ข่าวสด 24 พฤศจิกายน 2555 >>>
วันที่ 24 พ.ย. นายนิค นอสติทซ์ ช่างภาพอิสระชาวเยอรมัน กล่าวถึงกรณีที่ศาลนัดอ่านคําสั่งคดีการเสียชีวิต ของนายชาญณรงค์ พลศรีลา ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 26 พ.ย.นี้ว่า เหตุการณ์ของนายชาญณรงค์ พลศรีลา นี้ยังคงอยู่ในความทรงจํามาตลอด โดยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2553 บริเวณหน้าปั้มน้ำมันเชลล์ ถนนราชปรารภ ซึ่งขณะนั้นตนได้เข้าไปทําข่าวและถ่ายภาพการชุมนุม ซึ่งวันเกิดเหตุสถานการณ์บริวณดังกล่าวตึงเครียดมากมีการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ โดยเห็นผู้ชุมนุมนํายางรถยนต์มาทําเป็นบังเกอร์เพื่อป้องกันการยิงจากฝั่งเจ้าหน้าที่หลายจุด ขณะนั้นก็เห็นนายชาญณรงค์ กำลังใช้หนังสติ๊กยิงไปทางเจ้าหน้าที่และหลบอยู่หลังบังเกอร์ยางรถยนต์ ซึ่งอยู่กับผู้ชุมนุมรายอื่นๆ ประมาณ 5-6 คน ไม่นานก็ได้มีเสยงปืนดังขึ้นและผู้ชุมนุมต่างวิ่งหนีกันคนละทิศละทาง โดยนายชาญณรงค์วิ่งมาทางปั้มน้ำมันดังกล่าว ก่อนจะถูกยิงเข้าบริเวณด้านหลังและล้มลง ขณะนั้นนายชาญณรงค์พยายามคลานหนีเอาตัวรอดไปทางด้านหลังปั้ม ระหว่างนั้นตนก็ได้ไปช่วยและถ่ายรูปไว้ ก่อนที่จะช่วยกันยกร่างนายชาญณรงค์ข้ามกำแพงปั้มไปอีกฝั่งหนึ่ง และทหารก็บุกเข้ามาถึงตัวและปีนกำแพงตามผู้ชุมนุมเข้าไปและไปพบกับนายชาญณรงค์ ที่คลานตกบ่อน้ำอยู่เจ้าหน้าที่จะตะโกนให้ขึ้นมาแต่ขึ้นไม่ไหวเพราะบาดเจ็บ พอขึ้นมาได้เจ้าหน้าที่ก็พาร่างนายชาญณรงค์ข้ามกลับไปทางหน้าปั้ม ก่อนจะมีรถพยาบาลมารับ
นายนิก กล่าวต่อว่า หลังจากที่นายชาญณรงค์ เสียชีวิตทางตํารวจและดีเอสไอก็ได้มาขอสอบปากคําตนไว้เป็นพยานในคดีนี้ และศาลก็ได้นัดไต่สวนหลายครั้งซึ่งตนก็ไปทุกครั้งที่ศาลนัด และให้การไปตามความจริงที่พบเห็น จนมาถึงในวันที่ 26 พ.ย.ที่ศาลจะพิจารณาคดีนายชาญณรงค์ ซึ่งหากไม่ติดภารกิจตนก็จะเดินทางไปฟังคําสั่งศาลในวันดังกล่าวด้วย และตนเชื่อว่าผลคําสั่งคดีน่าจะออกมาเหมือนกับนายพัน คํากอง และทางครอบครัวของนายชาญณรงค์ก็ดีใจที่ความเป็นธรรมกำลังจะมาถึง
ด้านนางสุรยันต์ พลศรีลา ภรรยาของนายชาญณรงค์ กล่าวว่า ตนและลูกสาว 2 คน จะเดินทางไปร่วมฟังคําสั่งคดีแน่นอน เพราะรอมานานกว่า 2 ปีแล้วตนเชื่อว่าคดีของสามีน่าจะออกมาเหมือนกับนายพัน คํากอง อย่างไรก็ตามในวันที่ตนเดินทางไปศาลตนก็จะจุดธูปบอกสามีว่าวันนี้ (26 พ.ย.) ศาลจะพิพากษาคดีเพื่อเอาคนผิด คนสั่งการมาลงโทษ ซึ่งหากสามีรับรู้ตนคิดว่าเขาคงจะหมดห่วง
นางสุริยันต์ กล่าวต่อว่า สามีของตนเสียชีวิตเนื่องจากออกไปต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม เรียกร้องประชาธิปไตยที่ถูกปล้นไปแต่สิ่งที่ได้รับคือความตาย ซึ่งตน็ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกและขอให้การตายของสามีตนเป็นคนสุดท้ายที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และช่วงนี้ก็จะมีการชุมนุมใหญ่เพื่อล้มรัฐบาลของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามของเสธอ้าย นั้นก็ฝากขอให้ชุมนุมอย่างสงบ สันติเพราะความรุนแรงไม่สามารถแก้ปัญหาทางการเมืองได้ ขอให้ย้อนไปดูบทเรียนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยหากใช้ความรุนแรงหรือทํารัฐปรหาร และตนก็คงจะยังคงยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อสานต่อสามีตนตลอดไป