เคลียร์หมดเปลือก ? "บุญทรง เตริยาภิรมย์" ว่าด้วยขายข้าว "จีทูจี"

มติชน 12 ตุลาคม 2555 >>>




นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางปราณี ศิริพันธ์อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะรับมอบนโยบายระบายข้าวรัฐบาล ร่วมกันแถลงถึงการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลตามวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่กระทรวงพาณิชย์

บุญทรง เตริยาภิรมย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์


การที่มีการกล่าวในช่วง 2-3 วัน ว่าผมพูดขัดแย้งกับนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่เป็นความจริง ที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูดเป็นข้อมูลถูกต้อง ตามกรอบบันทึกความตกลงเบื้องต้น (เอ็มโอยู) ซื้อขายข้าว 8 ล้านตัน และการแถลงครั้งนี้ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้แถลง แต่เป็นหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ต้องเคลียร์ ในประเด็นที่กำลังสับสนกันอยู่
การซื้อขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐที่ผ่านมา เป็นการดำเนินการภายใต้กรอบเอ็มโอยูที่รัฐบาลไทยได้จัดทำกับประเทศผู้ซื้อ ได้แก่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ และอยู่ระหว่างการจัดทำกับประเทศโกตดิวัวร์ ซึ่งกรอบเอ็มโอยูจะมีระยะบังคับใช้ 3-5 ปี คิดเป็นปริมาณข้าวรวม 8 ล้านตัน สอดคล้องกับที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้ ในฐานะผู้มอบนโยบายและประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)
ส่วนกระทรวงพาณิชย์ก็มีหน้าที่มาปฏิบัติ โดยกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) ที่จะเจรจาเพื่อให้เกิดการซื้อขายจริงและทำสัญญา โดยขณะนี้ได้ทำสัญญาการขายข้าวแบบจีทูจีแล้ว 7.32 ล้านตัน จำนวน 6 สัญญา โดยประเทศผู้ซื้อหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย จีน โกตดิวัวร์ ฟิลิปปินส์ มีการส่งออกข้าวแล้วตั้งแต่มกราคมถึงกันยายน 2555 ปริมาณ 1.46 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของปริมาณที่ได้ทำสัญญา และเตรียมส่งออกในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2555 ปริมาณ 3 แสนตัน รวมถึงสิ้นปีจะส่งออกไป 1.7-1.8 ล้านตัน ส่วนที่เหลืออีก 5.56 ล้านตันนั้น จะมีการส่งมอบถึงสิ้นปี 2556
ขณะนี้มีการขยายความ ทำให้เกิดความสับสนระหว่างคำว่าสัญญาซื้อขายกับเอ็มโอยู ซึ่งรัฐบาลไทยมีการเจรจาขายจีทูจีกับรัฐบาลหลายประเทศมาตลอด โดยระดับนโยบายจะมีการทำเอ็มโอยูระหว่างกัน เป็นการกำหนดกรอบปริมาณและระยะเวลาโดยกว้างๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไปที่ใด ก็จะไปเจรจาขายข้าวด้วย ส่วนลงลึกในรายละเอียดเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการเพื่อให้ได้ ข้อสรุปและทำสัญญาซื้อขายจริง เมื่อตกลงราคาได้แล้ว ก็จะมีการเปิดบัญชีการเงินชำระค่าข้าว (แอลซี) ที่ตกลงกันไว้แล้ว อย่างฟิลิปปินส์ ความตกลงเอ็มโอยูไม่เกิน 1 ล้านตันต่อปี ระยะเวลาความตกลง 3 ปี ตอนนี้อยู่ระหว่างการพูดคุย และอีกสัญญาเป็นการซื้อข้าวไทย 3 แสนตัน เพื่อชดเชยให้ไทยกรณีฟิลิปปินส์ไม่ลดภาษีนำเข้าข้าวตามกรอบการค้าเสรีอา เซียน (อาฟต้า) สำหรับอินโดนีเซียได้ส่งมอบไปแล้ว 3 แสนตัน และกำลังเจรจาขายเพิ่ม โดยตกลงขายไม่เกิน 1 ล้านตัน ระยะเวลาความตกลง 5 ปี (2555-2559) ส่วนบังกลาเทศ มีระยะความตกลง 2 ปี โกตดิวัวร์ กำลังเจรจากันอยู่ จำนวน 2.4 แสนตัน และยังมีสัญญากับจีนอีกจำนวนหนึ่ง
