เวลา 14.00 น. วันที่ 29 พ.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวกรณีถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 25-27 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นไปตามคำสั่งการของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่อยากให้รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้แจงข้อมูลให้ประชาชนได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงอีกครั้ง สำหรับข้อมูลที่ฝ่ายค้านหยิบมาโจมตีตนนั้นมี 3 ประเด็น คือ การทำผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติผิดกฎหมายและข้อบังคับกระทรวงกลาโหมในการแต่ง ตั้งนายทหารชั้นนายพล รวมถึงการกลั่นแกล้งขัดขวางไม่ให้พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการการแต่งตั้งของกระทรวงกลาโหม ซึ่งเรื่องนี้ทางฝ่ายค้านได้มีการนำคลิปเสียงในระหว่างการประชุมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ไปเปิดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการตัดต่อเทป เพราะนำมาเปิดในเฉพาะช่วงที่ตนพูดเท่านั้น ทั้งนี้ตนเห็นว่า ที่มีการอัดเทประหว่างกรประชุมเป็นการกระทำที่ไม่น่าเชื่อว่านายทหารระดับสูงขนาดนั้นจะทำได้ ถือเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทและผิดวินัยทางทหารอย่างร้ายแรง หากมียศแค่ร้อยตรี หรือ ร้อยโท ยังพอที่จะให้อภัยได้ การทำแบบนี้จะเสียไปที่ตัวเขาเอง เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
“ส่วนตัวดูว่า ฝ่ายค้านอภิปรายดีตรงประเด็น แต่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องการเมือง วันแรกที่เขากล่าวหาผม 3 เรื่อง แต่วันสุดท้ายก็สรุปอย่างนั้น เหมือนกับว่าที่ผมชี้แจงไปไม่มีประโยชน์เลย เหมือนเป็นสร้างความเข้าใจผิดให้แก่คนที่ไม่ทราบเรื่องมาก่อน จึงคิดว่า อยู่นิ่งไม่ได้กับข้อกล่าวหาดังกล่าว ทั้งนี้การที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้ามาอภิปรายผม คงเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการที่ผมออกคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ออกจากราชการ ในเรื่องของใช้เอกสารเท็จในการเข้าเป็นทหาร นี่คือเรื่องสำคัญ ในประวัติของกระทรวงกลาโหมโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจน้อยมาก แต่ผมก็ไม่ว่ากัน เพราะผมพร้อม และเข้าใจว่า เป็นวิถีทางทางการเมือง เมื่อถามมาก็ตอบ”รมว.กลาโหม กล่าว
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ส่วนการถอดยศนายอภิสิทธิ์ ตนจะดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ แต่ขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนของศาลปกครอง ดังนั้นต้องรอการพิจารณาของศาลปกครองเสร็จสิ้นก่อน หากศาลปกครองชี้ว่าเป็นเรื่องของวินัยทหาร ตนจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ซึ่งขณะนี้คำสั่งที่ 2 ได้ออกมาแล้ว คือ การปลดนายอภสิทธิ์ ออกจากการเป็นนายทหารสัญญาบัตร อย่างไรก็ตามตนไม่อยากพูดว่า การดำเนินการของฝ่ายค้านเป็นการผูกใจเจ็บหรือไม่ เพราะตนเป็นลูกผู้ชายพอจึงอยากให้ดูกันเอาเอง
