ทีมข่าว นปช.
18 กันยายน 2555
วานนี้ (17 ก.ย. 55) อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ และ นพ.เหวง โตจิราการ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีศาลอาญามีคำสั่งกรณีไต่สวนการเสียชีวิตของ พัน คำกอง
อ.ธิดา กล่าวว่า หากการตัดสินคดีเป็นไปตามความเป็นจริง คนเสื้อแดงก็พร้อมจะยอมรับทุกประการ ผลการตัดสินวันนี้อาจเป็น "รุ่งอรุณแห่งความยุติธรรม" ในประเทศไทย นับจากนี้คดีอื่นๆก็จะตามมา ตนเองมั่นใจว่า การต่อสู้ของ นปช. และคนเสื้อแดงเป็นการต่อสู้ด้วยสันติวิธีอย่างแท้จริง และเชื่อมั่นอยู่ตลอดเวลาว่า ผลการตัดสินจะออกมาเช่นนี้
ผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เราต้องการเพียงคำรับรอง และการตรวจสอบจากศาลเท่านั้นเอง เราต้องการให้คดีดำเนินการไปตามครรลองที่ควรเป็น ไม่ควรจะมีอะไรมาหยุดยั้ง ถ้าความยุติธรรมไม่เกิดขึ้น อนาคตประเทสไทยจะไม่มีแน่นอน
โชคดีที่กระสุนปืนฝังอยู่ในบาดแผลจึงสามารถเก็บกระสุนปืน M16 A2 ได้ และในครั้งนี้ยืนยันได้ชัดเจนว่า ไม่มีกองกำลังอื่น ไม่มีการต่อสู้ของประชาชน พื้นที่ถูกควบคุมโดยทหารโดยสิ้นเชิง จึงไม่มีข้อแก้ตัวใดๆว่า มีการต่อสู้ หรือกองกำลังติดอาวุธใดๆ
เราหวังว่า คดีนี้จะเป็นมาตรฐานในการที่จะตรวจสอบคดีอื่นๆต่อไป ในพื้นที่ที่มีการควบคุมโดยทหารโดยสิ้งเชิง และไม่มีประจักษ์พยานหรือวัตถุพยานใดๆ แต่มีการต่อสู้ด้วยอาวุธ และมีการตายเกิดขึ้น คดีนี้น่าจะนำไปสู่คดีอื่นที่จะทำให้การตายของประชาชนนั้นได้รับการสืบสวนอย่างเป็นธรรม
นพ.เหวง วิเคราะห์คำตัดสินของศาลอาญาในวันนี้ว่า
1. รถตู้คันนี้หยุดก่อนแล้วถึงครึ่งชั่วโมงสมควรที่ทหารจะเข้าไปดำเนินการตรวจค้น แต่ก็ไม่ทำ นายทหารยศพันเอกคนหนี่งเดินเข้าไปอย่างไม่ได้ระมัดระวังตัว แสดงว่า ทหารคนนั้นรู้ว่า ไม่มีผู้ก่อการร้ายในบริเวณนั้น เป็นการเปิดโปงและประจาน ศอฉ. ว่า ใส่ร้ายคนเสื้อแดงว่า มีอาวุธ โดยใช้รถตู้ขนอาวุธเข้าไป ซึ่งกรณีนี้ชัดเจนว่า ไม่จริง
2. ทหารอ้างว่า มีการยิง M79 ใส่ทหาร ทำให้ทหารมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างเต็มขั้น เพื่อไม่ให้ใครเข้าไปในบริเวณดังกล่าว แต่กลับไม่มีพยานยืนยันว่ามีการยิง M79
3. บริเวณดังกล่าวแม้แต่ตำรวจเองก็บอกว่า ใครก็เข้าไปไม่ได้ ขนาดตำรวจจะเข้าไปยังต้องถูกตรวจค้น ดังนั้นเหตุใดทหารจึงใช้กระสุนจริง ? ศอฉ. เคยท่องเป็นสูตรตายตัวว่า จะดำเนินการจากเบาไปหาหนัก 7 มาตรการจึงเป็นเรื่องโกหกโดยสิ้นเชิง ศอฉ. ไม่ได้ใช้มาตรการเบาไปหาหนัก แต่ใช้ปืนดำเนินการสังหารประชาชน
