นปช. สัญจร: โรงเรียนการเมือง นปช.



ทีมข่าว นปช.
1 ตุลาคม 2555




วานนี้ (30 ก.ย. 55) อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ และแกนนำ นปช. ร่วมงานโรงเรียนการเมือง นปช. ณ อิมพีเรียลเวิล์ด ลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพ
การลงทะเบียนเริ่มตั้งแต่เวลา 8.00 น. ที่ชั้น 6 มีผู้ร่วมบรรยายทยอยมาลงทะเบียนกว่า 2,000 คน จากกรุงเทพ-ปริมณฑล (ปทุมธานี, นนทบุรี และสมุทรปราการ), ภาคกลาง (สุพรรณบุรี, ลพบุรี, อ่างทอง, อยุธยา, ชัยนาท, สระบุรี, อุทัยธานี, สิงห์บุรี และนครนายก) และภาคตะวันตก (ราชบุรี, นครปฐม, กาญจนบุรี, สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม, เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์)
เวลา 9.30 น. อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ เป็นประธานในพิธีเปิด และบรรยายในหัวข้อ "หลักนโยบาย โครงสร้าง ภาระหน้าที่ ยุทธศาสตร์ 2 ขา และงานแนวร่วม"
อ.ธิดา ยืนยันว่า โรงเรียนการเมือง นปช. เป็นโรงเรียนทางการเมือง ไม่ใช่โรงเรียนทางการทหาร ตลอดเวลา 80 ปีที่ผ่านมาหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองยังไม่เคยมีโรงเรียนสำหรับการต่อสู้
นปช. ต้องเปิด "โรงเรียนการเมือง นปช." เพราะการต่อสู้ของประชาชนครั้งนี้ยืดเยื้อ ผู้ที่ร่วมต่อสู้กับพวกเราขณะนี้มีกว่า 15 ล้านคน แต่พวกเรายังต้องการเพิ่มอีก 10 ล้านคน เพื่อให้อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
ขณะนี้เป็นยุค "ทุนนิยมโลกาภิวัฒน์" การต่อสู้ต้องเป็นไปโดยหลักการ, เหตุผล และสันติวิธี พวกเราต้องการแกนนำ และผู้ปฏิบัติงานเป็นจำนวนมาก โดยโรงเรียน นปช. แบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ระดับต้น, ระดับกลาง และระดับสูง
สิ่งสำคัญคือ การยกระดับมวลชน และแกนนำ การศึกษาของคนเสื้อแดงต้องมีตลอดเวลา การเรียนต้องควบคู่กับ "การปฏิบัติ" การเอาคนที่ทำงานมาเรียนจะทำให้ได้ผลดีที่สุด ขณะนี้ นปช. มี Blog ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ และศูนย์ประสานงาน นปช. ทุกที่จะเป็นศูนย์กระจายความรู้
ความเก่งของคนเสื้อแดงเกิดจากหัวใจที่ต่อสู้, เสียสละ และเอาส่วนรวมเป็นหลัก นอกจากนี้ยังต้องมีเอกภาพในการขับเคลื่อน, การนำที่ถูกต้อง และการจัดตั้งองค์กรณ์ที่ถูกต้อง
องค์กรของจารีตนิยมยังกุมอำนาจมากในสังคมไทย ทั้งกองทัพ และกลไกรัฐที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน ดังนั้นแม้คนเสื้อแดงจะชนะการเลือกตั้งก็ไม่ควรหลงละเลิง เห็นได้จากที่พรรคการเมืองที่คนเสื้อแดงให้การสนับสนุนยังต้องห่วงเรื่องการถูกยุบพรรคอยู่ตลอดเวลา ประชาชนจึงต้องช่วยกันเป็นหลักประกันความเข้มแข็งของประชาชน เพื่อรักษาชัยชนะเดิมไว้ และก้าวสู่ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่า
คณะราษฎรถูกกำจัดออกจากสังคมไทยภายในเวลาเพียง 10-20 ปี ดังนั้นแม้คนเสื้อแดงจะชนะตลอดกว่า 10 ปีก็อาจไม่ใช่ชัยชนะที่ยั่งยืน คนเสื้อแดงชนะการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อำนาจทางเศรษฐกิจ และสังคมจะอยู่ในมือของประชาชน
