เผยเหตุผลที่แท้จริง ทำไม ? "หม่อมปลื้ม" เลือกที่จะอยู่ข้าง "เพื่อไทย" มากกว่า "ปชป."

มติชน 8 กันยายน 2555 >>>




วันที่ 8 ก.ย. ที่ห้องประชุมข่าวสด ได้มีการจัดโครงการผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่นที่ 3 โดย มติชน ร่วมกับมูลนิธิสัมมาชีพ และสมาคมธรรมศาสตร์ ร่วมติดอาวุธทางปัญญาให้ผู้นำภา​คส่วน ภายใต้หัวข้อการบรรยาย "สื่อกับการเปลี่ยนผ่านปัญญาเพื่ออนาคต" ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล พิธีกร และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ Voice TV ได้สะท้อนมุมมองว่า ทุกวันนี้สิ่​งที่ขาดหายไปและพยายามที่จะทำในฐานะสื่​อมวลชนก็คือ ทำหน้าที่นำเสนอให้คนที่รับชมรายการ​เกิดกระบวนการคิด โดยผู้ดำเนินรายการพยายามกระตุ้นคำถาม เปิดประเด็นที่สำคัญที่มีผลกระท​บและความจำเป็นต่อชีวิต ให้เกิดการต่อยอดทางความคิดจากก​ารรับชมสื่อ ซึ่งสื่อที่เป็นช่องฟรีทีวีไม่ค่อยนำเสนอเรื่องใกล้ตัว เช่น การทำแท้งบทสรุปควรเป็นไปใน​ทิศทางไหน หรือการเปิดประเด็นเรื่องการเสี​ยภาษี มากกว่าการให้ความสนใจการตามหาควาย
ขณะเดียวกัน ประเด็นที่นำมาพูดหรือถก​เถียงกันในสังคมนั้น มีคนต้องการพูดแต่พูดไม่ได้ เนื่องจากขัดกับภาพลักษณ์ขององค์​กร หรือขัดวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ซึ่งจริงๆ แล้วหน้าที่ของสื่อสมควรจะตอบสนองสาธารณะมากกว่า แต่สถานีหลายแห่งต้องรักษาภาพลักษณ์ มีอำนาจทุนและอำนาจรัฐแทรกแซงอยู่ ฉะนั้น เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยสื่อจึงนำเสนอแค่บางเรื่อง ทำให้ขาดความหลากหลาย ซึ่งจริงๆ แล้วสิ่งที่สถานีเหล่า​นั้นไม่ได้นำเสนอ เพราะอาจจะไม่ได้คำนึงถึงเรทติ้ง คำนึงแต่ภาพลักษณ์
ส่วนประเด็นการเลือกข้างของสื่อนั้น ม.ล.ณัฎฐกรณ์ มองว่า จริงๆ แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นการกระชากเรทติ้ง และกลายเป็นจุดขายด้วยซ้ำไป ซึ่งขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของผู้บริหาร เ​ช่น การเลือกข้างแล้วนำเสนออยู่ภายใต้กรอบของจรรย​าบรรณวิชาชีพสื่อ หรือเลือกผู้นำเสนอที่พูดเก่ง มาก​ความสามรถ บุคลิกภาพหน้าตาดี ก็จะทำให้ขายได้ ยกตัวอย่างอย่างสื่อบันเทิงไทย ยังถือว่าอ่อนมากในการหาข่าวเมื่อเทียบกับทางตะวันตก เนื่องจากไม่มีการคิดนอกกรอบ คือ นักข่าวเลือกที่จะไปนั่งรอดาราเป็นชั่วโมงๆ ในงานเปิดตัวสินค้าชนิดหนึ่งที่แฝงการโฆษณ​าเพื่อให้ได้ข่าวตามอีเว้นท์ต่างๆ ซึ่งต่างจากสำนักของต่างประเทศ ที่จะออกลาดตระเวน ตามแหล่งสาธารณะต่างๆ เพื่อหาตัว​ดารา ไม่ใช่การนั่งคอย ซึ่งวัฒนธรรมไทยนักข่าวก็ยังมีความเกรงใจคนมีชื่อเสียง ซึ่งถือว่า​เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ในช่วงท้ายของการเสวนา ม.ล.ณัฎฐกรณ์ ยังกล่าวถึงเรื่องการเมือง โดยเฉพาะเหตุผลในการเลือกพรรคการเมืองหนึ่ง เนื่องจากไม่มีอีกพรรคที่ดีกว่า​ให้เลือกแล้ว มากกว่า เลือกเพราะอยากจะเลือ​กพรรคนั้นจริงๆ โดยยอมรับว่าครั้งหนึ่งเคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งล่าสุดก็สลับมาเลือกพร​รคเพื่อไทย ซึ่งหากพิจารณาดูแล้วประชาธิปัต​ย์กับเพื่อไทยก็ไม่ได้ต่างกันสั​กเท่าไร เพราะเขาก็ไม่ได้ทำตามที่ประชาช​นต้องการ หรือทำตามที่ประชาชนเรียกร้อง เช่น กระทรวงไอซีทีในยุครัฐบาลประชาธิปัตย์กับรัฐบ​าลเพื่อไทยก็ยังคงบล๊อกหรือปิดกั้นเว็บไซต์จำนวนมากเท่าๆ กัน
อย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้ประชาชนควรจะเปลี่ย​นโจทย์จากการรอพรรคการเมือง หรือรอรัฐบาลทำในสิ่งที่คุณต้องการ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพราะรัฐบาลทำเพื่อให้ตนเองอยู่รอดมากกว่าความต้องการประ​ชาชน