหน้าที่ผลักดัน  จัดตั้งรัฐบาลประชาชนให้เลือกตั้งได้ราบรื่นแลมีรัฐบาลที่สามารถบริหารประเทศได้  ได้ผ่านพ้นไปแล้วในปี พ.ศ.2554
        ภาระหน้าที่ในการทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งดำรงอยู่โดยไม่ถูกจัดการด้วยวิธีการนอกระบบ  เช่นความพยายามสร้างมวลชนเพื่อล้มรัฐบาล  หรือการทำรับประหารใด ๆ นั้น  องค์กรประชาชนคนเสื้อแดงมีบทบาทสำคัญในการค้ำยันรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมิให้ถูกกำจัดโดยเครือข่ายระบอบอำมาตย์ที่พยายามทำทุกทาง  ดังจะเห็นได้จากความพยายามก่อการชุมนุมโดยกลุ่มสนธิ  ลิ้มทองกุลเมื่อมีพรบ.ปรองดองเข้าสภา  และกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยามของพลเอกบุญเลิศ  แก้วประสิทธิ์เพื่อจัดการรัฐบาลยิ่งลักษณ์และแช่แข็งนักการเมือง  พรรคการเมือง  แช่แข็งประเทศไทย  กลุ่มเหล่านี้เมื่อเทียบกับคนเสื้อแดงภายใต้การนำของนปช.แตกต่างกันทั้งปริมาณและคุณภาพของมวลชนและการนำ  ที่เรานำด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตยและเรียกหาความยุติธรรม  ดังนั้นบทบาทเสื้อแดงและนปช.ในฐานะองค์กรของคนเสื้อแดงจึงสำคัญยิ่งในการเดินหน้าให้ได้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง  ก็น่าเป็นกังวลบ้างที่มีความพยายามจัดตั้งองค์กรซ้อนขึ้นมาจากกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยกันหวังแบ่งแยกและทำลาย  ซึ่งเขาไม่รู้หรอกว่านี่เป็นการทำลายองค์กรนำมวลชนที่นำด้วยหลักการ  แนวทางนโยบาย  และการนำรวมหมู่  การพยายามบิดเบือน  ใส่ไคล้ว่าแกนนำร่ำรวยหรือเป็นลัทธิพรรคพวก  ไม่สนับสนุนแกนนำภาคอิสานเป็นต้น  เป็นข้ออ้างเพื่อแยกมวลชนภาคอิสานไปจากมวลชนเสื้อแดงทั่วประเทศ  ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยเวลา  เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน  เพราะการต่อสู้กับเครือข่ายระบอบอำมาตย์ยังดำเนินไปเข้มข้นในสถานการณ์ใหม่  ความเข้มแข็งของการจัดตั้งองค์กรนำส่วนกลาง  องค์กรนำส่วนภูมิภาคจึงจำเป็นเพื่อพัฒนาองค์กรและการนำที่สามารถเป็นกำลังหลักในการปะทะกับเครือข่ายระบอบอำมาตย์ที่มีแนวรบหลายแนว
6.          ผลักดันให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนโดยสสร.จากการเลือกตั้งโดยตรง.
        - เราได้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 291 ฉบับประชาชน  ตรวจสอบได้มากกว่า 70,000 ชื่อ
        - ได้ยื่นถอดถอนตุลาการรัฐธรรมนูญที่รับเรื่องโดยตรงไม่ผ่านอัยการสูงสุดตามมาตรา 68 เพื่อคัดค้านการโหวตร่างแก้ไข 291 วาระสาม  นี่เป็นความพยายามในระบบรัฐสภาในฐานะองค์กรประชาชนเพื่อผลักดันให้ได้มีสสร.จากการเลือกตั้งโดยตรงเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านการแก้ไขมาตรา 291
        เช่นเดียวกับวิถีทางร่างรัฐธรรมนูญ 2540 โดยแก้ไขมาตรา 211  แต่เครือข่ายอำมาตย์ได้วางหมากกลให้ใช้ประชามติรับรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่ออ้างความชอบธรรมทั้ง ๆ มาจากการดำเนินงานหลังการทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญประชาชนไปแล้ว  หมากกลที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ต้องการให้แก้ใหม่ง่าย ๆ ดังคำหลอกลวง  ดังจะเห็นบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ไม่ได้ให้มีการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ  และบทบัญญัติมาตรา 165 เกี่ยวกับการทำประชามติก็ไม่ต้องการให้ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ  รวมทั้งเขียนล่วงหน้าประเด็นห้ามให้ประโยชน์แก่บุคคลและคณะบุคคล  เหลืออย่างเดียวประโยคนี้ไม่เขียนชื่อทักษิณ  ชินวัตรไว้เท่านั้น  (ละไว้ในฐานเข้าใจ)  จึงมีข้อโต้แย้งผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญถ้ารัฐบาลไปทำประชามติเพื่อหาข้อยุติ  แต่อย่างไรก็ตามหลักการไม่แทรกแซงอำนาจ 