สาเหตุที่ไม่อาจเปิดเผยรายละเอียดสัญญา ทั้งปริมาณและราคาหรือโชว์แอลซีให้ได้ตามที่กระแสข่าวต้องการ เพราะจะเกิดปัญหาต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการค้าระหว่างรัฐ ซึ่งการซื้อขายจีทูจีหรือการตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐ ไม่ใช่แค่ไทยเท่านั้นที่ทำ ประเทศอื่นก็ต้องการทำ ทุกประเทศจับตามองไทย หากเปิดเผยก็จะรู้ความเคลื่อนไหว เพื่อใช้ในการเจรจาของเขา และจะกระทบต่อไทยในการเจรจากับประเทศอื่นๆ
การเจรจาขายข้าว ให้ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ก็ทำมานานแล้ว การเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดการซื้อขายข้าวจีทูจีจะส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ซื้อ เนื่องจากข้าวเป็นสินค้าอ่อนไหวทางการเมืองสูงมาก ซึ่งการเจรจากับประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ก็เป็นการดำเนินการภายใต้กรอบเอ็มโอยู
การยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ขายข้าวได้เท่าไหร่ ก็ดูจากการคืนเงินค่าข้าวที่ระบายแล้วให้กระทรวงการคลัง ซึ่งได้คืนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว 4.2 หมื่นล้านบาท ในสิ้นปีนี้จะคืนได้ 8.5 หมื่นล้านบาท ก็น่าจะพิสูจน์ได้ว่าขายข้าวได้
กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้พิมพ์แบงก์เอง ได้ เงินก็ต้องเอาจากการขายข้าว การเปิดแอลซี รัฐบาลก็รับประกันแม้การขนย้ายการปรับปรุงจะให้บริษัทใครดำเนินการก็แล้วแต่ เมื่อตกลงซื้อข้าวแล้ว ก็จะเปิดบัญชีแอลซีเพื่อรับข้าว ส่วนการปรับปรุงจะเป็นใคร จะส่งด้วยวิธีการใดนั้น ก็เป็นการคัดเลือกของประเทศผู้ซื้อ รัฐบาลไม่เกี่ยวข้องแล้ว
เรื่องข้าวหายจะทำได้อย่างไร เพราะตกลงขายระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล และรับซื้อการจ่ายเงินของรัฐบาลประเทศผู้ซื้อ ขั้นตอนเป็นอีกเรื่องที่ประเทศผู้ซื้อต้องดำเนินการ
กรณีที่มีข่าว ว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนผู้ส่งออกข้าวบางรายในการส่งออกข้าว ซึ่งในเรื่องนี้ขอชี้แจงว่าถึงแม้รัฐบาลจะดำเนินโครงการจำนำข้าวทุกเมล็ด แต่ยังมีข้าวบางส่วนที่ไม่ได้เข้าสู่โครงการรับจำนำและหมุนเวียนอยู่ในตลาด ซึ่งผู้ส่งออกหรือผู้ค้าข้าวก็สามารถทำธุรกิจซื้อขายข้าวได้ตามปกติยิ่งกว่า นั้น รัฐบาลยังเปิดโอกาสให้ผู้ส่งออกผู้ซื้อข้าว โรงสี โรงงานแปรรูปต่างๆ ที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบสามารถเข้าร่วมในการเสนอราคาซื้อในทุกครั้งที่มีการ ระบาย ส่วนการส่งออกที่อาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงของผู้ส่งออกนั้น เป็นความสามารถของแต่ละบริษัทที่จะแข่งขันกันในตลาดการค้า ซึ่งเป็นปกติของการดำเนินธุรกิจ

