ระดมกันมาได้เกินคาด สำหรับม็อบล้มรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเดิมทีคาดกันว่าไม่เกิน 2 พันคน แต่พอเอาเข้าจริงๆ "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ก็ขนกันมาได้พอสมควร เจ้าตัวบอกว่าม็อบมากัน 2 หมื่นคน
ขณะที่ตำรวจสันติบาลรายงานว่ามี 7,000-8,000 คน จะ 7 พันคนหรือ 2 หมื่นคนก็ถือว่าพลิกล็อก เพราะไม่คิดว่าจะสามารถปลุกคนให้เห็นด้วยกับแนวคิดล้าหลังหลงยุคได้ขนาดนี้
ดื้อดึงร้องเรียกรถถังออกมาก่อการรัฐประหาร แกนนำที่ขึ้นเวทีปราศรัยก็ล้วนแต่พวกหน้าเดิมๆ ชมรมคนไม่เอาทักษิณทั้งนั้น
มีคำถามง่ายๆ ว่า ทำไมต้องจัดม็อบเรียกร้องการปฏิวัติ โค่นล้มรัฐบาล ตอบได้ทันทีเลยว่าเพราะรัฐบาลมั่นคง
ตัวอย่างล่าสุดที่สะท้อนได้ชัดเจน โพลอีสานสำรวจความเห็นชาวอีสาน 20 จังหวัด ประเมินผลงานรัฐบาลโดยภาพรวมการทำงานแล้วให้ผ่านร้อยละ 81.0
ขณะที่ประเมินการทำงานของฝ่ายค้านแล้วร้อยละ 54.3 ให้ไม่ผ่าน เพราะค้านแบบไม่มีเหตุผล ขาดความน่าเชื่อถือ สร้างความแตกแยก
ในเมื่อสถานการณ์การเมืองเป็นแบบนี้ก็ยากที่จะโค่นล้มด้วยวิถีทางประชาธิปไตย จึงต้องพึ่งวิธีล้าหลัง ทั้งปลุกกระแสทั้งโหนสถาบัน
แถมมีแมลงสาบแอบสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่กล้าออกหน้า กลัวโดนครหาฝักใฝ่รัฐประ หารอีกรอบ ก็เลยแอบลุ้นว่าเผื่อฟลุกม็อบจุดติด อาจมีโอกาสตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหารอีกครั้ง
มีคำถามง่ายๆ อีกว่า การเรียกร้องโหยหาการปฏิวัติ มันเหมาะสมหรือไม่ ตอบได้ทันทีเลยเช่นกันว่า ไม่ เพราะเป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 68
ล่าสุดทนายความเสื้อแดงจี้กองปราบปรามให้เร่งดำเนินคดีกับ เสธ.อ้าย ข้อหายุยงให้ราษฎรเป็นกบฏ ยุยงทหารให้ก่อการปฏิวัติ จ้องล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย
ทั้งที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้ ดูได้จากป้ายที่พรึบทั่วประเทศ หนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง