ทีมข่าว นปช.
24 ตุลาคม 2555
วันนี้ (24 ต.ค. 55) เวลา 10.00 น. บังลังก์ 6 ศาลอาญาธนบุรี ศาลได้นัดสืบพยาน ชาตรี ศรีจินดา ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันปล้นทรัพย์ และใช้อาวุธพยายามชิงทรัพย์ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 52 จำเลยถูกกล่าวหาว่า เป็นคนขับมอเตอร์ไซด์ หมายเลขทะเบียน กบร 153 โดยมีผู้ซ้อนท้าย 1 คน ทั้ง 2 สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้าเข้าไปในปั้มแก๊สสำหรับรถยนต์ (ถ.บางกระดี) ของโจทก์ เพื่อร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเงินสดประมาณ 8,000-10,000 บาทจากเด็กปั้ม จากนั้นได้ขับรถมอเตอร์ไซด์คันดังกล่าวหลบหนีไปทาง ถ.พระราม 2 เวลานั้นเป็นเวลากลางคืน
โจทก์อ้างว่า โจทก์ได้ขับรถยนต์ไล่ตามทั้ง 2 คน โดยทั้ง 2 ได้ยิงปืนต่อสู้กับโจทก์ 1 นัด โจทก์จึงได้ขับรถยนต์ชนท้ายรถมอเตอร์ไซด์คันดังกล่าวจนล้มคว่ำบริเวณริมฟุตบาทข้างทาง ทั้ง 2 คนทิ้งรถมอเตอร์ไซด์คันดังกล่าวก่อนหลบหนี โดยคนขับรถมอเตอร์ไซด์ทำหมวกกันน็อกของตัวเองหลุดออกจากศีรษะ โจทก์จึงได้เห็นใบหน้าของคนขับรถมอเตอร์ไซด์ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวหลอดไฟฟ้าส่องส่วางอยู่
ทนายความจำเลยชี้ให้ศาลเห็นว่า บริเวณดังกล่าว แม้ว่าจะมีเสาไฟฟ้า และมีหลอดไฟฟ้าก็ตาม แต่หลอดไฟฟ้าบริเวณดังกล่าวก็ไม่ได้เปิด แม้ว่า อัยการจะอ้างว่าเสาไฟฟ้าบริเวณเกาะกลางถนนจะมีสปอตไลต์ แต่ก็ไม่ใช่จุดที่โจทก์จะสามารถมองเห็นใบหน้าของคนขับมอเตอร์ไซด์ได้
ทนายความจำเลยยังได้แสดงหลักฐานรูปถ่ายบ้านพักของจำเลย เพื่อแสดงให้ศาลเห็นว่า วัน-เวลาดังกล่าว จำเลยได้อยู่อาศัยกับภรรยาในบ้านพัก รวมทั้งคำกล่าวอ้างของโจทก์ที่ว่า มีการยิงปืนต่อสู้จากคนขับมอเตอร์ไซด์ 1 นัด แต่รอยกระสุนที่พบบนรถยนต์ของโจทก์กลับมีรูกระสุนถึง 3 รู ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง
นอกจากนี้หมวกกันน็อกที่โจทก์อ้างว่า หลุดออกจากศีรษะของคนขับรถมอเตอร์ไซด์นั้น แต่ในความเป็นจริงหมวกกันน็อกดังกล่าวเป็นแบบมีสายคาด ซึ่งเป็นการยากที่จะหลุดออกจากศีรษะได้
ส่วนรถมอเตอร์ไซด์คันกล่าว จำเลยยอมรับว่าเป็นของจำเลยจริง แต่ในวันดังกล่าวหลังจากจำเลยเลิกจากการทำงานขับรถแท็กซี่ในตอนค่ำ เพื่อนของจำเลยได้โทรศัพท์มาหาจำเลยก่อนหน้านี้เพื่อขอยืมมอเตอร์ไซด์คันดังกล่าว และจำเลยได้อนุญาต โดยจำเลยได้โทรศัพท์ไปบอกกับมารดาของจำเลยว่า จะมีเพื่อนของจำเลยมายืมรถมอเตอร์ไซด์คันดังกล่าวไปขับเล่นแถวมหาชัย (จ.สมุทรสาคร)
จำเลยตื่นขึ้นมาอีกครั้งเวลา 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้นเพื่อไปทำงานตามปกติ โดยจำเลยไม่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทนายความจำเลยยังชี้ให้ศาลเห็นว่า จำเลยเคยถูกกล่าวหาในคดีร่วมกับ น.ส.นฤมล วรุณรุ่งโรจน์ (จ๋ายิง ฮ.) จนต้องอยู่ในเรือนจำเป็นเวลากว่า 1 ปี 4 เดือน แต่ต่อมาศาลได้พิพากษายกฟ้องในคดีดังกล่าว
หลังจากสืบพยานแล้วเสร็จศาลได้นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 26 พ.ย. 55 เวลา 9.00 น.