Facebook นพ.เหวง โตจิราการ 26 ตุลาคม 2555 >>>
วานนี้ (25 ต.ค. 55) นพ.เหวง โตจิราการ โพสท์ข้อความอัด พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ (เสธ.อ้าย) ประธานองค์การพิทักษ์สยาม กรณีแสดงความเห็นเกี่ยวกับการรัฐประหารดังนี้
ผมขอคัดลอกบางข้อความของประมวลอาญามาตรา 113 มาให้ท่านทั้งหลายได้รับรู้นะครับ ดังนี้ครับ
“ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือ ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อ
2. ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต”
อันที่จริง เสธ.อ้าย มีสิทธิ์เต็มที่ในการที่จะระดมคนมาชุมนุมกันที่สนามม้านางเลิ้งในวันที่ 28 ต.ค. 55 ตราบเท่าที่ไม่ได้ทำผิดรัฐธรรมนูญ หรือทำผิดกฎหมายใดๆ และคนที่นิยมชมชอบ เสธ.อ้าย ก็มีสิทธิที่จะไปชุมนุมกับเขา ผมไม่ได้ค้านดอกครับ
แต่ประเด็นอยู่ที่ เสธ.อ้าย ให้ข่าว ว่า ถ้ามีคนมามากพอจะทำการปฎิวัติ หรือมีกำลังทหารอยู่ในมือพอจะทำการปฏิวัตินี่เป็นสิ่งที่ผิดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมายไม่ใช่หรือครับ ?
เมื่อไปเทียบดูกับสิ่งที่ประมวลอาญามาตรา 113 ที่ผมคัดลอกเอาตอนที่เกี่ยวข้องมาให้อ่านแล้วจะเห็นได้ว่า เป็นการกระทำที่กฎหมายเขียนไว้ว่าเป็นความผิด
ผมจึงได้เตือน เสธ.อ้าย ในวันนี้ (25 ต.ค. 55) ครับ ว่าระวังหน่อยนะว่า อาจจะผิดประมวลอาญามาตรา 113 ซึ่งความผิดเป็นกบฎและมีโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตเลยนะครับ
แต่ความที่ผมอ่านคำพูดของ เสธ.อ้าย จากหนังสือพิมพ์ไม่ได้ฟังด้วยตนเอง จึงอาจจะยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ดังนั้นจึงต้องปรึกษาหารือท่านผู้รู้กฎหมาย และท่านที่มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับการพูดของ เสธ.อ้าย ว่า จะเข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 113 ประมวลอาญาหรือไม่ ??? และควรจะดำเนินการตามกฎหมายกับเขาหรือไม่ ?????
หากมีหลักฐานมัดแน่น และน่าจะมีความผิดเข้าข่ายมาตรา 113 จริง ก็น่าจะดำเนินการไปตามกระบวนยุติธรรมนะครับ
ในเมืองไทยเราทุกวันนี้ เห็นพวกอำนาจนิยม พวกอำมาตยาธิปไตย พูดขู่เรื่องการทำปฏิวัติ (อันที่จริงมันเป็นรัฐประหารนะครับ) กันอย่างง่ายๆและบ่อยๆ
ทั้งนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นผลสืบเนื่องจาก ในอดีตเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาได้ชี้ไว้ว่า “การรัฐประหารที่ได้รับชัยชนะนั้นเป็นรัฐฎาธิปัตย์” และพวกที่รัฐประหารชนะก็เสวยสุขกันทุกคนไม่ต้องรับผิดกับการกระทำความผิดของตนเองเลยแม้แต่คนเดียวจนถึงปัจจุบันนี้ ความเห็นส่วนตัวของผม
1. คำพิพากษาศาลฎีกาไม่ใช่กฎหมายครับ แต่เป็นคำตัดสินที่บังคับกับคู่กรณี และเป็นตัวอย่างในการ นำเอาข้อเท็จจริงมาประกอบเข้ากับข้อกฎหมายเพื่อให้นักกฏหมายที่พรรษาอ่อนจะได้ใช้เป็นบทเรียนในการศึกษาให้มากยิ่งๆขึ้นต่อไป กฎหมายนั้นต้องมาจากรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ครับ
2. ปัจจุบันนี้ ความข้อนี้เนื่องจากมีผู้คนนำไปอ้างใช้กันอย่างผิดๆ จนกระทั่งกลายเป็นหลักการทางความคิดพื้นฐานทั่วไปเสียแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับยอมรับความชอบธรรมของการทำรัฐประหารและจะนำไปสู่การรัฐประหารอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในสังคมไทยอย่างแน่นอน
ดังนั้นในแง่มุมของการเป็นรากฐานทางความคิดของคนในสังคม พวกเราคงต้องช่วยกัน แก้ไขความคิดที่ผิดดังกล่าวให้หมดไปจากสังคมไทย โดยการยืนยันว่า การรัฐประหารเป็นสิ่ง ที่ชั่วร้าย ต้องกำจัดให้สิ้นไปจากประเทศไทย ไม่ให้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด
เพราะในสังคมประชาธิปไตย ความขัดแย้งทางความคิดเห็น ทางการบริหารหรือทางการเมืองการปกครอง เป็นเรื่องธรรมชาติปกติ ไม่มีอะไรน่ากลัว การชุนนุมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ต่างกันก็ทำได้ ตราบเท่าที่ไม่ปะทะกัน ไม่ผิดรัฐธรรมนูญไม่ผิดกฏหมาย
ความขัดแย้งทางการเมืองทุกชนิดไม่ว่าจะสาหัสสากรรจ์หรือวิกฤตแค่ไหน ก็สามารถหาทางออกได้แก้ไขได้
ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้โดยการคืนอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ให้แก่ราษฎรทั้งหลาย กล่าวคือ การยุบสภาคืนอำนาจสูงสุดทางการเมืองให้ประชาชนได้ตัดสินใจทางการเมืองนั่นเอง
หรือพูดง่ายก็คือยุบสภาแล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่ เช่นเดียวกับที่พวกเราเรียกร้องเมื่อเมษา-พฤษภา 53 นั่นแหละครับ แต่รัฐบาลทรราชย์กลับมอบความตายให้กับพวกเรา ดังนั้นพวกเราต้องทวงความเป็นธรรม ความถูกต้องทุกอย่างคืนมาจากพวกรัฐบาลทรราชย์ในสมัยนั้นให้สำเร็จให้ได้ครับ