วันนี้ (22 ต.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เกี่ยวกับเหตุการณ์ การชุมนุมทางการเมืองระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2553 จนทำให้ประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิต จำนวน 99 ศพ ในฐานะพยานโดยยืนยันว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ยึดแนวทางสันติวิธี ปราศจากอาวุธ พร้อมจะเสนอให้ ดีเอสไอดำเนินประสานกับกรมทหารราบที่11 รักษาพระองค์ เพื่อขอบันทึกจากกล้องวีดิโอวงจรปิด ในขณะนั้นมาประกอบการสอบสวน เนื่องจากข้อมูลที่ได้มาทราบว่ามีกลุ่มชายชุดดำอาศัยรถตู้ของสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ หรือ สตช. เข้าออกพื้นที่ดังกล่าว
นาย จตุพร กล่าวต่อว่า น่าจะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับ อาทิ คนเขียนแผนยุทธการณ์ และทหารที่รวบรวมคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. มาสอบปากคำเพราะถือเป็นบุคคลที่ทราบรายละเอียดในการดำเนินงานเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ยังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการเรื่องชายชุดดำที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเป็นผู้ก่อเหตุให้มีผู้เสียชีวิตว่าน่าจะเป็การสร้างสถานการณ์ เนื่องจากสำนักข่าวที่บันทึกภาพชายชุดดำในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน ได้ แต่กลับไม่นำมาเผยแพร่ทันทีกลับรอให้เวลาล่วงเลยมาถึง 3 วันจึงนำมาเผยแพร่ซึ่งถือเป็นการผิดวิสัยสื่อมวลชน อย่างไรก็ตามในวันนี้ยินดีตอบทุกข้อสงสัยของพนักงานสอบสวน พร้อมอโหสิกรรมให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน แต่ไม่อโหสิกรรมให้กับผู้สั่งการ
นอกจากนี้ นายสมหวัง อัสราษี รองประธาน นปช. ยังได้เดินทางมาแสดงความจำนงขอร่วมสนับสนุนเพิ่มเงินรางวัลให้กับผู้ แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้อีก 7 ล้านบาท รวมกับที่ดีเอสไอประกาศให้เงินรางวัลก่อนหน้านี้ เป็น14 ล้านบาท
