ทีมข่าว นปช.
16 กันยายน 2555
วานนี้ (15 ก.ย. 55) แกนนำ นปช. ร่วมงาน "6 ปีรัฐประหาร คนสั่งการยังลอยนวล" ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพ
อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ กล่าวว่า รัฐประหาร 2549 เป็นรัฐประหารครั้งที่ 20 ของประเทศไทย นับตั้งแต่ปี 2475 เฉลี่ยทุก 4 ปีมีรัฐประหาร 1 ครั้ง เร็วกว่าเปลี่ยนแฟชั่นกระโปรงเสียอีก ซึ่งการรัฐประหารแต่ละครั้งทำให้ประเทศไทยเสียโอกาส
ร.5 ทรงเปิดประเทศไทยในเวลาไล่เลี่ยกับญี่ปุนเปิดประเทศ แต่ปัจจุบันญี่ปุ่นล้ำหน้ากว่าประเทศไทยมาก เทคโนโลยีของญี่ปุ่นก้าวหน้ากว่าประเทศไทยมาก แม้แต่เกาหลีใต้ก็ยังมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีระดับโลก ทั้งที่เมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมาเกาหลียังมีสงครามกลางเมืองจนต้องแบ่งประเทศออกเป็น 2 ประเทศ
สิงคโปร์ และมาเลเซียซึ่งอยู่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุดยังมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าประเทศไทย ทุกประเทศที่กล่าวมาล้วนไม่มีการรัฐประหารมากว่า 100 ปี ประเทศไทยคงต้องเทียบเคียงกับพม่าที่ปกครองโดยรัฐบาลทหารมาอย่างยาวนาน ข้อมูลเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาระบุว่า พม่าเป็นเพียงประเทศเดียวในอาเซียนที่มีผลผลิตข้าวเฉลี่ยต่อไร่ต่ำกว่าประเทศไทย แม้แต่ลาวก็ยังมีผลผลิตสูงกว่าประเทศไทย
ปี 2534 ตนเองไม่เชื่อว่าจะมีการรัฐประหาร แต่ก็เกิดขึ้นจนได้ แต่ก็ยังไม่ประหลาดใจเท่ากับการรัฐประหารปี 2549 การรัฐประหารแต่ละครั้งหากเทียบกับสมัยสมบูรณาสิทธิราชย์ถือเป็นการเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่
การเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้าของประเทศไทยมีเพียง 2 ครั้งคือ ปี 2475 และ 2476 ซึ่งนำโดยพระยาพหลพลพยุหเสนา ปี 2475 ถือเป็นการ "ปฏิวัติ" ซึ่งเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่ล้าหลังไปสู่ความก้าวหน้า ส่วนการรัฐประหารครั้งอื่นๆเป็นรัฐประหารที่ทำให้ประเทศไทยล้าหลังทั้งสิ้น
การรัฐประหาร 2549 เป็นการรัฐประหารเพื่อทวงคืนอำนาจของ "ทุนอำมาตย์" จากพรรคการเมือง "ทุนใหม่" ซึ่งนำโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในครั้งนั้นฝ่ายอำมาตย์คิดก่อรัฐประหารเพื่อต่อต้าน "นายทุน" แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับกลายเป็นต่อต้าน "ประชาชน" เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทยยืนอยู่เบื้องหลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ฝ่ายอำมาตย์คิดว่า การรัฐประหารครั้งนี้เป็นการแย่งชิงอำนาจคืนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็น "นายทุนใหม่" โดยใช้วิธีแบบจารีตนิยมคือ การประหารชีวิต 7 ชั่วโคตร และริบทรัพย์ และมองคนเสื้อแดงเป็นคอมมิวนิสต์จึงใช้วิธีปราบปรามแบบยุคสงครามเย็น
ตนเองขอยืนยันว่า ขณะนี้คู่ต่อสู้ของอำมาตย์ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไทย แม้ผ่านการรัฐประหารมา 6 ปี แต่เครือข่ายอำนาจของอำมาตย์ยังคงฝังตัวอยู่ทั่วประเทศไทย
อำมาตย์พยายามสร้างนิยาย โดยสร้างภาพให้ตัวเองเป็นฝ่ายจริยธรรม, คุณธรรม และใส่ร้ายคนเสื้อแดงเป็นคนเลว โดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น "ทุนสามานย์" ดังนั้นตนเองจึงเห็นว่า หากมองคนเสื้อแดงเป็น "อสูร" ประเทศนี้ก็คงมีอสูรอยู่เต็มประเทศ จึงควรอัญเชิญ "เทพ" เหล่านี้ไปอยู่ที่อื่น
"ความดี" และ "ความเลว" เป็นสิ่งที่ฝ่ายอำมาตย์ตัดสินเอง เพราะ "คนดี" ของคนเสื้อแดงคือ คนดีของประชาชน ไม่ใช่คนดีของอำมาตย์ คนดีของอำมาตย์ที่ไม่สร้างความยุติธรรมควรถือเป็นคนดีประเภทไหน ?
การรัฐประหาร 2549 ยังไม่จบสิ้น เพราะ รธน. จากการรัฐประหารยังคงอยู่ เป็น รธน. ที่ต้องทนรับเพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง ขณะที่ฝ่ายอำมาตย์พยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษา รธน. ฉบับนี้ ทุกวันนี้อาจไม่มีการรัฐประหารด้วยรถถัง แต่มีอย่างอื่นเข้ามาแทนที่คือ กม. และองค์กรอิสระ สิ่งเหล่านี้คือ "มรดกบาป" ที่อำมาตย์สร้างไว้เพื่อไม่ต้องการคืนอำนาจให้กับประชาชน อำมาตย์ยุบพรรคการเมืองที่ไม่ใช่ฝ่ายของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ยกเว้น ปชป. เพราะ ปชป. เป็นพรรคการเมืองของฝ่ายอำมาตย์ แต่ตนเองเชื่อว่า ต่อไปนี้คนเสื้อแดงจะไม่ยอมอีกต่อไป
องค์กรอิสระคอยแต่จะจับผิดนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามอำมาตย์ เป็นเรื่องน่าละอายที่ยังอวดอ้างตนเองเป็น "เทพ" นอกจากนี้อำมาตย์ยังมีความพยายามที่จะเอาแกนนำ นปช. เข้าเรือนจำอยู่ตลอดเวลา