พล.อ.อ. สุกำพล กล่าวว่า ส่วนประเด็นของกองทัพเรือคัดเลือกบริษัทมาร์ซัน จำกัด ทำการต่อเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือจำนวน 3 ลำ วงเงิน 553 ล้านบาท โดยใช้วิธีพิเศษนั้นไม่ถูกต้องจนถูกร้องเรียน และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินกำลังตรวจ และ ประเด็นที่ 3 คือโครงการปรับปรุงเรือฟริเกต ชุดเรือหลวงนเรศวร และเรือหลวงตากสินของกองทัพเรือ มีการเปลี่ยนแปลงระบบเป้าลวง จากระเบิด SAGEM เป็นระบบ TERMA โดย ที่ราคาทั้งสองระบบแตกต่างกันมากทำให้มีการทุจริต 1,000 ล้านบาท ซึ่งตนมองว่าเป็นการกล่าวหาที่เกินจริง เพราะราคาจริงแค่ 2,700 ล้านบาท ซึ่งการที่ฝ่ายค้านมาบอกว่าตนได้เงินทอนถึง 1,000 ล้านบาท ดูจะมากเกินไป ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงแค่ 1,000 บาทเท่านั้น ซึ่งการ พูดแบบนั้นเป็นการเอามันเท่านั้น แต่ทำให้ตนเสียหาย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอชมฝ่ายค้านที่หาข้อมูลเก่ง เนื่องจากเก่งในเรื่องที่เป็นฝ่ายค้านแล้ว บวกกับนายทหารที่นิสัยไม่ดีบางคนเอาข้อมูลไปให้ ยอมรับว่าเรื่องประเด็นเป้าลวงตนไม่ได้คิดว่าฝ่ายค้านจะนำมาอภิปรายจึงไมได้เตรียมข้อมูล
“ทั้ง3 เรื่อง ขอให้สื่อมวลชนช่วยแก้ข่าวให้ผมด้วยว่า ที่ผมพูดเป็นจริง ไม่ใช่ว่า ผมชี้แจงไปอย่างไรก็ไม่สน อย่างนี้มันไม่แฟร์ และเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องบอกว่า อภิปรายเรื่องอะไร เหมือนมวยชกกันว่า ชกที่ไหน อย่างไร แต่นี่บอกว่า ชกกัน แต่ไม่บอกว่า ชกที่ไหน อย่างไร มันไม่ถูก ถ้าแน่จริงจะเอาอย่างไรก็บอกกัน พอถึงวันจริงจะให้ชี้แจงยิบ ถ้ารมว.กลาโหมรู้ขนาดนั้นก็เก่งแล้ว ผมเก็งข้อสอบถูกเรื่องเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ 3 ลำ แต่พอเรื่องเป้าลวงไม่รู้เรื่องจึงต้องขอบคุณกองทัพเรือที่ช่วยส่งข้อมูลมาให้ แต่ผมมั่นใจว่า การเซ็นอนุมัติให้กองทัพเรือจัดซื้อมีความถูกต้องและ เคลียร์ ถือเป็นสิ่งผมกล้าตัดสินใจ ทั้งนี้ผมขอปฏิเสธทั้ง 3 ข้อกล่าวหาล้วนไม่มีมูลความจริง และไม่มีความถูกต้อง เป็นเพียงการนำข้อมูลบางส่วนมากล่าวหาเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งสิ้น ทั้ง ๆ ที่ผมชี้แจงไปในสภาหมดแล้ว แต่ทางฝ่ายยังสรุปเหมาว่าผมผิด และจะนำเรื่องไปร้องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ซึ่งผมก็พร้อมที่จะไปชี้แจง” พล.อ.อ.สุกำพล ระบุ
พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ตนดูแลงานด้านความมั่นคง สำหรับปัญหาในการดูแลความปลอดภัยของครูในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนมองว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดปัญหา ถ้าหากครูขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ไม่ออกนอกเส้นทาง เพราะการออกนอกเส้นทางถือเป็นความสุ่มเสี่ยงจนเป็นภัยต่อชีวิต ทั้งนี้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ความจริงมีเพียง 15 % ของพื้นที่ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมได้เซ็นคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ออกจากราชการทหารแล้วนั้น พล.อ.อ.สุกำพล ก็ได้เซ็นคำสั่งถอดยศนายอภิสิทธิ์ไว้แล้ว เพียงแต่รอคำสั่งศาลปกครองที่ทางนายอภิสิทธิ์ได้ไปยื่นฟ้องเอาไว้ หากศาลปกครองมีคำสั่งให้ดำเนินการต่อก็สามารถดำเนินการถอดยศนายอภิสิทธิ์ในขั้นตอนต่อไปได้เลย