โพสต์ทูเดย์ 8 ตุลาคม 2555 >>>
"จิรายุ"จี้ ปชป.เลิกแทรกแซงดีเอสไอ-ปปช.คดีต่อสัญญาบีทีเอส เตรียมส่งหลักฐานเพิ่ม อ้างพบหลักฐานพยายามเป่าคดี
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สส.กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)เลิกออกมากดดันการทำงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในการพิจารณาคดีส่วนราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่าจ้างบริษัทลูกให้ไปจ้างบริษัทเอกชนในการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสต่อล่วงหน้าอีก 13 ปี ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ดีเอสไอ ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ เพราะแปลกใจที่นายสกลธี ภัทธิยกุล รองโฆษกพรรค ปชป.ออกมากดดันคณะกรรมการพิจารณาคดีพิเศษ ทั้งที่หลายเดือนก่อนบอกว่าอธิบดีดีเอสไอไม่ควรพิจารณาเองควรให้รอคณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณา แต่เมื่อทางคณะกรรมการฯจะพิจารณากลับบอกว่าคณะกรรมการฯไม่มีอำนาจ แต่เป็นเรื่องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)
“ไม่เข้าใจว่านายสกลธีไม่เคยศึกษาข้อมูลในทางคดีของดีเอสไอ และ ปปช. หรือจงใจพูดเพื่อกดดัน เพราะกรณีกทม.ไปเซ็นล่วงหน้า 13 ปีให้เอกชนนั้น แบ่งออกเป็น 2 คดี คือ 1.การร้องเรียนต่อดีเอสไอให้ดำเนินคดีว่าเหตุใด กทม. และ กรุงเทพธนาคมจึงไม่ใช้ พรบ. ฮั้วประมูลและพรบ.ร่วมทุน เมื่อมีการทำสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนและ 2.เหตุใดจึงไปจ้างกรุงเทพธนาคม บริษัทลูกของตัวเองให้ไปจ้างเอกชนคือ บริษัทบีทีเอสซีอีกทอดหนึ่งโดยไม่มีการเปิดประมูลเป็นการจงใจหลีกเลี่ยงกฎหมายอย่างไร” นายจิรายุกล่าว
นายจิรายุ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการร้องต่อ ปปช. ให้เอาผิดต่อ มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. กับพวกรวมถึงนายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการและนายอมร กิจเชวงกุลผู้อำนวยการ บริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยตรงตามมาตรา 157 ที่ไปยินยอมให้ มีการเซ็นสัญญาทำให้รัฐเสียประโยชน์หรือไม่ ซึ่งในกรณีนี้ทางพรรค ปชป.ไม่ควรออกมากดดัน ทั้ง ปปช. และดีเอสไอ เพราะหากไม่ผิดจริงก็ไม่ควรจะร้อนตัว
อย่างไรก็ตามในวันที่ 11 ต.ค. นี้จะไปยื่นร้องเรียนเพิ่มเติมต่อปปช.หลังพบข้อมูลเพิ่มเติมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาโดยพบสิ่งผิดปกติ มีความพยายามบางอย่างเพื่อเป่าคดี ทั้งนี้เพื่อให้ ปปช.ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ และ รัดกุมจน หาตัวผู้กระทำผิดให้ได้ชนิดดิ้นไม่หลุด