เวลา 09.00 น. วันที่ 2 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำนปช.ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม. ถึงกระแสข่าวว่ามีชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ว่า ยังไม่ทราบ และการปรับหรือไม่ปรับ ครม. หรือถ้าปรับแล้วจะเป็นใครนั้น เป็นดุลพินิจและอำนาจของนายกรัฐมนตรี ตอนที่ตนเข้ามาทำงานก็ไม่มีโควต้าฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ เพราะทุกคนในครม.ก็ทำงานอย่างเต็มกำลัง ถ้าผู้นำสูงสุดคิดว่าจะปรับทีมเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทุกคนเข้าใจได้
เมื่อถามถึงข้อสังเกตว่าสาเหตุหนึ่งที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ถูกกดดันให้ลาออก เพราะเข้าไปเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงมากเกินไป นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า คิดว่าคงไม่ใช่อย่างนั้น ไม่ใช่ว่ารัฐมนตรีคนไหนไปไกลชิดคนเสื้อแดงแล้วจะถูกดดันให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเฉพาะเหตุการณ์เฉพาะกรณีไป มองว่าเวลานี้อาจมีเป้าหมายทางการเมืองที่ต้องการให้คนในรัฐบาลกับคนเสื้อแดงกินแหนงแคลงใจกัน หรือเกิดเป็นรอบร้าวทางความรู้สึกและความสัมพันธ์ต่อกัน ยืนยันว่าไม่ได้ผลเพราะการต่อสู้ของคนเสื้อแดงปลายทางคือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง หากรัฐบาลที่เข้ามาทำหน้าที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบจากประชาชน มีจุดยืนเพื่อประชาธิปไตย คนเสื้อแดงก็พร้อมสนับสนุน ส่วนตำแหน่งในรัฐบาลไม่ใช่เรื่องของคนเสื้อแดง แต่เป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร
เมื่อถามว่าหลายครั้งเมื่อมีข่าวปรับครม.จะมีแกนนำคนเสื้อแดงออกมาเรียกร้องให้มีตัวแทนคนเสื้อแดงเข้ามาทำหน้าที่รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าคนที่ต่อสู้มาด้วยกัน และเห็นความสามารถ ความจริงใจและทุ่มเทให้กับพรรค ก็คิดว่าเพื่อนน่าจะได้รับโอกาส ส่วนการพิจารณาเป็นเรื่องของนากยรัฐมนตรี เราไม่เคยก้าวล่วงหรือตั้งเงื่อนไขกดดัน
ต่อข้อถามว่าตอนนี้ถึงเวลาที่นายจตุพรจะเข้ามาทำหน้าที่ในรัฐบาลหรือยัง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนพูดมาตลอดว่านายจตุพร มีความสามารถทางการเมืองไม่ด้อยกว่าใคร และจุดยืนเรื่องประชาธิปไตยก็ชัดเจน และมีประชาชนสนับสนุนจำนวนมาก ดังนั้นคุณสมบัติเฉพาะตัวถือว่าพร้อม แต่จะเป็นรัฐมนตรีหรือไม่และช่วงเวลาใดอยู่นอกการตัดสินใจของเรา
เมื่อถามย้ำว่าคนเสื้อแดงจะเข้ามาร่วมรัฐบาลถึง2 คน หรือจะสลับกันระหว่างนายณัฐวุฒิ รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า เรา 2 สอง และพี่น้องที่ต่อสู้กันมานั้น เราอยู่กันด้วยหัวใจ ร่วมเป็นร่วมตายกันมา เส้นทางชีวิตอยู่ร่วมกันทั้งชีวิตยู่แล้ว แต่เส้นทางในรัฐบาลหรือสภาฯเป็นเส้นทางการเมือง