จับสัญญาณยกเครื่อง "เพื่อไทย"

ข่าวสด 5 พฤศจิกายน 2555 >>>




พรรคเพื่อไทยปรับโฉมขนานใหญ่ ยกเครื่องกรรมการบริหารใหม่หมด คู่ขนานกับการปรับ ครม. ปู 3 ภายหลัง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ถูกวิบากกรรมการเมืองจนต้องสลัดตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเก้าอี้รัฐมนตรีทิ้งทั้งหมด
2 ตำแหน่งหลักที่ถูกจับตาคือ หัวหน้าพรรคของ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และเลขาธิการพรรคโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย ว่าจะนำพาพรรคไปสู่มิติใหม่ๆ ทางการเมืองได้หรือไม่
รวมถึงจะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพรรคเดินไปข้างหน้า ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากโทษยุบพรรคได้อย่างไร

ธิดา โตจิราการ
ประธาน นปช.


ไม่รู้จักนายจารุพงศ์เป็นการส่วนตัว แต่เท่าที่เคยทำงานร่วมกันเป็นคนสุภาพ อ่อนน้อม ถ่อมตน และทำงานดี เข้ากับบุคคลได้ ไม่มีบุคลิกที่แข็งกร้าว
เมื่อได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยน่าจะอยู่ข้างประชาชน ทำงานเพื่อประชาชนได้ดี เช่นเดียวกับหัวหน้าพรรคคนก่อนๆ
หลังจากพรรคถูกยุบมา 2 ครั้ง ตำแหน่งหัวหน้าถูกมองว่าไม่มีความหมาย พรรคเพื่อไทยจึงพยายามทำให้หัวหน้าพรรคไม่เป็นตัวหลอกอีกต่อไป ทำให้เป็นตัวจริงขึ้นมา
ต้องจับตานายจารุพงศ์จะมีบท บาททางการเมืองอย่างไร เป็นตัวจริงได้มากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อได้รับเลือกโดยมติเอกฉันท์ คนนอกไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์มาก ปล่อยให้ทำงานพิสูจน์ฝีมือก่อน
ในส่วนของนปช.ขอเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ทบทวนกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เร่งช่วยเหลือพี่น้องที่ยังอยู่ในคุก ให้ได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดีข้างนอก รวมถึงช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิต
ส่วนนายภูมิธรรมมีประสบการณ์อยู่แล้ว การมานั่งในตำแหน่งนี้ถือว่าเหมาะสม แต่ขอติงเรื่องการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่อาจหายไปบ้าง คงคิดว่าตัวเองเป็นตัวเต็งจึงไม่จำเป็นต้องออกมาเหมือนคนอื่น
บุคคลทั้งสองน่าจะทำงานได้ดีเพื่อพี่น้องประชาชน ดิฉันจะจับ ตาการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นปัญหาผลพวงจากการทำรัฐประหาร และเป็นมรดกที่ทำให้คนอยู่ในคุกและบาดเจ็บในขณะนี้
รวมทั้งคดีความต่างๆ ที่คนเสื้อแดงถูกดำเนินการเต็มไปหมด ทั้งที่ออกมาต่อสู้จนทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง

สิงห์ชัย ทุ่งทอง
ส.ว.อุทัยธานี


นายจารุพงศ์เหมาะสมที่สุด เป็นอดีตข้าราช การและยังใกล้ชิดขั้วอำนาจพรรคเพื่อไทยเก่า ไม่พูดเยอะ นิ่ง ไม่ล้ำหน้า ไม่มีประวัติด่างพร้อย เรียบง่ายแต่ไม่อ่อนแอ เป็นนัก การเมืองสมัยใหม่ เปิดกว้าง เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน
เช่นเดียวกับนายภูมิธรรมเป็นทั้งฝ่ายบู๊และบุ๋น ทำงานอยู่เบื้องหลังมาตลอด บุคคลทั้งสองและกรรมการบริหารชุดใหม่จะช่วยขับเคลื่อนพรรคไปในมิติที่ดีกว่าเดิม
ส่วนปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขคือ การจัดการความเป็นเอกภาพภายในพรรค แต่พรรคก็มีจุดแข็งตรงนโยบายที่มีความน่าเชื่อถือ กล้าปฏิบัติ ไม่เล่นคำมาก ทำให้สามารถเดินมาได้ถึงทุกวันนี้
นายภูมิธรรมเป็นผู้คร่ำหวอดทางการเมือง หากประสานกับนายจารุพงศ์เชื่อว่าจะมีเล่ห์เลี่ยมชั้นเชิงระดับสูง ไม่ปล่อยให้พรรคเป็นตัวล่อเป้าทางการเมืองง่ายๆ ได้แน่
อีกสิ่งที่พรรคเพื่อไทยควรทำคือ สร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ขับเคลื่อนประชาธิปไตย ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวเพียงลำพัง และโดนต่อต้านตามสภาพ
แต่ควรสนับสนุนโดยเสริมหลักทางวิชาการ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะร่วมมือกัน ช่วยเพิ่มคะแนนเสียงให้พรรคมากกว่าด้วยซ้ำ
การแข่งขันผู้ว่าฯ กทม. ปีหน้าคงยากที่พรรคเพื่อไทยจะชนะ น่าจะเป็นการส่งผู้สมัครเพื่อรักษาฐานเสียงมากกว่า แต่ถ้าอยากให้พรรคได้รับเลือกและปูทางในอนาคต ต้องเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เป็นชิ้นเป็นอัน เอาใจคน กทม. ให้มากขึ้น
ไม่เว้นแต่เรื่องคู่กฎหมายกับพรรคประชาธิปัตย์ ถึงแม้จะมีคนเก่งอยู่กับพรรคแต่อย่างที่บอกเรายังขาดผู้นำการบริหารจัดการพรรคที่ดีถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ได้การพัฒนาของพรรคจะดีขึ้นตามลำดับ

