จตุพร พรหมพันธุ์ เปิดใจช้ำ-แผลนักรบ

มติชน 3 พฤศจิกายน 2555 >>>



หากไม่มีการต่อสู้ย่อมไม่มีวันนี้ ทว่าการต่อสู้นอกจากถูกศัตรูทำแล้ว ยังถูกมิตรทำได้ด้วยยังคงเป็นเรื่องคาใจของคนเสื้อแดง กรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ พลาดเก้าอี้รัฐมนตรี ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีชื่อเป็นเต็งหนึ่งที่แต่งตัวรอร่วม "ครม.ปู 3"
ประเด็นดังกล่าวถูกจับตาว่า รอยร้าวระหว่างคนเสื้อแดงกับรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามก็สบช่องนำประเด็นนี้มาผสมโรง เปิดแผลขยี้ความบาดหมางว่าคนเสื้อแดงถูก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร หลอกใช้
นายจตุพรเปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความผิดหวังเสียใจ ตลอดจนบทบาทในฐานะแกนนำเสื้อแดงที่เจ้าตัวระบุว่า ฝ่ายตรงข้ามกำลังรุกคืบ โดยไม่มีหลักประกันว่ารัฐบาลนี้จะเอาอยู่หรือไม่

ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ทำใจได้หรือยัง

ไม่เคยประกาศว่าจะมาเป็นอะไร ทั้งหมดเป็นการคาดการณ์ และประชาชนก็มีความรู้สึก ไม่ได้ออกมาจากปากของผม แต่สิ่งที่ผมสะท้อนออกมาคือ สถานการณ์วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะการต่อสู้ยังไม่ยุติ
ดังนั้นการปรับ ครม. ถือว่าจบ ผมปฏิเสธตำแหน่งอื่นใดไปแล้ว เพราะภาระหน้าที่ของการเป็นประชาชนคนเสื้อแดงยังจะต้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป วันนี้สิ่งที่เป็นสาระสำคัญมากที่สุดคือ ต้องคิดว่าวันข้างหน้าจะจัดพื้นที่การต่อสู้ของหัวใจกันอย่างไร
ตลอดเส้นทางการต่อสู้ของผมกว่า 20 ปี ตั้งแต่สมัยพฤษภาฯ 2535 จนถึงตอนนี้ ไม่เคยแสวงหารางวัลใดๆ แต่ความรู้สึกคือคนที่ไปต่อสู้ นอกจากต้องเสี่ยงตายแล้วยังต้องเสี่ยงถูกดำเนินคดี เสี่ยงต่ออิสรภาพที่สิ้นสุดได้ทุกวินาที
เมื่อต่อสู้คดีก็เหมือนมีบาดแผล บรรดามิตรต้องเข้าใจว่า บาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้ไม่ใช่รอยตำหนิ แต่เป็นความงดงาม เพราะหากไม่มีการต่อสู้ย่อมไม่มีวันนี้ ทว่าการต่อสู้นอกจากถูกศัตรูทำแล้ว ยังถูกมิตรทำได้ด้วย
เพราะในยามที่อยู่ในสนามรบก็ต้องเสี่ยงภัยกับศัตรู แต่เมื่อกลับมาแล้วยังได้รับชะตากรรมที่หนักกว่า หันหลังกลับก็เจอมีด เดินหน้าก็เจอปืน เป็นชะตากรรมที่ไม่ยุติธรรม
ดังนั้นทัศนคติมุมมองของฝ่ายมิตร ต้องมองแตกต่างไปจากศัตรู อย่าไปมองว่าเป็นประเด็นของผม แต่ให้มองว่าในอนาคตหากเกิดภาวะวิกฤต เราจะเชิญชวนผู้คนมาต่อสู้อย่างไร
ไม่ใช่เสร็จศึกมองบาดแผลคนต่อสู้เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่มีตำราต่อสู้ใดที่ปฏิบัติต่อนักรบด้วยวิธีการเหยียบย่ำ