คนเสื้อแดงเสียชีวิต, ถูกคุมขัง และถูกกระทำมามากเกินพอแล้ว คนเสื้อแดงต้องเรียนรู้เพื่อยกระดับ เพื่อให้การต่อสู้มีแต่ชัยชนะ โดยไม่ต้องแลกมาด้วยศพ, เลือด, น้ำตา หรืออิสรภาพเหมือนที่ผ่านมา
การเป็นแกนนำคนเสื้อแดงไม่ใช่แค่เข้าร่วมการชุมนุมของคนเสื้อแดงเท่านั้น แกนนำยังต้องสามารถวินิจฉัยเรื่องราวที่เกิดขึ้น และรู้ว่า จะต้องทำอะไร แกนนำท้องถิ่นสามารถตัดสินใจเองได้ นอกจากนี้การขับเคลื่อนต้องเป็นเอกภาพในการนำ
ปีที่ผ่านมาเป้าหมายเฉพาะหน้าคือ การล้มรัฐบาลอำมาตย์ด้วยหีบเลือกตั้ง ส่วนเป้าหมายเฉพาะหน้าของปีนี้คือ การยกเลิก รธน.50, ผลพวงจาก คมช. เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และ กม. ที่ไม่เป็นธรรม เช่น ม.112 เพื่อให้เกิด "นิติรัฐ-นิติธรรม"
เป้าหมายต่อมาคือ การยุติการรัฐประหารทุกรูปแบบ ทั้งแบบที่ใช้ทหาร และ กม. คนเสื้อแดงยอมสู้ด้วยชีวิต หากมีการรัฐประหารด้วยทหารอีก ส่วนการรัฐประหารด้วย กม. คนเสื้อแดงก็ต้องรู้เท่าทัน
ยุทธศาสตร์ 2 ขาคือ พรรคการเมืองในรัฐสภา และองค์กรภาคประชาชน เป็นการต่อสู้ทั้งใน-นอกรัฐสภา ทั้งสองขาต้องเดินควบคู่กัน ผู้ที่พยายามทำให้ 2 ขาเป็นขาเดียวถือเป็นการทำลายการต่อสู้ของประชาชน เป็นการสร้างความแตกแยกให้กับคนเสื้อแดง
นักการเมืองอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคนเสื้อแดงเป็น "ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก" นักการเมืองบางส่วนพยายามดึงฐานมวลชนเป็นของตนเองด้วยการดึงแกนนำท้องถิ่นมาอยู่ในมือ ถือเป็นการมองข้ามการต่อสู้ของประชาชน เพราะพรรคการเมืองอาจถูกยุบเมื่อใดก็ได้ ต่างจากคนเสื้อแดงที่ไม่มีใครสามารถมายุบได้ นักการเมืองที่มีหัวใจเป็นนักต่อสู้ มีเกียรติภูมิมากกว่านักการเมืองทั่วไป
ยุทธศาสตร์ 2 แขนคือ มวลชนพื้นฐาน (แขนขวา) และปัญญาชน-ชนชั้นกลาง/ชั้นสูง (แขนซ้าย) ซึ่งขณะนี้แขนซ้ายกำลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนเหล่านี้เริ่มเปลี่ยนมาเป็นคนเสื้อแดงมากขึ้น เช่น นิติราษฎร์ ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อสีแดง ดังนั้นพวกเราจึงต้องช่วยกันให้กำลังพวกเขาด้วย
เขตยุทธศาสตร์ 5 เขตคือ เขตชนบท, เขตเมือง, เขตกรุงเทพ, เขตต่างประเทศ และเขตอินเตอร์เน็ต ตนเองตั้งข้อสังเกตุว่า ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองหลายครั้ง เช่น 14 ต.ค. 16, 6 ต.ค. 19 ส่วนใหญ่เป็นคนรากหญ้าที่อยู่ในเมือง
ในต่างประเทศการเรียกร้องประชาธิปไตยมาจากชนชั้นกลาง แต่ในประเทศไทยกลับเป็นคนรากหญ้า ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมองว่า คนเสื้อแดงยุคนี้เป็น "ชนชั้นกลางรุ่มใหม่" ซึ่งเป็นการมองที่ผิด ตนเองเห็นว่า "ความจริงและการปฏิบัติ" จะยกระดับสู่ "ทฤษฎี" แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่ เช่น คอป. ตั้ง "สมมุติฐาน" ไว้ และพยายามเบี่ยงเบนความเป็นจริงให้เข้ากับสมมุติฐานที่ตั้งไว้
