'เรืองไกร' เตรียมร้องศาล รธน. 'พล.อ.บุญเลิศ' เข้าข่ายกบฏ

กรุงเทพธุรกิจ 4 พฤศจิกายน 2555 >>>




"เรืองไกร" เตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ 5 พ.ย. นี้ให้วินิจฉัยกรณี "พล.อ.บุญเลิศ" และ "น.ต.ประสงค์" กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 68

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า เตรียมยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 5 พ.ย. นี้ ให้วินิจฉัย กรณี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และ น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 68 ที่ว่า "บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้" โดย พล.อ บุญเลิศ ได้กระทำการดังนี้
1. ให้สัมภาษณ์ ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ว่า "เป็นทหารเก่าอยากให้ปฏิวัติมานานแล้ว เพราะรู้ว่า รัฐบาลที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนบงการมีแต่มาโกงแผ่นดินทั้งสิ้น ส่วนกระแสข่าวที่ว่าอาจมีการปฏิวัติ เกิดขึ้นนั้นยอมรับว่า มีการพูดคุยกันจริง เพราะมีหลายภาคส่วนทนไม่ได้กับกรบริหารงานของรัฐบาล และหากมีกำลังทหารอยู่ในมือคงปฏิวัติไปนานแล้ว"
การกล่าวดังกล่าว เป็นลักษณะการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามความในมาตรา 68 และเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 (2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญหรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้
2. การปราศรับ ที่สนามม้านางเลิ้ง เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ว่า "ที่เชิญประชาชนมารวมกันในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อหยุดการทำงานของรัฐบาลชุดนี้อย่างเด็ดขาด" เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองฯ เพราะการชักชวนคนมาหยุดการทำงานของรัฐบาล ไม่ใช่วิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายการกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ
3. การอ่านแถลงการณ์ ที่สนามม้านางเลิ้ง เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ว่า "หลังจากวันนี้ไป จะให้มวลชนที่มาชุมนุม ไปประกาศกับคนที่อยู่ที่บ้านหรือกลุ่มคนในชุมชนให้มารวมตัวครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์ในการชุมนุมครั้งต่อไป คือ ต้องขับไล่รัฐบาลนี้ออกนอกประเทศ และถ้าไม่สามารถนำรัฐบาลนี้ออกจากประเทศได้จะไม่เลิกการชุมนุม"
4. การให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ว่า "ถ้าจะล้มรัฐบาลให้ได้ ศึกครั้งที่ 2 นี้คนต้องมาเกิน 1 ล้านคน"
5. การให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ว่า "ขณะนี้เสียงสนับสนุนตอบรับดีมาก เป้าหมายจากนั้นคือต้องการให้รัฐบาลลาออกหรือยุบสภา แต่ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ ให้ตั้งคณะทำงานโดยเป็นรูปแบบคณะปฏิวัติโดยประชาชนมาบริหาร"
6. การให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ว่า "ผมเชื่อว่าจะมีคนมาร่วมมาก ขอให้มากันอีก 10 เท่า ชวนกันมาอีกคนละ 100 คน ต้องมาสัก 5 แสน-9 แสนคน เราล้มรัฐบาลได้แน่"
ส่วน กรณีของ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กล่าว บนเวทีปราศรัย เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ว่า มาตามคำเชิญของ พล.อ.บุญเลิศ และมาด้วยความยินดี ส่วนที่มีการพูดถึงแผน 5 ขั้นในการล้มรัฐบาลนั้นเห็นว่า 5 ขั้นมันมากไป ขอ 2 ขั้นก็พอ แต่ถ้าขั้นเดียวได้ก็ยิ่งดี เข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ซึ่งบัญญัติว่า “ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวาง โทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น” รวมทั้งเข้าข่ายการกระทำผิดฐานเป็นกบฏ เช่นกัน
ทั้งนี้ นายเรืองไกร ระบุว่า จะขอใช้สิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ผู้ถูกร้องที่ 1 และ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการจะชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลในปลายเดือนพฤศจิกายน เพราะเห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบ มีเจตนาเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้