เสียใจกับการกระทำที่เกิดจากมิตร

ตั้งแต่เหตุการณ์พฤษภาฯ 2535 ผมก็ถือเป็นไม้สุดท้าย เสร็จศึกกลับไปอยู่หอพัก ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ตลอดเวลา ก็เป็นเช่นนั้น เหตุการณ์ 10 เม.ย.-19 พ.ค. 53 มีพี่น้องเราตายจำนวนมาก บาดเจ็บ สูญสิ้นอิสรภาพ สิ่งเหล่านี้ค้ำคอ เราอยู่
ผมบอกตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะมีความทุกข์เพียงใด คนที่ตาย ญาติคนที่ตาย มีความทุกข์มากกว่าเรา โชคชะตาของคนเสื้อแดงมีอยู่ 2 ทาง คือ ไม่ตายก็ติดคุก วันนี้เรารอดตายถือว่าโชคดีแล้ว

คนเสื้อแดงกับรัฐบาลเริ่มเกิดช่องว่าง

ผมไม่มี และพยายามทำความเข้าใจว่าเมื่อคิดถึงความตาย อิสรภาพของพี่น้องที่บาดเจ็บ เรื่องของผมให้ถือเป็นเรื่องเล็ก และให้เดินหน้าไปเร็วที่สุด
เพราะถ้าเราอยู่กับความเจ็บปวดขมขื่น นักรบหลายคนต่อให้เก่งกาจเพียงใด ถ้าใจแตกสลายและฟื้นขึ้นมาไม่ได้ แน่นอนที่สุดกายเขาจะแพ้
แต่ภารกิจของเรายังไม่จบสิ้น ฝ่ายที่กำลังโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยกำลังคืบคลานเข้ามา ดังนั้นเราต้องวางเรื่องส่วนตัวโดยทำให้เป็นเรื่องเล็กที่สุด ทำเรื่องประชาธิปไตยให้เป็นใหญ่

ฝ่ายตรงข้ามขยายประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลอกใช้

เรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น การต่อสู้ของผมตั้งแต่อดีตก็ยังไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เหตุการณ์ 19 ก.ย. 49 แม้ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ผมก็ออกมาต่อสู้เพราะไม่ได้สู้ที่ตัวบุคคล แต่สู้เพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย บุคคลเป็นสิ่งที่ตามมา และการที่ประชาชนพร้อมจะร่วมเดินทางด้วยคืออุดมการณ์ประชาธิปไตย ดังนั้นไม่ถือว่าใครจะหลอกใคร แต่เป็นเรื่องของการพร้อมใจที่จะต่อสู้

คนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยยังเดินเคียงข้างกัน

เราไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อถูกจำกัดด้วยความตาย ความเจ็บ ก็ต้องอยู่ในโลกความเป็นจริงให้ได้ ความรู้สึกที่ สูญเสียไป ได้รับการชดเชยจากคนเสื้อแดงแล้ว วันนี้ต้อง เตรียมต่อสู้กับสิ่งที่กำลังจะเกิด
ในส่วนของรัฐบาล หลายคนอาจไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่เราที่อยู่ในสนามรบ เอาหูแนบกับพื้นก็ได้ยินเสียงม้าศึกจากเส้นทางเดิมเข้ามาทุกทิศทาง เข้ามาโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้อีกแล้ว
คนที่ไม่เคยผ่านการต่อสู้จะไม่ได้ยินเสียงม้าศึกจาก คนที่เป็นปฏิปักษ์ ผมจึงพยายามเตือนว่าอย่าประมาทสถานการณ์ เคยบอกว่าม็อบเมื่อวันที่ 28 ต.ค. จะมี ผู้เข้าร่วมมากกว่าที่คิด และครั้งต่อไปจะมีมากกว่าเดิมหลายเท่า
ฉะนั้นหากประมาทว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิด ถือเป็นการคิดที่ผิดและจะกลับหลังหันมาไม่ได้ เราถูกโค่นล้มมา 3 รัฐบาล มีคนเจ็บและตายมากมาย รัฐบาลต้องช่วยกันคิด ในส่วนของคนเสื้อแดงมีความพร้อมอยู่แล้ว