คอป. ไม่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิต แต่กลับตั้งสมมุติฐานว่า คนเสื้อแดงเป็นพวกรุนแรง และมีชายชุดดำ โดยโยงหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือมาอธิบาย การตั้งสมมุติฐานนั้นทำได้ แต่ต้องพิสูจน์ได้แบบ "วิทยาศาสตร์" ด้วย
รัฐบาลชุดที่แล้วเป็น "เด็ก" ดังนั้นรายงานของ คอป. จึงเปรียบเสมือนสุภาษิตที่ว่า "คบเด็กสร้างบ้าน คบหัวล้านสร้างเมือง" พวกเราประสบความสำเร็จในเขตชนบท ดังนั้นปีนี้พวกเราจึงเน้นไปที่เขตเมือง, เขตต่างประเทศ และเขตอินเตอร์เน็ต
ชัยชนะของคนเสื้อแดงคือ การที่ประชาชนกว่า 20 ล้านคนเข้าใจการต่อสู้ของประชาชน เพื่อให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า และเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง
เวลา 11.00 น. นิสิต สินธุไพร และ นพ.เหวง โตจิราการ ร่วมบรรยายในหัวข้อ "งานมวลชนและการจัดตั้งองค์กร นปช. ในชนบทและเขตเมือง"
เวลา 12.00 น. มีการร่วมรับประทานอาหารกลางวันและประชุม (Working Lunch) โดยมีการแบ่งผู้ร่วมบรรยายออกเป็น 6 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 (กรุงเทพ และปทุมธานี), กลุ่มที่ 2 (นนทบุรี และสมุทรปราการ), กลุ่มที่ 3 (อ่างทอง, อยุธยา, นครนายก และสุพรรณบุรี), กลุ่มที่ 4 (สระบุรี, ลพบุรี, สิงห์บุรี, อุทัยธานี และชัยนาท), กลุ่มที่ 5 (กาญจนบุรี และราชบุรี) และกลุ่มที่ 6 (นครปฐม, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, ประจวบคีรีขันธ์ และเพชรบุรี) โดยมีหัวข้อการประชุมในครั้งนี้มี 3 ข้อคือ
1. ปัญหาและอุปสรรคในการขยายมวลชน และการจัดตั้งองค์กรในท้องถิ่น
2. ปัญหาประชาชน และการเมืองในท้องถิ่น
3. ข้อเสนอแนะต่อโรงเรียนการเมือง นปช. และ นปช. ส่วนกลาง
การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้ร่วมบรรยายต่างแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ซึ่งทาง นปช. ได้เก็บข้อมูลเหล่านี้ และจะตอบคำถามเหล่านี้ในโอกาสต่อไป
เวลา 14.00 น. อ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ และ ก่อแก้ว พิกุลทอง ร่วมบรรยายในหัวข้อ "พัฒนาการการต่อสู้ของประชาชนไทยและสถานการณ์การต่อสู้ในปัจจุบัน" และต่อด้วยหัวข้อ "การดำรงอยู่ของระบอบอำมาตยาธิปไตยในปัจจุบันของสังคมไทย"
หลังจบการบรรยาย ดารุณี กฤตบุญญาลัย ยังขึ้นร้องเพลงเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ร่วมบรรยาย โดยมีผู้ร่วมบรรยายลุกขึ้นร้องเพลง และเต้นรำเป็นจำนวนมาก
เวลา 16.00 น. อดิศร เพียงเกษ, ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และจตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมบรรยายในหัวข้อ "นปช. กับการเมืองไทย"
เวลา 18.00 น. อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ขึ้นเป็นประธานมอบวุฒิบัตรโรงเรียนการเมือง นปช. แก่ผู้ร่วมบรรยายในครั้งนี้ และกล่าวปิดงาน โดยครั้งต่อไปจะเปิดโรงเรียนการเมือง นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ที่ จ.ชลบุรี เพื่อขยายฐานไปภาคตะวันออกต่อไป