3 ฝ่ายยังสำคัญยิ่ง  ดังนั้นไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลในการดำเนินการวิธีการแก้ไขในรัฐธรรมนูญ  แต่เป็นหน้าที่ของรัฐสภาเท่านั้น  หลุมพรางเหล่านี้ล้วนแสดงถึงเจตจำนงของระบอบอำมาตย์ที่รักษารัฐธรรมนูญ 2550 ไว้คู่กับชีวิตระบอบอำมาตย์ในขณะที่มาตรา 165 วางหมากกลไว้หลายชั้นที่พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มอนุรักษ์นิยมทั้งหลายสามารถยื่นฟ้องร้องคัดค้านไปยังศาลปกครอง  ศาลรัฐธรรมนูญ  ศาลอื่น ๆ ได้ในประเด็นผิดกฎหมายผิดรัฐธรรมนูญ ฯลฯ  กระบวนการเดินไปด้วยการทำประชามติหรือเดินหน้าโหวตวาระสามก็อาจถูกฟ้องร้องได้ทั้งสิ้น  จึงสมควรที่ฝ่ายประชาธิปไตยต้องพิจารณาข้อดี ข้อเสียและความน่าจะเป็นทุกขั้นตอนอย่างละเอียดถี่ถ้วน  แต่ความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดคือการทำให้รัฐธรรมนูญนี้เป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้  ต้องการสร้างความชอบธรรมว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าไม่ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยสสร.ด้วยกลเม็ดแยบยลที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550  และวางบุคคลในองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรมขั้นตอนต่าง ๆ  ถ้าแม้นว่าเอาผลประชามติมาหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้  จะทำให้ขบวนการประชาธิปไตยหมดความชอบธรรมในการต่อสู้อีกต่อไป
        ยังมีการทำงานทางการเมืองในเชิงรุกเช่น
1.           การดำเนินงานเพื่อให้ศาลอาญาระหว่างประเทศมีบทบาทในการตรวจสอบความจริงในการสลายการชุมนุมด้วยการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน  จนกระทั่งอัยการสูงสุดของศาลอาญาระหว่างประเทศ  นักวิชาการ  ผู้เชี่ยวชาญได้มาพบรัฐมนตรีต่างประเทศและคณะผู้เชี่ยวชาญกฎหมายไทย  ตลอดจนการพยายามให้ข้อมูลทั้งที่ ICC และในประเทศไทยเพื่อรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณีเมษา-พฤษภา 53
2.           การผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ได้รัฐธรรมนูญใหม่ของประชาชน  ทั้งดำเนินการในระบบรัฐสภาและนอกรัฐสภาในเวทีประชาชนทุกเวที  เพื่อเรียกร้องตามนโยบายและเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของนปช.
3.           การดำเนินคดีกับผู้สั่งการปราบปรามประชาชนทั้งคดีก่อให้เกิดการตายและพยายามฆ่า  เพราะภาระหน้าที่เรามีทั้งแก้ปัญหาอันเกิดจากการรัฐประหารที่ผ่านมา  และป้องกันรัฐประหารใหม่ในรูปแบบต่าง ๆ  และรักษาชัยชนะของประชาชนไม่ให้ถูกทำลาย  จึงต้องดำเนินงานเชิงรุกทางการเมืองควบคู่กันไป
4.           การพยายามจัดตั้งองค์กรให้แข็งแกร่งด้วยโครงสร้างการนำรวมหมู่  ใช้ประชาธิปไตยรวมศูนย์เสริมสร้างวินัยด้วยจิตสำนึกและดำเนินไปด้วยหลักการ  แนวทาง  นโยบาย  และใช้องค์ความรู้  สติ  ปัญญา  พยายามให้มีคณะนำในทุกจังหวัดเพื่อนำไปสู่คณะนำระดับภาคและระดับประเทศ
         จากการดำเนินงานมาตลอดปี 2555 สามารถสรุปเป็นคำแถลงที่โบนันซ่าเขาใหญ่ 22 ธันวาคม 2555 คือ
1.   ยืนยันจุดยืนในการเรียกร้องให้รัฐสภาลงมติผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม  เพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญโดยประชาชนเพื่อประชาชน
2.   ยืนยันและเรียกร้องให้รัฐบาลโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามประกาศรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกรณีการปราบปรามประชาชนเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553
3.   เรียกร้องคณะรัฐมนตรีออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมให้แก่ประชาชนที่เป็นผู้ต้องหาและนักโทษการเมือง  โดยยกเว้นแกนนำแต่ละฝ่ายและผู้สั่งการเข่นฆ่าประชาชน
ซึ่งจะได้เป็นจุดยืนและทิศทางในการต่อสู้ในปี 2556 ต่อไป