"ยิ่งลักษณ์" ยัน พท. ยังไม่มีมติส่ง "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ชิงผู้ว่าฯ กทม. ด้านเจ้าตัว ปัด ไม่เคยคิดลงผู้ว่าฯ ขอทำงานด้านยาเสพติด ส่วน "เฉลิม" ขอปรึกษากับผู้บริหารในพรรคก่อน
วันที่ 3 ต.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตอบรับเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทยในการลงสมัครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่า "ทุกอย่างต้องเป็นมติของพรรค ยังไม่มีหรอก"
ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทย จะส่งตนเองลงชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการ กทม. ว่า ตนเพิ่งได้รับตำแหน่ง เลขาธิการ ป.ป.ส. เมื่อเช้าเจอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกันเพียงแต่การแก้ไขปัญหายาเสพติด ว่าจะลงชุมชนอย่างไร ท่านนายกฯ ให้นโยบายลงพื้นที่เต็มที่ โดยในวันอาทิตย์ที่ 7 ต.ค. จะลงพื้นที่ชุมชนคลองเตย เพื่อดำเนินการให้ชุมชนเสี่ยงกลายเป็นชุมชนสีขาว ตามยุทธการปิดล้อม 90 วัน เอกซเรย์พื้นที่ และให้ชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน
ส่วนเรื่องของผู้ว่าฯ กทม. ตนมีชื่อคู่กันมาตลอด ต้องขอขอบคุณทุกฝ่าย ที่ได้เอาผมไปเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอสู่พี่น้อง ประชาชน ตอนนี้ยังไม่ได้คิด วันนี้จะขอเป็น รอง ผบ.ตร. และเป็นเลขาฯ ป.ป.ส. ซึ่งจะทำงานในด้านนี้อย่างเต็มที่
"ตอนนี้ก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ ยังยืนอยู่กับพี่น้องประชาชน ด้านยาเสพติด ซึ่งการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต้องทำต่อไป ตนคิดว่าเรื่องของการเมืองยังมีเวลาอีกนาน ขอให้ได้ทำเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเต็มที่ เพื่อดูแลชุมชนที่เป็นชุมชนเสี่ยงทั้งหมด" พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มีการโทรศัพท์มาขอร้องให้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. นั้น พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ไม่มีอะไร อย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้แล้วว่า ทางพรรคเพื่อไทย ก็คงมีกระบวนการ กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของการเมือง ก็ให้เป็นเรื่องของการเมืองไป ก็เป็นการต่อสู่ทางด้านนโยบายและตัวบุคคลไป
ถามต่อว่าสนใจตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ตอนนี้ยังเลย อยากจะเป็นตำรวจ และทำงานด้านยาเสพติด เพราะค่อนข้างท้าทาย อยากทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ส่วนที่มีการต่อรองนั้น ไม่มีการต่อรองกันแต่อย่างใด ตอนนี้ เพราะว่าตอนนี้เป็นรอง ผบ.ตร. แล้ว อาวุโสด้วยซ้ำไป และได้ความกรุณาจากนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล มอบให้ทำงานด้านยาเสพตืด เพราะเห็นว่าได้ทำงานด้านชุมชุนมาเยอะ
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าการที่คณะรัฐมนตรี มอบหมายให้ไปดูงาน ป.ป.ส. คงไม่ได้คิดอย่างนั้น คิดแต่ว่าทำอย่างไร ที่จะทำให้กลไก ป.ป.ส.ขับเคลื่อนในชุมชนเสี่ยงได้ ที่ผ่านมาจับกุมผู้ค้ารายใหญ่ได้มาก แต่ชุมชนเสี่ยงและผู้ค้ารายย่อยในระดับล่าง ซึ่งยังมีความกังวลอยู่ก็จะลงไปดูแลแก้ไขปัญหานี้ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“ยังไม่ได้คิดจริงๆ จะลงชุมชนจะดูแลยาเสพติดจริงๆ เรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป ผู้ว่าฯ กทม. ก็มีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ ตนคิดว่าคน กทม. คิดได้และคิดเป็น เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องของพรรคแต่ละพรรคลงบุคลากรลงแย่งชิงตำแหน่ง คงจะต้องดูเรื่องนโยบายว่าทำอย่างไร ให้คนกรุงเทพฯ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างปัญหายาเสพติดและปัญหาด้านการจราจร ใครลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ขอให้โชคดี ต้องเรียนว่า รองนายกฯ เฉลิม ได้ยืนยันแล้ว ยังไม่ได้สรุปเป็นเรื่องของตัวบุคคลปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของพรรคการเมือง ขอทำงานชุมชนเสี่ยงต่อไป” เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าว
เมื่อถามว่า ที่พูดถึงเรื่องอาวุโส ตำแหน่งรอง ผบ.ตร.เพราะต้องการจะขึ้นไปตำแหน่ง ผบ.ตร. มากกว่าผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ตำแหน่ง ผบ.ตร. นั้น เราตั้งตัวเองไม่ได้ จะเปรียบเทียบให้ฟังว่ากลไกในการรับตำแหน่งมาถึงจุดนี้แล้ว แต่เมื่อถึงชั่วโมงนี้ยังไม่ได้คิดถึงตำแหน่งดังกล่าวเลย
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการกำหนดตัวบุคคลเพื่อลงชิงผู้ว่าฯ กทม. ของพรรคเพื่อไทยว่า ข้อเท็จจริงพรรคยังไม่ได้มีการปรึกษาหารือกัน ถ้าจะประชุมกัน ตนจะเป็น 1 ใน 3 เสียง ในโซนกรุงเทพฯ ชั้นในนอก ต้องปรึกษากัน และนำเสนอผู้บริหารพรรค
"ในชั้นนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะยังไม่ได้คิด เพราะตอนนี้ต้องการ ให้ พล.ต.อ.พงศพัศ มาดูแลปราบปรามยาเสพติดก่อน โดยทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.อดุลย์ และเมื่อตนมาคุมมหาดไทย เราจะมีนโยบายหนึ่งอำเภอปลอดจากยาเสพติด ลงตำบลสีขาว หมู่บ้านสีขาว เพื่อทำให้ประเทศสีขาว นำประเทศสู่ประชาคมอาเซียนอีก 3 ปี ข้างหน้า" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว