"เหวง' อัดรายงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนปี 2551-2552

Facebook นพ.เหวง โตจิราการ 4 ตุลาคม 2555 >>>


วันนี้ (4 ต.ค. 55) นพ.เหวง โตจิราการ โพสท์ข้อความอัดรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่รั่วไหลออกมาก่อนหน้านี้ดังนี้

เพื่อนๆครับ วันนี้ (4 ต.ค. 55) มีเรื่องคุยยาวๆกับเพื่อนๆหน่อยนะครับ เพราะวันนี้ กสม. (กลุ่มเดียวกับที่กล่าวหาการชุมนุมของ นปช. พวกเราชาวเสื้อแดงว่า เป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ มีความรุนแรง จึงมีความชอบธรรมที่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะปราบปรามเรา ใช่ครับ ! ใช้คำว่าปราบปรามเลย ตอนหลังแก้เกี้ยวว่า เอกสารรั่วไหลออกมาก่อน โดยไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ แต่ผมเชื่อของผมเองว่า ถึงกสม.กลุ่มนี้จะออกเอกสารมาใหม่ ก็ต้องเป็นไปตามแนวนี้ค่อนข้างแน่นอนครับ ที่ผมพูดอย่างนี้ เพราะผมรู้เบื้องลึกว่า กสม. ชุดใหญ่ตั้งอนุฯขึ้นมา 9 ชุดสรุปเรื่องนี้ แต่ในนั้นมีคนรักความเป็นธรรมอยู่จำนวนหนึ่ง รับไม่ได้กับข้อสรุป อนุฯชุดอื่นๆก็คงพวกเหลืองจัดเหลืองอ๋อยนั่แหละ เขียนคำสรุปออกมา คนรักความเป็นธรรมเลยโต้แย้งเต็มที่ ทำให้ กสม. ชุดใหญ่ออกเอกสารมาไม่ได้ แล้วผมคิดเอาเองว่า อนุฯชุดที่รักความเป็นธรรมนี่แหละเอาเอกสารที่ กสม. ต้องการประกาศต่อสังคมทำให้รั่วออกมาเป็นข่าว เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศประนามข้อสรุป ที่ไม่จริงเป็นเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีของ กสม. ชุดใหญ่ไงเล่าครับ)
เขาเอารายงานการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี 2551-2552 และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2552 มาให้สภารับทราบ ผมอ่านหลายรอบแล้ว รับไม่ได้เลยครับ เพราะรายงานที่เขียนเนียนมาก ไพเราะเพราะพริ้งมาก แต่ซ่อน ความหมายที่ ใส่ร้ายป้ายสี คนเสื้อแดง นายกฯทักษิณไว้มากมาย แต่กับพวกเสื้อเหลืองพันธมาร กลับอธิบายสร้างความน่าสงสาร ความชอบธรรมไว้อักโข เพื่อให้ผู้อ่านรายงาน เกิดความชิงชังโกรธแค้นรัฐบาลสมัครว่าไปปราบปรามพวกเหลืองด้วยความรุนแรง
ผมจึงเริ่มด้วยการ ตั้งกติกากับพวกเขาก่อนว่า พวกคุณเห็นด้วยกับกติกาที่ผมเสนอหรือไม่ พูดให้ชัด เพราะผมนำเอา ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน มาอ่านให้พวกเขาฟัง ก็แค่ไม่กี่ตอนเท่านั้นครับ เช่น มนุษย์ทุกคน มีศักดิ์ศรีที่ติดตัวมาแต่เกิด และมีสิทธิเท่าเทียมกัน และโอนไม่ได้ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานแห่งเสรีภาพ ความยุติธรรมและสันติภาพในโลก
การไม่นำพาและเหยียดหยามสิทธิมนุษยชนทำให้เกิดการกระทำอย่างป่าเถื่อน (ในตอนนี้ผมแวบถามพวกเขาว่า ทำไมพวกคุณอยู่นิ่งได้กับ การที่ทหารฆ่าประชาชนสองมือเปล่า ที่ร้ายกว่านั้นคือหันหลังให้ทหารด้วยซ้ำไปซึ่งแม้ในสงครามกับศัตรูต่างชาติ ฆ่ากันอย่างบ้าเลือดเขาก็ไม่ทำกันเช่นนี้)
ปณิธานสูงสุดของมนุษยก็คือ มีชีวิตอยู่ในโลกด้วย เสรีภาพ ในการพูด ความเชื่อ เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่สิทธิมนุษยชนต้องได้ความคุ้มครองโดยการบังคับของกฏหมาย(ถ้าไม่ต้องการให้มนุษย์ต่อสู้ด้วยอาวุธกับพวกทรราชย์และการกดขี่ทุกอย่าง) ผมอ่าน ปฏิญญาให้พวกเขาฟังเพียงสองข้อสำคัญครับคือ