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
นักวิชาการอิสระ


2 ตำแหน่งหลักในพรรคเพื่อไทยทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคนั้น คาดว่าเป็นวัตถุประสงค์ของการจัดระเบียบพรรคใหม่ในรอบนี้
นายจารุพงศ์เป็นหัวหน้าพรรคคงเพราะเป็นข้าราชการเก่า ไม่มีปมขัดแย้งทางการเมือง และเป็นผู้ไม่เลือกข้างอย่างชัดเจน รวมทั้งมีความอาวุโสด้วย แต่เมื่อมาอยู่จุดนี้ต้องพร้อมรับสถานการณ์ เพราะมีโอกาสถูกโยกย้ายได้ทุกเมื่อ แม้กระทั่งหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรี เหมือนเช่นกรณีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนเก่า
แต่นายจารุพงศ์แม้ได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค อาจไม่มีบทบาทเท่าเลขาธิการพรรคคนใหม่ นายภูมิธรรมถือเป็นผู้กว้างขวาง เหมาะกับการประสานงานหลายๆ ฝ่าย ไม่ว่าทางวิชาการหรือมวลชน สามารถดำเนินงานตามนโยบายโดยนำผู้มีอำนาจเก่าสมัยรัฐบาลทักษิณมาร่วมเสริมทีมอีกครั้ง เพื่อเดินหน้าปรับปรุงโครงสร้างพรรคใหม่ พร้อมเร่งหาสมาชิกเพิ่มเติมให้ได้ตามเป้า รวมถึงคอยช่วยคิดนโยบายต่างๆ ให้รัฐบาล และน่าจะเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นบทบาทที่ทำมาตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณแล้ว โดยเฉพาะบทบาทในงานด้านกฎหมายที่ทำงานให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคมาโดยตลอด
ครั้งนี้จะเป็นการจัดระบบใหม่ ที่เกิดจากปัจจัยการแก้ไขปัญหาในพรรคเพื่อไทยด้วย ที่ผ่านมาพรรคยังมีความไม่ชัดเจนอยู่บ้างในบางเรื่อง เชื่อว่าครั้งนี้นายภูมิธรรมจะสามารถจัดระบบสมาชิกพรรคให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การจัดตั้งระบบใหม่นี้สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ใช่การจัดตั้งแบบเฉพาะกิจ แต่เป็นการจัดตั้งทีมที่มีอำนาจ มีความมุ่งมั่น และสามารถเล่นการเมืองต่อได้ในระยะยาว

อัษฎางค์ ปาณิกบุตร
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์


นายจารุพงศ์และนายภูมิ ธรรมคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของพรรคแล้ว ทั้งสองคนจะเป็นตัวเชื่อมที่ดีระหว่างเจ้าของอำนาจอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับผู้ได้รับอำนาจจากประชาชนหรือ ส.ส. ในสภา
เหตุที่นายจารุพงศ์เป็นหัวหน้าพรรค น่าจะเกิดจากบุคลิกและบทบาทที่คล้ายกับนายยงยุทธ คือเป็นคนที่เชื่อฟังคำสั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ไม่แข็งจนเกินไป ประนีประนอม รับฟังและมีเหตุผล
นอกจากนี้ยังเคยเป็นปลัดกระทรวงเก่า น่าจะช่วยประสานงานหน่วยงานต่างๆ ง่ายขึ้น เพราะงานส่วนใหญ่ของพรรคจำเป็นต้องประสานกับหลายๆ หน่วยงาน
ขณะที่นายภูมิธรรมก็เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยในรัฐบาลทักษิณ การเป็นเลขาธิการพรรคแสดงว่าได้รับความไว้วางใจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในพรรคมากขึ้น
อย่างไรก็ตามกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ คงไม่มีอิทธิพลในการบริหารงานของรัฐบาล คงเป็นเพียงตัวเชื่อมหรือบุรุษไปรษณีย์ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับพรรคมากกว่า
โดยบทบาทกรรมการบริหารพรรคชุดนี้คงเน้นไปที่เรื่องธุรการ การเตรียมตัวเลือกตั้งซ่อม เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาล มากกว่าการทำงานเชิงนโยบายซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล
ส่วนจะเป็นเป้าและเสี่ยงต่อโทษยุบพรรคอีกหรือไม่นั้น คงไม่เกี่ยวกัน คดียุบพรรคอยู่ที่บทบาทของ ครม. ตัวพรรคไม่ค่อยมีผล แต่อาจมีบ้างหากมีปัญหาจากการเลือกตั้ง
แต่ทั้งนายจารุพงศ์และนายภูมิธรรมถือเป็นตัวตายตัวแทน เป็นไม้เป็นมือที่พรรคเลือกมาแล้ว คงไม่กังวลหากวันข้างหน้าจะเกิดการยุบพรรคขึ้นจริง