ประชาไท 29 ตุลาคม 2555 >>>
องค์การพิทักษ์สยามและเครือข่ายชุมนุมนับหมื่น "ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ" อัดนโยบายจำนำข้าว ชี้เงิน 3 แสนบาทเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่หรือไม่ และข้าวที่มาจำนำก็สวมสิทธิมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ด้าน "ประยงค์ ไชยศรี" อัด "ทักษิณ" มีพฤติกรรมจ้องล้มสถาบันฯ ส่วน "นิติราษฎร์" คิดเลิก ม.112 ลั่นจะต้องแก้ ม.112 ให้โทษหนักขึ้น
วันนี้ (28 ต.ค. 55) ผู้ชุมนุมกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และเครือข่ายได้แก่กองทัพธรรมสันติอโศก มวลชนบางส่วนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ได้รวมตัวกันที่ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ หรือสนามม้านางเลิ้ง โดยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมนับหมื่นคน มีนายสำราญ รอดเพชรเป็นพิธีกรเวทีปราศรัย
โดย พล.อ.บุญเลิศขึ้นเวทีแถลงย้ำจุดยืนเหตุผลขับไล่รัฐบาล 3 ข้อ ได้แก่
1. รัฐบาลปล่อยให้มีการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน โดยไม่มีการปกป้อง
2. รัฐบาลชุดนี้เป็นหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อีกทั้งยังไม่มีประสิทธิภาพในการบริหารและขาดธรรมาภิบาล และ
3. รัฐบาลชุดนี้ปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น
ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ กล่าวว่าชาวนา 20 ล้านคนไม่จ่ายภาษี ส่วนมนุษย์เงินเดือน 17 ล้านคนจ่ายภาษี
ด้านนายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปราศรัยต่อนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า มีการทุ่มงบประมาณกว่า 3 แสนล้านบาท โดยทั่วประเทศมีประชากรที่ประกอบอาชีพทำนากว่า 20 ล้านคน เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ 65 ล้านคนนั้น ที่มีมนุษย์เงินเดือนเป็นพนักงาน 17 ล้านคนต้องจ่ายภาษี แต่ชาวนาไม่ต้องจ่ายภาษีดังกล่าว อย่างไรก็ตามชาวนาที่ยังยากจนอยู่ก็มี ซึ่งเป็นชาวนาจากภาคอีสาน 5 ล้านคน ที่ต้องปลูกข้าวนาปี และนำไปขายต่อได้คนละไม่เกิน 5 เกวียน ฉะนั้นตนอยากจะถามไปยังรัฐบาลว่า เม็ดเงินจำนวนกว่า 3 แสนล้านบาทเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ของประเทศหรือไม่ โดยข้าวในโกดังที่รับซื้อไปก็เป็นข้าวสวมสิทธิ์จากประเทศกัมพูชาหรือพม่าทั้งนั้น เมื่อมีผู้ออกมาคัดค้านนโยบายนี้ ทางรัฐบาลก็ได้นำชาวนาบางกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ออกมาสนับสนุน พร้อมต่อต้านด่าทอกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการรับจำนำข้าว
ประยงค์ ไชยศรี อัดนิติราษฎร์ตรรกะหัวแม่ตีนคิดเลิก ม.112 ลั่นต้องแก้ ม.112 เพิ่มโทษหนักขึ้น