1. มนุษยทั้งหลายเกิดมาอย่างเสรี และเสมอภาคกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ ต่างคนล้วนมีเหตุผล มีมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันด้วยเจตนารมณ์แห่งภราดรภาพ (พวกนี้เข้าใจคำว่าภราดรภาพหรือเปล่าไม่รู้ ไม่งั้นปล่อยให้รัฐบาลอภิสิทธิ์สุเทพฆ่าพวกเราได้อย่างไร)
2. ทุกๆคนย่อมมีสิทธิและเสรีภาพ ตามที่กำหนดไว้ในปฏิญญานี้ โดยปราศจากความแตกต่างไม่ว่าชนิดใดๆดัง เช่น เชื้อชาติ ผิว เพศ ภาษา ศาสนา ความคิดเห็นทางการเมือง หรือทางอื่นๆ เผ่าพันธุ์แห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สิน ชาติกำเนิด หรือสถานะอื่นๆ
ผมอ่านแค่สองข้อ แล้วก็เริ่มต้นถามพวกเขาว่า พวกคุณเข้าใจตรงกับผมหรือเปล่า แล้ว สิทธิมนุษยชนจะเกิดขึ้นได้เฉพาะในโลกของระบอบ เสรีนิยม-ประชาธิปไตยเท่านั้น ระบอบพลพต นาซี มุสโสลินี สตาลิน หรือระบอบเผด็จการทรราชย์ทั้งหลายไม่อาจมีได้หรอก รวมทั้งพวกรัฐประหารของไทยเราด้วย
ผมก็เลยบอกว่า กสม. ชุดนี้ เห็นตาม ประธาน กสม. คนที่ผ่านมาประกาศไว้หรือเปล่าคือ “รัฐประหารเป็นสิ่งชั่วร้ายที่จำเป็น” ถ้าเห็นด้วยกับประธานคนที่ผ่านมาก็ประกาศให้ประชาชนไทยรู้และโลกทั้งโลกรู้ให้ทั่วกันเลย
เพราะผมเองไม่เห็นด้วย ผมเห็นว่า รัฐประหารทุกครั้งเป็นสิ่งชั่วร้ายครับ เพราะประชาธิปไตยมีทางแก้เสมอ หากมีปัญหาทางการเมืองก็คืนอำนาจสูงสุดของประเทศกลับไปให้ประชาชนเสีย
แล้วทำไมในรายงานของกสม.ไม่ได้ประณามการรัฐประหารแม้แต่ ถ้อยอักษรเดียว ตรงข้ามกลับ ใส่ร้ายป้ายสีนายกฯทักษิณและรัฐบาลทักษิณ หาว่าทักษิณขายชินคอร์ปโดยไม่เสียภาษีบ้างละ ทั้งที่เทเลนอร์ซื้อดีแทค ในเวลาไล่เลี่ยกันก็ไม่เสียภาษีแม้สตางค์แดงเดียว พวกเขาไม่ด่าว่า ยัง สรุปฟันธงว่า ทักษิณมีผลประโยชน์ทับซ้อนอีก เพื่อให้คนอ่านเขาเคลิบเคลิ้มไปกับการทำรัฐประหารครับ
ผมจะนำข้อความมาให้อ่านนะครับ
กสม. เขียนอย่างนี้ครับ ”ในช่วงปี 2551-2552 บริบททางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองเป็นปัจจัยที่มีผลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงปลายปี พ.ศ. 2548 จนถึงการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กรณีขายหุ้นโทรคมนาคมบริษัทชินคอร์ปอเรชั่นจำกัดโดยไม่ชำระภาษีรายได้จำนวนหลายหมื่นล้านบาท และการบริหารประเทศที่มีลักษณะ มีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่าสงผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ของรัฐ (Conflict of interests) ที่เริ่มขยายตัวไปอย่างขวาง เมื่อต้นปี พ.ศ. 2549 การก่อตั้งกลุ่มประชาชนในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ได้เปิดประเด็นต่อต้านการกระทำอันมิชอบของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล มีการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องในหลายพื้นทีทั่ว กทม. จนเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลในวันที่ 19 กันยายน 2549...........”
