ข่าวสด 22 พฤศจิกายน 2555 >>>
วันที่ 22 พ.ย. นายอุ่งโหล ศรีสมบัติ กำนัน ต.ผาช้างน้อย อ.ปง จ.พะเยา ผู้นำชนชาติพันธุ์เมี่ยนและผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กล่าวว่า กรณีที่จะมีการชุมนุมประท้วงทางการเมือง โดยการนำของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ในวันที่ 24 พ.ย. นี้ โดยส่วนตัวเกิดข้อสงสัยว่าประชาธิปไตยในทัศนะของ เสธ.อ้าย เป็นเช่นไร จึงนำมาสู่การรวมตัวชุมนุมประท้วงที่จะมีขึ้น ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ก็เป็นผลผลิตหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย การชุมนุมทางการเมืองก็เป็นสิทธิหนึ่งของประชาชนภายใต้ประชาธิปไตย ตนจึงไม่เข้าใจว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงคืออะไร ทำไมถึงได้เกิดความวุ่นวายไม่จบสิ้น ชาวบ้านจะทำมาหากินก็ไม่ราบรื่น เพราะการเมืองวุ่นวาย การดำเนินนโยบายของรัฐบาลไม่ต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้อง
กำนันอุ่งโหล กล่าวต่อว่า ประชาชนตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ ในชนบท กำลังมุ่งมั่นทำมาหากินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว เพราะต้องการอยู่อย่างสงบ อยู่อย่างพอเพียง ขณะเดียวกันฝ่ายการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ได้ทำให้ประเทศชาติเกิดความสงบสุข พยายามหาจุดที่จะสร้างความขัดแย้งอยู่อย่างต่อเนื่อง หรือฝ่ายการเมืองคิดว่าประเทศไทยสงบเกินไป จึงทำกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง ทุกครั้งเกิดการชุมนุม ทำให้ข้าราชการต้องไปสนใจเรื่องการชุมนุม ลดความสำคัญเรื่องการพัฒนาท้องถิ่น เศรษฐกิจ สังคม ลงไป ยาเสพติดมีมากขึ้น ปัญหาความรุนแรงต่างๆ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องมาร่วมกันใส่ใจที่จะแก้ไขและป้องกัน ไม่ใช่มาเรียกร้องผลประโยชน์ของกลุ่มทุนใด ๆ โดยอ้างเรื่อง ปชต.มาบังหน้า
“พวกผมและชาวบ้าน ทุกวันนี้ทำการเกษตรเลี้ยงตัวเองและครอบครัว อยากให้ผลผลิตการเกษตรมีราคาดี เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้ ทรัพยากรธรรมชาติไม่ถูกทำลาย เพื่อให้มีแหล่งน้ำทำการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ ผมว่าถ้า เสธ.อ้าย มีความสามารถมั่นใจว่าจะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้ ก็ขอให้ประกาศอออกมาเลยว่าต้องการเป็นนายกฯ แล้วเสนอแผนการพัฒนาประเทศ ให้ก้าวหน้าและดียิ่งขึ้นกว่านี้ภายในเวลาเท่าใด โดยนำหลักทรัพย์ ของเสธ.อ้าย ที่มีทั้งหมดมาเป็นหลักประกัน หากภายในเวลาที่กำหนดของเสธ.อ้าย นั้นสามารถพัฒนาประเทศได้ตามที่วางแผนไว้ ผมก็ยอมรับ แต่หากทำไม่ได้ ประเทศชาติเสียหาย เสธ.อ้าย จะต้องถูกริบทรัพย์สินทุกอย่าง ในฐานะเป็นผู้ที่จุดประเด็นก่อความวุ่นวายให้แก่ประเทศ” นายอุ่งโหล กล่าว และว่า วันนี้ประเทศต้องเดินหน้า สิ่งใดไม่ดีหรือบกพร่องต้องช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่เอาความอยู่รอดของประเทศมาเป็นเครื่องต่อรองอำนาจทางการเมืองของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ด้านนายชาญณรงค์ พูนวิริยาภรณ์ คณะทำงานสภาประชาชนภาคเหนือ กล่าวว่า การชุมนุมของเสธ.อ้าย หากมีผู้ร่วมชุมนุมไม่น้อยกว่า 500,000 คน จะทำให้มีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะหากมีคนร่วมชุมนุมมากกว่า 500,000 หรือถึง 1 ล้านคน จะต้องนั่งชุมนุมกันยาวตั้งแต่หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า ไปถึงหน้ารัฐสภา ส่งผลกระทบให้ ส.ส.เข้าไปประชุมในสภาไม่ได้ ท้ายที่สุดรัฐบาลก็ต้องพิจารณาตัวเองเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายใด ๆ ตามมา และกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือหากรัฐบาลยังสามารถประชุมสภาได้ ในครั้งนี้โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องตอบคำถามในสภาด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ผู้อื่นตอบคำถามแทน ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้ ไม่ใช่หุ่นของใคร
คณะทำงานสภาประชาชนภาคเหนือ กล่าวต่อว่า ทางออกของความวุ่นวายในทัศนะของตนคือ การเว้นวรรคทางการเมืองของ ส.ส.ในรัฐสภา โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วน เข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ(รธน.) โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี เมื่อเสร็จสิ้น ได้ รธน.ที่ประชาชนทั้งประเทศต้องการแล้ว ก็สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้ ส.ส.เข้ามาทำหน้าที่ในรัฐสภาได้ดังเดิม แต่ทั้งนี้ รธน.จะต้องกำหนดเงื่อนไขสำคัญที่สุดคือ ห้ามมีทายาททางการเมืองเข้าในสภา คือ ส.ส. หรือนักการเมืองระดับชาติ จะต้องไม่นำญาติหรือลูกหลาน ของตนเองเข้ามาเป็นนักการเมืองสืบทอดอำนาจโดยเด็ดขาด เพราะอำนาจอธิปไตยจะต้องมีการกระจายอำนาจให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้าถึง
“ดังนั้น การเว้นวรรคของกลุ่ม ส.ส. คือการให้ทุกฝ่ายร่วมแก้ไข รธน.เพื่ออนาคตประเทศ ไม่ใช่การแช่แข็ง”นายชาญณรงค์ กล่าว