ด้านนายประยงค์ ไชยศรี อดีตผู้สมัครพรรคมัฌชิมาธิปไตย ปราศรัยโจมตีนายสุรชัย แซ่ด่าน และนายวีระ มุสิกพงศ์ ว่าเคยหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเมื่อได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วก็หมิ่นพระบรมเดชานุภาพซ้ำอีก คนกลุ่มนี้อย่าว่าแต่พระราชทานอภัยโทษเลยครับ ฆ่าให้ตายก็ไม่รู้สึกสำนึก ต่อมาปี 2545 มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีเจตนาจ้องล้มสถาบันฯ ซึ่งสามารถสืบพฤติกรรม เจตนาและเป้าหมายของคนๆ นี้ได้ชัดเจนก็คือให้ลิ่วล้อจาบจ้วงสถาบันจนมีการฟ้องร้องหลายคดี ที่สำคัญคนที่ถูกฟ้องร้องไม่ว่าจะเป็นดา ตอร์ปิโด อากง หรือใครต่อใคร กลับเป็นฮีโร่ของคนเหล่านี้ ซึ่งคนที่ถูกศาลลงโทษต้องอับอาย ต้องได้รับความเสียหายกลับถูกยกย่องเป็นฮีโร่
นอกจากนี้กลุ่มนิติราษฎร์ บอกว่ากฎหมายมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาเป็นปัญหาของประเทศ มีคนกระทำผิดมาก ทางแก้คือยกเลิก ม.112 จะได้จาบจ้วงโดยเสรี คุณเอาตรรกะที่ไหนมาคิด ต้องยืมสำนวนคุณสนธิ ลิ้มทองกุลว่าตรรกะแบบนี้คือตรรกะหัวแม่ตีน ต้องถามว่าการยกเลิกกฎหมายที่มีคนกระทำผิดมากๆ นั้น ใช้อะไรคิด ถ้าคิดแบบนี้ประมวลกฎหมาย อาญา ลักวิ่งชิงปล้น คุณต้องยกเลิกกฎหมายลักทรัพย์ กฎหมายยาเสพย์ติด เพราะมีผู้กระทำความผิดหรือครับ ขณะที่ปัจจุบันมีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพย์ติดมากขึ้นจากเดิมที่ต้องขึ้น 3 ศาล คือศาลชั้นต้น ศาลอุทธร์ ศาลฎีกา ก็เหลือเพียง 2 ศาล คือศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ นอกจากนั้นยังมีโทษปรับหลายล้านเพื่อกำราบปราบปราม นี่คือตรรกะของการใช้กฎหมายปกครองประเทศ ถ้าใช้วิธีคิดอย่างเดียวกันนี้ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต้องแก้ไขให้มีโทษหนักขึ้น และให้ประชาชนผู้จงรักภักดีเมื่อพบการกระทำผิดให้เป็นผู้เสียหายโดยตรง และแท้ที่จริงแล้วคดีที่เกิดขึ้นในศาลยังถือว่าน้อย เพราะถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารได้ปฏิบัติหน้าที่มันต้องฟ้องกันเป็นแสนๆ คนแล้ว
นอกจากนี้ยังมีผู้ปราศรัยประกอบด้วย นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ขณะเดียวกัน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ แกนนำพันธมิตร ร่วมสังเกตการณ์หลังเวที พร้อมขึ้นปราศรัยในช่วงค่ำ โดย น.ต.ประสงค์ ระบุว่ารัฐบาลนี้ก่อวิกฤต 5 ด้าน คือเศรษฐกิจ สังคม ระบบราชการ ความมั่นคงแห่งชาติ การบังคับใช้กฎหมาย และวิกฤตภาวะผู้นำประเทศ
และในเวลา 18.10 น. พล.อ.บุญเลิศ กล่าวปิดการชุมนุม อ้างว่ามีมวลชนมาร่วมลงชื่อ 20,000 รายชื่อ เดินไปเดินมาอีก 10,000 คนไม่ได้มาลงชื่อ มากกว่าที่รัฐบาลประเมินไว้ ถ้าผู้ชุมนุมฟังการปราศรัยแล้วพอใจ ถูกใจ เห็นด้วย ขอให้เชิญชวนพวกท่านมาร่วมอีกหนึ่งคนต่อ 100 คน เมื่อพร้อมแล้วเราจะนำท่านไปสู่ความสำเร็จนำนักการเมืองชุดนี้พ้นไปจากประเทศไทย
อนึ่ง หนังสือพิมพ์ข่าวสด ได้รายงานความเห็นของ นพ.ตุลย์ ที่ว่าแกนนำทุกเครือข่ายจะประชุมแนวทางการเคลื่อนไหวอีกครั้งสัปดาห์หน้า ก่อนนัดชุมนุมใหญ่เดือนหน้าซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายม้วนเดียวจบ