ถ้อยคำทั้งหมด ประณาม นายกฯทักษิณ และเชิดชูยกย่อง พันธมิตร และแก้ตัวให้การรัฐประหารของ คปค. ว่าสมเหตุสมผลมีความชอบธรรม ผมบอกว่า ข้อสองของปฏิญญาสากลบอกไว้ชัดเจนว่า ถ้าพวกคุณเป็นกรรมการสิทธิฯจริง พวกคุณต้องเคารพสิทธิเสรีภาพบรรดาที่กำหนดในปฏิญญานี้ โดยปราศจากความแตกต่างไม่ว่าชนิดใดๆดังเช่น......ความคิดเห็นทางการเมือง.........แต่นี่พวกคุณ เชียร์พวก พธม. พวก รปห. เต็มที่ ตีกระหน่ำทักษิณเต็มที่ โดยทำทีเป็นการอธิบายสถานการณ์ ทำไมพวกคุณไม่กล่าวถึงเรื่องโกหกทั้งหมดของพันธมิตรบ้างละ เช่น ปฎิญญาฟินแลนด์ นั่งในอุโบสถวัดพระแก้วเสมอเจ้า ฯลฯ ไม่มีเลย
ยังมีอีกมากครับเช่นในหน้า 26-27 กสม. เขียนว่า “ในช่วงปี 2551-2552 มีสถานการณ์ทางการเมืองที่สะท้อนให้เห็นถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชน กล่าวคือนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ได้มีการชุนนุมทางการเมืองที่มีผุ้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากหลายครั้งโดยในปี 2551 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ชุมนุมอย่างยืดเยื้อเป็นเวลา 193 วัน มีการขับไล่รัฐบาลนายสมชายวงศ์สวัสดิ์มีการยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ตลอดจนการปิดล้อมรัฐสภาจนทำให้มีการสลายการชุมนุมและมีผู้เสียชิวิต 2 คนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551”
พวกนี้ไม่ควรเป็นกสม.กินเงินเดือนคนละแสนมีรถหลายล้านพร้อมคนขับ และผู้ช่วยอีกหลายคนกินเงินเดือนอีกนับหลายหมื่นบาทเลยนะครับ
เพราะแม้แต่พวกพันธมิตรที่ตายด้วยเอ็ม 79 ในทำเนียบพวกเขาไม่พูดถึงเลยสักอักษรเดียว ไม่พูดถึง สถานที่พันธมิตรไปยึด เช่น ช่อง 11 เพื่อต่อสัญญาณเอเอสทีวีถ่ายทอดทั่วโลก ไม่พูดถึง กระทรวงเกษตร กระทรวงคมนาคม กระทรวงต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่พูดถึงการจอดรถหน้าซอยวิภาวิดี3แล้วกระหน่ำยิงปืนลงจากรถ แล้วเดินก๋ากลางถนนยัดกระสุนปืนใส่รังเพลิงแล้วกระหน่ำยิงนับไม่ถ้วน ไม่พูดถึง สตรีที่ชื่อโบว์ที่สงสัยว่าตายด้วยระเบิดปิงปองของพวกพธม.เองฝากไว้ให้แล้วหนีบที่รักแร้
สารวัตรจ๊ายที่กดรับมือถือแล้วระเบิด สมองลอยไปค้างบนกิ่งไม้ ร่างถูกฉีกตามดิ่ง ครึ่งท่อนขวาอยู่นอกรถ ครึ่งท่อนซ้ายอยู่ในรถ แล้วมีระเบิดต่ออีกสองระลอกจากในรถ ซึ่งสงสัยว่าเป็นซีโฟว์จำนวนมาก และจากถังแก๊สในรถ ไม่พูดถึง คนที่ขับรถปิดอัพชนตำรวจห้าคนแล้วถอยมาทับอีก ไม่พูดถึงพลอภินพเครือสุขที่โทรไปบอกภรรยาว่าผู้นำประเทศมาประชุมในค่ายทหารมีอันต้องลื่นล้มในห้องน้ำหัวฟาดชักโครกตาย (เป็นไปได้ไหมครับ โกหกหน้าด้านๆเลยครับ ผลนิติเวช หมอศิริราชบอกชัดว่าตายเพราะมีของแข็งกระแทกอย่างแรงที่ท้ายทอยครับ)
แต่พอพูดถึง นปช. ใส่เลยครับว่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสังคมภาพลักษณ์แลเกียรติภูมิของประเทศ  ดังต่อไปนี้ครับ
หลังจากนั้น มีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ระหว่างวันที่ 8-14 เมษายน 2552 เพื่อขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์เวชชาชิวะทำให้รัฐบาลร่วมกับที่ประชุมสุดยอมผุ้นำอาเซียน หรือเวทีอาเซียนสัมมิท ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีช รีสอร์ทเมืองพัทยา ต้องประกาศเลื่อนการประชุมออกไป ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม ภาพลักษณ์ และเกียรติภูมิของประเทศไทย..........”