ปราณี ศิริพันธ์
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ


การเจรจาจีทูจีในแต่ละประเทศ ไม่ได้มีขั้นตอนเหมือนกันทุกประเทศ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ซื้อ การขายแบบหน้าคลัง ประเทศผู้ซื้อเป็นผู้กำหนดว่าจะให้บริษัทใดมารับ เพื่อนำไปปรับปรุงและส่งมอบให้ประเทศปลายทาง พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาการรับมอบ แต่ทางกรมไม่มีการระบุ
ในสัญญาว่า จะต้องส่งออกไปต่างประเทศหรือไม่หรือภายในระยะเวลาใด เพราะเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศผู้ซื้อและผู้ปรับปรุงข้าว และมีผู้ตรวจสอบเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์เวย์เป็นผู้ตรวจสอบ
ทางเราได้เงินมาก็แสดงว่าขายได้แล้ว ส่วนราคาก็มีการคุยกันไว้แล้ว โดยมีการกำหนดราคากลาง (optimum prices) คำนวณมาจากเกณฑ์ต่างๆ หลายเกณฑ์ ซึ่งเป็นราคาที่ทั้งสองฝ่ายพอใจ ก็ขาย แต่บอกไม่ได้ อยากขอให้โอกาสในการทำงานต่อไป เพราะหากสื่อมวลชนยิ่งเขียนข่าวก็จะยิ่งทำให้ประเทศที่กำลังจะทำสัญญาซื้อ ขายตื่นตระหนกและจะไม่ซื้อข้าวไทย แต่หันไปซื้อข้าวจากเวียดนามแทน หากเกิดปัญหาเช่นนี้ก็ให้รับผิดชอบร่วมกัน เพราะเป็นผลเสียของประเทศชาติ และตัวเลขการขายข้าวจะไปอยู่กับเวียดนาม

ทิฆัมพร นาทวรทัต
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ


ต้องยอมรับว่าหลายประเทศ การเมืองภายในประเทศมีความอ่อนไหวมาก หากจะมีการนำเข้าข้าว จึงปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่มีการนำเข้าข้าว แต่ในความเป็นจริง มีการนำเข้าปีละ 1-2 ล้านตันโดยตลอด ที่ผ่านมาจะพบว่าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ก็มีการนำเข้าทุกปี แต่นำเข้าจากประเทศใดเท่านั้น แต่ไทยประกาศไม่ได้ว่าขายไปให้เท่าไหร่ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ และไม่อยากให้ประเทศผู้ซื้อมีปัญหา เรื่องข้าวเป็นเรื่องการเมืองของหลายประเทศ แต่ยืนยันได้ว่า ข้าวจีทูจี 7.32 ล้านตัน มีการขายจริง ขณะนี้ได้ทยอยส่งมอบ ทยอยเปิดแอลซี ซึ่งแอลซีก็มีการตกลงกัน 8-9 รูปแบบ โดยการส่งมอบก็จะทยอยเป็นช่วงๆ จนถึงปลายปี 2556
ยุทธศาสตร์ขายจีทูจีไม่มีประเทศใดเขาเปิดเผยกัน มันไม่ดีต่อประเทศ ที่มีการระบุว่า ประเทศผู้ซื้อที่เปิดชื่อออกมา ซื้อข้าวกันไม่มาก แล้วจำนวน 7.32 ล้านตันมาจากไหน มีการซื้อกันจริง แต่เราบอกไม่ได้ เพราะบางประเทศเขาพูดแล้วจะมีปัญหาภายใน ส่วนกับจีน เป็นล็อตใหญ่ แต่บอกไม่ได้ว่าเท่าไร ส่วนเรื่องราคารับได้ทั้งสองฝ่าย
ตอนนี้เรากำลังเจรจาขายข้าวกับอีกหลายประเทศ ไม่อยากให้เหตุการณ์ขณะนี้เป็นการทำลายและทำการค้าได้ยากขึ้น ประเทศเสียหายมากกว่าดี และหลายประเทศก็มีเสนอซื้อในแบบอื่น รวมทั้งการขายแบบแลกเปลี่ยน (บาร์เตอร์เทรด) ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