ประเมินพลังม็อบไล่รัฐบาล

การชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ด้านหน้าของฉากถ้าเราวิเคราะห์เพียงตัว เสธ.อ้าย ก็จะเห็นแค่นั้น แต่กระบวนการโค่นล้มรัฐบาลทั้งหมดจะบูรณาการขึ้น
ฝ่ายตรงข้ามพยายามทำตามคนเสื้อแดง ทั้งการตั้งสถานีโทรทัศน์ เวทีปราศรัยต่างๆ และการตั้งโรงเรียนการเมือง เพราะเขาเห็นว่าคนเสื้อแดงมีแต่เติบโต จึงเดินย้อนศรทุกอย่าง ตั้งแต่หัวหน้าพรรคไปจนถึงสมาชิกพรรค
ผมจึงเห็นว่าไม่ควรประมาท ประเทศไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ มีเพียงหิมะที่ยังไม่ตก รัฐบาลอาจจะไปแบบ พ.ต.ท.ทักษิณ แบบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ได้ ดังนั้นต้องเตรียมพร้อม หากไม่เกิดขึ้นก็ไม่เสียหาย แต่ถามว่าหากเกิดขึ้นแล้วเสียหายใครจะรับผิดชอบ

พร้อมเป็นเกราะปกป้องรัฐบาล

ขอใช้คำว่าเราปกป้องประชาธิปไตย และรัฐบาลได้รับอานิสงส์จากประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เพราะไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล หากเกิดเหตุการณ์โค่นล้มประชาธิปไตย เราก็ต้องต่อสู้
วันนี้องค์ประกอบทุกอย่างยังอยู่ครบ เชื่อว่าตลอดเดือน พ.ย. หลายอย่างจะถาโถมมายังรัฐบาล แต่คนเสื้อแดงก็ต้องเคลื่อนไหวอย่างมีสติ ไม่ให้ถูกใช้เป็นตัวเคลื่อนไหว การเผชิญหน้าต้องไม่เกิดขึ้น
การชุมนุมถือเป็นสิทธิเสรีภาพไม่ว่าจากฝ่ายใด แต่รัฐบาลต้องไม่ปราบปรามเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา หากผู้ชุมนุมกลุ่มใดทำผิดกฎหมาย รัฐบาลต้องดำเนินการ ขณะที่คนเสื้อแดงจะรับมือกับอำนาจที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย

คุยกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์เป็นอย่างไร

เป็นการถามสารทุกข์สุกดิบ แสดงความห่วงใยระหว่างกัน ผมไม่ใช่คนประเภทตีโพยตีพาย ตลอดเวลาไม่ได้เป็นเช่นนั้น นายกฯ ย่อมรู้ดีว่าผมเป็นคนอย่างไร
ดังนั้นการสื่อสารที่เกิดขึ้นจึงเป็นแค่ความห่วงใย เพราะเราไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือปัญหาใดๆให้กับรัฐบาล แต่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ได้คุยกัน

วางบทบาทตัวเองหลังจากนี้อย่างไร

ผมก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคนเสื้อแดง เป็นคนหนึ่งในนปช. ซึ่งหาวันว่างยากอยู่แล้ว เป็นคนตกงานที่ไม่เคยมีเวลาว่าง ยังร่วมทำกิจกรรมกับพี่น้องเสื้อแดง สื่อสารกับประชาชนอยู่

ความคิดตั้งพรรคของคนเสื้อแดงเอง

ไม่มีความคิด แม้จะมีเสียงเรียกร้องพอสมควร แต่ผมเห็นว่าฝ่ายเราสามัคคีกันทั้งหมดก็ยังไม่รู้จะรักษาอำนาจได้หรือไม่ ถ้าต้องแบ่งแยกกันไปจะมีแต่ความพ่ายแพ้ ต้องนึกถึงประชาชนด้วย ดังนั้นหนทางตั้งพรรคจึงเป็นเรื่องยากลำบาก

ครั้งหน้าหากมีโอกาสเป็นรัฐมนตรี

ทุกอย่างเป็นเรื่องอนาคต ไม่อยากเอาตัวเองไปผูกมัดความรู้สึกว่าจะเป็นอะไร คนเราถ้าไม่ตั้งความรู้สึกก็จะไม่เสียความรู้สึก จึงควรวางจิตใจให้เป็นปกติ เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ผมอยู่ในโลกความเป็นจริง แต่พลัดหลงเข้าไปอยู่กองละครเท่านั้น