โอ้ย อภิสิทธิ์เป็นคนสั่งยกเลิกการประชุมเองเวลาประมาณ 11.00 น. นายกรัฐมนตรีไม่ยอมไปพบอริสมันต์เพื่อรับปากว่าจะหาคนร้ายที่ยิงปืนใส่แท๊กซี่ของเรา ยิงกระสุนน๊อตทำให้เพื่อนเราเข้าไอซียู เขาส่งใครไปก็ได้ แต่ไม่ยอม แต่สั่งยกเลิกการประชุมแทน แล้วใส่ร้ายว่าเสื้อแดงเป็นคนไปล้มการประชุมพัทยา
ตอนเราไปถึงโรงแรมรอยัลคลิฟบีช พวกผู้นำไม่อยู่แล้ว และคนที่หนีคนแรกคือ นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ จนสมเด็จฮุนเซนประจานความขี้ขลาดของอภิสิทธิ์โดยการรอเพื่อร่ำลากับอภิสิทธิ์ก่อนค่อยกลับรอแล้วรอเล่าไม่เห็นหัวอภิสิทธิ์ท่านจึงต้องกลับก่อน
แล้ว กสม. ยังใส่ร้ายคนเสื้อแดงว่าทำให้ประเทศเสียหายมหาศาลดังกล่าว แล้วที พวก พธม. ปิดสนามบิน 8 วัน พินาศไปทั่วโลก กสม. ไม่ตำหนิสักคำ
ยังมีข้อความที่ ใส่ร้ายว่า คนเสื้อแดงสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิดกับพรรคพลังประชาชน โดยฝั่งพันธมิตร กสม. ไม่เขียนสักคำว่า ใกล้ชิดกับพรรค ปชป. พรรคนี้ไม่ใช่หรือที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือและขึ้นปราศรัยบนเวที พธม. ทั้งในทำเนียบ ที่ช่อง11 และที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง กสม. ไม่เขียนเลยครับ
ผมจึงบอกว่า ผมเตือนพวกคุณนะครับ ว่าพวกคุณกำลังทำลายตัวเอง สำหรับผมแล้ว พวกคุณไม่ใช่กรรมการสิทธิมนุษยชนครับ แต่เป็นกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งที่สังกัดกลุ่มการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์กับทักษิณและคนเสื้อแดงต่างหาก มีการอภิปรายโต้แย้งกันมาก ประชาธิปัตย์ก็จะปกป้อง กสม. และด่าว่าพวกเรา
เราก็ต้องชี้ให้เห็นความจริงว่ารายงานของ กสม. เป็นรายงานที่ไม่สมบูรณ์บกพร่องร้ายแรง ตอนหลัง ส.ส. ขจิตชัยนิคมเรียกร้องให้ กสม. ถอนรายงานออกไปเขียนใหม่ แต่อมราพงศาพิศไม่ตอบอะไร
ผมบอกว่า รายงานนี้ไม่สมบูรณ์เอียงข้างไม่เป็นวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะส่วนทางการเมืองผมขอปฏิเสธทั้งหมด
อภิปรายยาวนานมากจนเวลาค่อนเย็นมากแล้ว มีผู้เสนอนับองค์ประชุม ประธานเห็นว่า อภิปรายมากแล้ว เลยปิดประชุมค่อยว่ากันใหม่
เพื่อน ส.ส. ฝ่ายเรา บอกกันว่า พวกเราไม่ใช่ตรายาง ไม่ใช่ว่าเพียงแค่ กสม. ส่งรายงานไม่เข้าท่าฉบับนี้มาให้เราพูดๆๆไปแล้วถือว่า ยอมรับแล้ว แล้วพวกเขาก็จะเผยแพร่ต่อไป อนาคตสิบ-ยี่สิบปีข้างหน้า ก็กลายเป็นว่าสภารับทราบแล้วหรือรับรองแล้ว แล้วกลายเป็นประวัติศาสตร์ไป ประเทศไทยเรามีพินาศวอดวายกว่านี้หรือครับ
ก็คงต้องไปต่อสู้กันต่อไปในสัปดาห์หน้า เพราะ ปชป. ต้องกระดี๊กระด๊าว่า สภารับทราบแล้วผ่านแล้ว พวกเราเห็นจะต้องยืนยันว่า เราไม่ยอมรับ รายงานฉบับนี้ครับ
นี่เรายังไม่ได้เห็นรายงานของ เมษา-พฤษภา 53 เลยนะครับ ว่าจะชั่วร้ายเลวทรามยิ่งกว่าของ คอป. หรือไม่อย่างไร คงต้องติดตามต่ออย่างใจจดใจจ่อนะครับ
ที่ต้องเตรียมตัวให้มากขึ้นในสัปดาห์ต่อไปคือ รายงานของ ศาลรัฐธรรมนูญปี 53 จะเข้าสภาครับ คงต้องต่อสู้กับ ปชป. และศาลรัฐธรรมนูญกันอีกยกใหญ่ครับ